วันเสาร์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2560


วันนี้ผมไม่ว่างไปโรงยิมกับฮารุนะ ให้มุนอาไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้

“เอ่อ คือพอดีวันนี้ฉันก็ไม่ว่างเหมือนกันน่ะ ที่บ้านจะมีงานเลี้ยงนิดหน่อย ฮารุไปคนเดียวได้ไหม”

“อ้อ ได้สิ”

ทั้งฮีโระและมุนอา ต่างก็มีธุนะต้องไปทำ และแล้ววันนี้ฉันก็ได้ไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาสที่โรงยิมคนเดียว จริงๆแล้วฉันน่าจะดีใจมากกว่าที่รุ่นพี่อยากให้ฉันไป แต่ว่าตอนนี้ทำไมในหัวของฉันกลับคิดแต่เรื่องของฮีโระมากมายกันนะ ทั้งๆที่ก่อนหน้าที่ฉันจะพบเขา รุ่นพี่เป็นเพียงคนเดียวที่ฉันเฝ้ามองและคิดถึง ไม่ ไม่ ไม่ ยังไงซะรุ่นพี่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่เราชอบ สำหรับฮีโระเพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันและเป็นเพราะอีกไม่นานเขาก็ต้องไปจากที่นี่ฉันถึงได้คิดถึงเขาต่างหากล่ะ

“ฮารุ เป็นอะไรรึปล่าว โกรธพวกเราที่ไม่ไปด้วยเหรอ”

“เอ๋ ปะ ปล่าวนะ ไม่ได้โกรธสักหน่อย”

“มัวแต่เหม่อลอยแบบนี้จะไหวหรือเปล่าเนี่ย”

ฮีโระพูดขึ้น

“เอาน่า ฉันไม่เป็นไร พวกเธอกลับกันเถอะมีธุระนี่นา ฮีโระอย่าลืมไปส่งมุนอาด้วยนะ”

“ได้ครับคุณผู้หญิง ผมจะทำตามคำสั่งทุกอย่างเลย”

ฉันร่ำำลากับฮารุและมุนอาแล้ว เดินไปที่โรงยิมเพียงลำพัง ที่โรงยิมรุ่นพี่กับเพื่อนๆกำลังเริ่มซ้อมบาสกัน ข้างบนสแตนนี้นอกจากฉันแล้วยังมีแชวอนและเพื่อนๆของเธอที่ปกติก็มักจะมาที่นี่ประจำอยู่แล้ว พวกเธอไม่วายที่จะส่งสายตาแห่งความไม่พอใจมาที่ฉันอยู่เสมอ และอีกมุมหนึ่งของสนามฉันเห็นซอลฟานั่งอยู่ เมื่อเธอเห็นฉันจึงลุกขึ้นและเดินมาหาฉัน

“วันนี้มาคนเดียวเหรอคะ รุ่นพี่ฮีโระกับรุ่นพี่มุนอาละคะ”

ซอลฟาลุกมานั่งข้างๆฉัน

“พวกเขาไม่ว่างกันน่ะ แล้วซอลฟาล่ะวันนี้ไม่มีซ้อมเหรอ”

“ซ้อมทุกวันค่ะ แต่วันนี้อยากเห็นหน้ารุ่นพี่ฮารุก่อนแล้วค่อยไป”

เธอพูดแล้วหันมายิ้มให้ฉัน

“อยากเจอหน้าฉันเนี่ยนะ”

“อื้ม ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ฉันอยากจะมีพี่สาวแบบพี่ มีเพื่อนๆที่คอยเข้าใจ และที่สำคัญรุ่นพี่ก็มีรุ่นพี่ฮีโระคอยดูแลตลอดเวลาด้วย ฉันว่าพี่ฮีโระต้องชอบพี่แน่ๆเลยล่ะค่ะ พี่ดูไม่ออกเหรอ”

“ฮะๆ ฮีโระเนี่ยนะ ไม่หรอกน่า พวกเราเป็นแค่เพื่อนที่ดีต่อกัน ว่าแต่ซอลฟาคงไม่ค่อยมีเพื่อนสินะ”

“ใครๆต่างก็พากันคิดว่าฉันเป็นคนหยิ่ง ดูเป็นคุณหนู และคงไม่น่าคบสักเท่าไหร่ ฉันก็เลยมีแค่กีต้าร์ตัวนี้เป็นเพื่อนเท่านั้นแหละค่ะ แต่จริงๆแล้วฉันก็แอบเป็นขาลุยนะคะ เอาจริงๆฉันก็ไม่ได้หวานแหววและสำอางค์ขนาดนั้น ออกจะแมนด้วยซ้ำ ฮึ๊บ”

ซอลฟาทำท่าเบ่งกล้ามจากแขนเล็กๆขาวๆของเธอ ยังไงซะเธอก็ดูเป็นลูกหนู แต่ต่างออกไปตรงที่ตอนนี้เธอดูเข้าหาง่ายและเป็นคนที่น่าคบคนหนึ่ง

หลังจากที่ถึงเวลาพัก รุ่นพี่วิ่งขึ้นมาที่บนสแตนที่ฉันและซอลฟานั่งอยู่ ตอนนี้รุ่นพี่มีเหงื่อท่วมตัวและดูเหมือนจะเหนื่อยมากๆ ซอลฟาหันไปยิ้มและกล่าวทักทายกับรุ่นพี่ แต่ไม่รู้เพราะว่าไม่ทันได้สังเกตหรืออะไร รุ่นพี่ไม่ได้ทักทายตอบกับซอลฟาแม้แต่น้อย

“อ่าว สองคนนั้นไม่มาเหรอ แล้วเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย”

รุ่นพี่มานั่งข้างๆฉันและถามฉันด้วยความเป็นห่วง แต่ฉันทำได้เพียงสายหน้าเบาๆและหลบสายตาที่ต้องการคำตอบนั้น เพราะตอนนี้ฉันเองก็รู้สึกสับสนมากมาย มีบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่ามันค้างคาอยู่ในใจเกี่ยวกับฮีโระแต่ฉันนึกมันไม่ออกจริงๆ

“สองคนนั้นไม่อยู่ เดี๋ยวฉันดูแลรุ่นพี่ฮารุเองก็ได้ค่ะ”

ซอลฟาพูดอะไรมาด้วยหน้าตาน่ารัก แต่รุ่นพี่ก็ยังคงทำเหมือนไม่ได้ยินในสิ่งที่เธอพูด

“มีอะไรก็บอกกันบ้างก็ได้นะ เห็นฮารุเป็นแบบนี้เหมือนผมจะช่วยอะไรฮารุไม่ได้เลย”

“ไม่นะคะ นี่ไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่ ฉันแค่มีเรื่องที่ไม่เข้าใจอยู่นิดหน่อยเท่านั้นเองค่ะ แต่ว่า... ฉันก็ไม่อยากจะเห็นรุ่นพี่ต้องเศร้าเพราะฉันหรอกนะคะ ฉันอยากเห็นรุ่นพี่ที่มีแต่รอยยิ้มเหมือนเคยค่ะ” ^^

ฉันพูดกับรุ่นพี่และยิ้มออกมา ใช่แล้วล่ะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับความรู้สึกของฉัน ฉันไม่ควรจะแสดงมันออกมาให้รุ่นพี่ได้รับรู้และไม่สบายใจไปกับฉัน

“เอ่อ รุ่นพี่ฮารุคะ ฉันต้องกลับแล้วไว้เจอกันใหม่นะคะ”

ซอลฟาตัดบทด้วยการบอกลาโดยที่ไม่ได้ยิ้มออกมาเหมือนเคย เธอเก็บกระเป๋ากีต้าร์แล้วรีบเดินออกไปโดยไม่ร่ำลารุ่นพี่ด้วยซ้ำ ฉันคิดว่าเธอคงจะงอนรุ่นพี่เอาซะแล้ว

“ฉันคิดว่าซอลฟาน่าจะงอนรุ่นพี่แล้วนะคะ ทำไมถึงไม่คุยกับเธอบ้าง”

ฉันถามด้วยความสงสัย นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เห็นว่ารุ่นพี่เมินกับเธอ

“วันนี้หลังซ้อมเสร็จแล้วจะเดินไปส่งกลับบ้าน ห้ามปฏิเสธด้วย”

รุ่นพี่เปลี่ยนเรื่องพูดและลุกไปซ้อมต่อ ฉันจึงทำได้แต่พยักหน้ารับ แม้ว่าจะสงสัยมากแต่ฉันก็ไม่ควรจะคิดมากนี่นา คงไม่มีอะไรหรอกมั้ง รุ่นพี่ก็คงมีเหตุผลของรุ่นพี่นั่นแหละ เพียงแต่ว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกสงสารซอลฟาขึ้นมานะ มีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างเกิดขึ้น นี่ฉันคิดอะไรหลายเรื่องมากเกินไปหรือเปล่านะ ต้องมีสติๆ แต่เมื่อคิดถึงเรื่องที่จะได้กลับบ้านพร้อมกับรุ่นพี่ก็รู้สึกตื่นเต้นเหมือนกันนะ นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่จะได้กลับบ้านกับรุ่นพี่ ฉันนั่งดูการซ้อมจนเสร็จรุ่นพี่ก็รีบเก็บของและวิ่งขึ้นมาหาฉัน เราเดินออกจากโรงยิมและเดินกลับบ้านด้วยกัน แม้ว่าทางกลับบ้านของรุ่นพี่จะอยู่คนละทางกันกับฉัน แต่รุ่นพี่ก็ยังยืนยันที่จะมาส่งให้ได้

“เอ่อ ฮารุ รู้มั้ย สิ่งสำคัญของการเป็นนักกีฬาของ....ผม คืออะไร”

นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันได้ยินรุ่นพี่เรียกชื่อของฉัน และเขาก็เรียกตัวเองว่าผมด้วย รุ่นพี่พูดออกมาในขณะที่หน้าของเขาก็เหมือนจะแดงนิดหน่อย และหัวใจของฉันก็พองโตเช่นกัน

“ไม่รู้สิคะ คืออะไรเหรอ”

ฉันตอบเพราะความไม่รู้จริงๆ

“การแข่งขันซึ่งผมต้องชนะให้ได้ นั่นคือเป้าหมายของผมทั้งในการเล่นกีฬาและชีวิตจริง ดูเหมือนน่ากลัวใช่ไหมล่ะ”

“ไม่หรอกค่ะ ฉันรู้สึกได้ถึงความมุ่งมั่นและความตั้งใจของรุ่นพี่มากกว่าที่จะเป็นความน่ากลัว”

รุ่นพี่มองฉันและยิ้มออกมาอย่างเขินๆ

เฮ้อ... รู้สึกเหมือนพักนี้ตัวเองแปลกๆไปยังไงก็ไม่รู้แฮะ”

รุ่นพี่พูดพร้อมกับเกาหัวตัวเองเบาๆ

“แปลก... ตรงไหนเหรอคะ”

ฉันหันไปถามรุ่นพี่ ตอนนี้รุ่นพี่ได้แต่หลบตาฉัน

“จู่ๆก็รู้สึกว่า อยากจะทำอะไรบางอย่างให้ใครสักคน ทั้งๆที่เคยคิดมาตลอดว่า...จะไม่มีวันชอบเธอ ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ แต่ตอนนี้และเวลานี้ผมอยากให้ผมมีคนๆนั้นยืนอยู่ข้างผมแบบนี้ตลอดไป เอ่อ... น่าตลกใช่ไหม”

จู่ๆขาของฉันก็ก้าวไม่ออกซะอย่างนั้น ฉันหยุดเดินอย่างอัตโนมัติ คำพูดของรุ่นพี่ทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก เหมือนคนที่ไม่ได้หายใจไปชั่วขณะ ฉันทำได้เพียงแค่หลบสายตาของรุ่นพี่ที่หันมามองฉัน พร้อมกับคำพูดที่ทำให้ฉันอึ้งอีกครั้ง

“ถ้าฮารุยังไม่ได้ชอบใคร เราลองมาคบกันดูมั้ย”

( “ถ้าฮารุยังไม่ได้ชอบใคร เราลองมาคบกันดูมั้ย”)

(“ถ้าฮารุยังไม่ได้ชอบใคร เราลองมาคบกันดูมั้ย”)

(“ถ้าฮารุยังไม่ได้ชอบใคร เราลองมาคบกันดูมั้ย”)

................................................................................................................................................................................

เสียงของรุ่นพี่ยังคงดังก้องอยู่ในความคิดของฉัน ฉันไม่แน่ใจฉันฟังผิดหรือมันเป็นความจริง เพราะตั้งแต่วินาทีนั้น ฉันก็รู้สึกเหมือนล่องลอยและไม่รู้ตัว จนมาถึงหน้าบ้านของตัวเอง เป็นวินาทีที่ฉันไม่สามารถให้คำตอบอะไรกับรุ่นพี่ได้

“ถ้าเป็นไปได้ผมอยากได้ยินข่าวดีเร็วๆนี้นะ แล้วเจอกัน”

ประโยคสุดท้ายที่รุ่นพี่บอกกับฉันก่อนที่จะทำท่าเขินๆและวิ่งกลับไป ทิ้งให้ฉันยืนงุนงงกับคำพูดของรุ่นพี่จนถึงตอนนี้ นี่ฉันคงไม่ได้ฝันไปใช่ไหมเนี่ย ฉันลองหยิกตัวเองดู

“โอ๊ย... เจ็บจัง นี่ฉันไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย”

กว่าที่ฉันจะรู้สึกตัวก็เกิดรอยช้ำเล็กๆจากการบิดแขนตัวเองซะแล้ว จู่ๆรอยยิ้มที่ไม่ได้พบพานมานานก็เกิดขึ้นกับฉัน ไม่สิ ฉันคิดว่าฉันน่าจะยิ้มตั้งแต่ตอนที่รุ่นพี่บอกกับฉันแล้ว แต่ว่าฉันอาจจะไม่รู้ตัวเท่านั้นเอง

ตอนนี้ฉันทำได้เพียงแค่นอนกอดหมอนและกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนเตียงอย่างนั้น ความดีใจมันแสดงออกมายากจริงๆ ตอนนี้หัวใจของฉันยังคงเต้นแรงราวกับว่ามันจะทะลุออกมาข้างนอกยังไงยังงั้น แต่ก่อนที่ฉันจะดิ้นให้ความสุขของฉันกระจายเต็มพื้นที่ ฉันรู้สึกถึงพลังความเย็นบางอย่างกำลังมาเยือนใกล้ๆฉัน

“ฮึก!!!!!!! นั่น นั่น ใครอ๊ะ????”

ฉันตกใจอย่างสุดขีดเลยเขวี้ยงหมอนที่กอดไว้ไปที่หน้าต่างซึ่งมีเงาของใครคนนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น ใครคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมที่มีฮุทอยู่ด้านนอกหน้าต่างที่ตอนนี้สลัวๆเพราะค่ำแล้ว เขาค่อยๆขยับมือของเขาและเปิดหมวกฮูทออก

“ฮี... ฮีโระ ” *O*

“ใช่ ผมเอง” ^^:

ฉันรีบลุกจากเตียงและเปิดหน้าต่างออก

“มาตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย เอ่อ คงไม่ได้เห็นฉันทำอะไรแปลกๆใช่มั้ย”

“อื้ม ผมก็ไม่เห็นว่าฮารุจะทำอะไรแปลกๆนะ นอกจากนอนกอดหมอนดิ้นไปดิ้นมา ฮ่า”

ฮีโระหัวเราะซะทำเอาฉันไม่รู้จะทำหน้ายังไง ไหนบอกว่าไม่เห็นอะไรไงเล่า แล้วเขาก็ชวนฉันออกไปนั่งดูดาวข้างนอก เพราะเขาบอกว่าเขาได้ข่าวว่าวันนี้จะมีฝนดาวตกในรอบสิบปี

ฮีโระชวนฉันมานั่งดูดาวที่สนามหน้าบ้านของเขา ฉันเดินไปนั่งชิงช้าสีขาวที่ฉันเคยเห็นเมื่อคราวก่อน มันมีเสียงดังเอี๊ยดอ๊าดเล็กน้อยเพราะมันค่อนข้างอายุมากแล้ว ฮีโระเดินมานั่งชิงช้าอีกตัวข้างๆฉัน เวลาที่ฉันได้อยู่กับฮีโระมันเป็นช่วงเวลาที่ฉันสบายใจที่สุดเท่าที่ฉันรู้สึกมา ตอนนี้ฉันเพิ่งคิดและตระหนักได้ว่าฉันไม่ได้สับสนว่าฉันชอบฮีโระหรือปล่าว แต่ฉันคิดว่ามันเป็นความห่วงใยในฐานะเพื่อนระหว่างฉันกับฮีโระมากกว่า และฉันก็คาดหวังเพียงสิ่งเดียวว่าฮีโระจะเป็นเพื่อนที่ดีของฉันตลอดไป

“เล่นจ้องหน้ากันแบบนี้ ผมก็เขินนะ แอบคิดอะไรไม่ดีกับผมหรือเปล่าเนี่ย”

“เอ่อ เปล่านะ เพียงแต่ว่า...”

“เพียงแต่ว่าอะไรเหรอ???”

ฉันจะบอกเขาไปดีมั้ยว่าบางครั้งฉันก็แอบคิดว่าเขาชอบฉัน และบางทีฉันก็สับสนตัวเอง ทั้งๆที่ตลอดมาฉันแน่ใจว่าคนที่ฉันชอบมีเพียงรุ่นพี่คนเดียวเท่านั้น และมาจนถึงวันนี้ “ถ้าฮารุยังไม่ได้ชอบใคร เราลองมาคบกันดูมั้ย” คำพูดของรุ่นพี่ก็ทำให้ฉันแน่ใจตัวเองว่า ยังไงคนที่ฉันชอบก็คือรุ่นพี่แน่นอน

“คือว่า ฉันของถามอะไรฮีโระได้มั้ย”

“ได้สิ ผมจะตอบฮารุทุกข้อเลย”

“คือ... ฉันก็แค่คิดนะ แต่ว่ามันอาจจะไม่ถูกต้อง ฉัน... ฉันอยากรู้ว่า... ฮีโระชอบฉันหรือปล่าว”

“ห๊ะ...... ”

ฉันพูดมันออกไปแล้ว ความคิดที่อัดอั้นอยู่ในใจฉันมาเนิ่นนาน ยิ่งตอนที่อยู่โรงยิมที่ซอลฟาพูดขึ้นมาก็ยิ่งทำให้ฉันเอาเก็บไปคิดมากขึ้น เพราะฉะนั้นฉันต้องถามให้มันกระจ่างแล้วฉันจะได้ไม่ต้องเอาเก็บมาคิดมากอีก แต่คนที่ช๊อคกับคำถามฉันสุดๆคงหนีไม่พ้นฮีโระที่ตอนนี้แปลกใจกับคำถามของฉัน (ฉันคิดว่าอย่างนั้นนะ)

“เอ่อ...คือ... จะว่าไงดีนะ....”

“จริงๆแล้ว ฮีโระไม่ได้ชอบฉันหรอกใช่มั้ยล่ะ ไม่ต้องเกรงใจนะฉันไม่โกรธหรอก ใช่มั้ยๆ”

“เอ่อ... จะบ้าเหรอ ก็ใช่น่ะสิ ผม...ผมจะไปชอบฮารุได้ยังไงกัน ถ้าผมไม่เพี้ยนละก็นะ ผมคงไม่ไปชอบผู้หญิงที่มีคนอื่นในใจแล้วแบบฮารุหรอก อีกอย่างผมก็มีคนที่ผมชอบและเขาก็ชอบผมอยู่แล้วด้วย”

“นั่นน่ะสิเน้าะ อีกอย่างเราก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมากๆๆๆด้วยนี่นาเน๊าะ”

ฉันพูดขึ้นมาอย่างโล่งอก สุดท้ายฉันก็ไขคำตอบให้กับความอัดอั้นใจที่ฉันคิดขึ้นมาเองได้แล้ว ฉันนี่คิดเองเออเองจริงๆด้วย

“เอ๊ะ หรือว่าคนที่ฮีโระชอบและคนที่ชอบฮีโระคือ มุนอาเหรอ ใช่หรือปล่าว”

ฉันรีบถามเพราะความอยากรู้ ต้องใช่แน่ๆตอบสิว่าใช่

“นั่นๆ ฝนดาวตกนี่ อธิษฐานเร็ว”

ฮีโระรีบตะโกนบอกฉัน ก่อนที่ฉันจะได้ถามเขาต่อ กลับกลายเป็นว่าฉันลืมถามเขาซะสนิทและเอาแต่คิดว่าฉันจะอธิษฐานอะไรดีนะ

“ขอให้ครอบครัวของฉัน มุนอา ฮีโระ และรุ่นพี่ ขอให้พวกเราได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขแบบนี้ตลอดไปด้วยเถอะ”

ฉันหลับตาอธิษฐานออกมาเบาๆ และเมื่อฉันลืมตาขึ้น บนท้องฟ้ายังมีในดาวตกเกิดขึ้นเรื่อยๆเป็นภาพที่สวยงามมากๆ

“ดีกว่านอนกอดหมอนกลิ้งอยู่บนเตียงเยอะเลยใช่มั้ยล่ะ”

“ฮีโระเนี่ย”

ฉันใช้กำปั้นสีไหล่ของฮีโระๆเบาๆด้วยความเขิน ก่อนที่จะเล่าถึงสาเหตุที่ทำให้ฉันเป็นแบบนั้นให้เขาฟัง เขานั่งฟังฉันอย่างตั้งใจและยินดีกับฉันแถมยังบอกให้ฉันรีบๆตอบรับก่อนที่รุ่นพี่จะเปลี่ยนใจอีกด้วย หลังจากฝนดาวตกเริ่มน้อยลงแล้วฮีโระก็เดินมาส่งฉันที่บ้าน

“งั้นพุร่งนี้เจอกันนะ ถ้าตื่นสายผมไม่รอแน่”

ฮีโระขู่ฉันก่อนที่จะเดินหันหลังจากไปพร้อมกับโบกมือให้ฉัน ฉันปิดประตูลงและกลับมาที่ห้องด้วยความสบายใจ ฉันไม่คิดมาก่อนเลยว่าการคิดไปเองมันจะทำให้คนเราอึดอัดถึงขนาดนี้ ถ้าหากว่าฉันเข้าใจตัวเองและเข้าใจฮีโระมากกว่านี้ละก็ก่อนหน้านี้ฉันก็คงไม่ต้องมาอึดอัดแบบนี้ ฉันลุกไปปิดหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้เมื่อตอนที่ฮีโระมาเรียก ท่ามกลางแสงพระจันทร์ที่ส่องลงมาอย่างเลือนลาง ฉันแอบเห็นเงาของฮีโระผ่านความมืดมิดนั้น ทำไมเขายังไม่เข้าบ้านกันนะ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว

“ วันนี้ผมไม่ว่างไปโรงยิมกับฮารุนะ ให้มุนอาไปเป็นเพื่อนด้วยก็ได้ ” “เอ่อ คือพอดีวันนี้ฉันก็ไม่ว่างเหมือนกันน่ะ ที่บ้านจะมีงานเลี้ยงนิดหน่อย ...
เมื่อวานหลังจากที่ฉันหาหนังสือการบ้านแล้ว ฉันก็เจอฮีโระระหว่างทางเข้า เขารีบถามฉันใหญ่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ฉันก็บอกเขาไปเพียงแค่ว่าไม่มีอะไร หลังจากนั้นพวกเราก็เดินไปที่โรงยิมพร้อมกัน ซอลฟาที่นั่งรออยู่แล้วกำลังกวักมือเรียกให้พวกเราให้ไปนั่งที่นั่น

“รุ่นพี่ฮารุ ชอบมาดูรุ่นพี่ชินเล่นบาสบ่อยๆใช่มั้ยละคะ”

ซอลฟาถามฉันในขณะที่กำลังนั่งดูรุ่นพี่

“เอ่อ ที่จริงฉันก็แค่ชอบบาสด้วย ฮะๆ”

อาจจะเป็นคำตอบที่พอไถๆถูไปได้ละมั้ง ถึงแม้ว่าฉันจะชอบรุ่นพี่มากๆแต่ว่าฉันก็ไม่ได้อยากให้ใครมารับรู้ แล้วฉันก็รู้สึกแปลกๆกับเธอเกินกว่าจะที่ฉันจะบอกความจริงออกไปได้

“รักใครชอบใคร ก็บอกเขาไปเถอะค่ะ ความรักจะสมบูรณ์ต้องเกิดจากความเข้าใจจากคนสองคนนะคะ”

ซอลฟาพูดด้วยใบหน้าที่ดูสดใส และดูเหมือนว่าเธอจะเข้าใจความรักมากกว่าฉันซะอีก

“เธอเอง ก็คงกำลังมีความรักเหมือนกันสินะ”

“จะว่ามีก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เพราะฉันทุ่มเททุกอย่างให้กับการร้องเพลงและเล่นกีต้าร์เท่านั้น และถึงแม้ว่าอยากจะมีความรักมากแค่ไหน บางทีมันก็อาจจะเป็นไปไม่ได้”

ซอลฟาพูด และถอนหายใจออกมา ดูเหมือนว่าความรักสำหรับเธอคงจะเป็นอะไรที่เป็นไปไม่ได้สินะ

“บางที สิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ก็อาจจะเป็นไปได้ก็ได้นะ ถ้าเกิดว่าเราได้ลองทำมันสักครั้ง”

ฉันบอกซอลฟาอย่างนั้น แต่จริงๆแล้วก็ยังไม่รู้เลยว่าฉันเองจะสามารถทำอย่างนั้นได้หรือปล่าว แต่แค่ตอนนี้ฉันสามารถเข้าใกล้รุ่นพี่ได้ขนาดนี้ ก็ถือว่าดีที่สุดสำหรับฉันแล้ว

“อืม... ดูๆไปแล้ว ฉันน่าจะฮึดเหมือนรุ่นพี่บ้างแล้วล่ะค่ะ เพราะแม้ว่าจะเป็นโอกาสแค่น้อยนิด แต่นั่นก็อาจจะเป็นโอกาสที่เข้ามาหาเราก็ได้ จริงไหมคะรุ่นพี่ฮีโระ”

“แค่ก แค่ก”

จู่ๆฮีโระที่กำลังกินน้ำอยู่ ก็เกิดสำลักน้ำขึ้นมา

“พูดอะไรของเธอ ไม่เห็นจะเข้าใจเลย”

ซอลฟาหัวเราะออกมาที่เห็นฮีโระตกใจสำลักน้ำ ยิ่งดูใกล้ๆและได้พูดคุยกับเธอมากขึ้น ก็ทำให้รู้ว่าเธอเป็นคนที่น่ารัก ฉันเคยคิดว่าเธอน่าจะหยิ่ง หรือน่าจะไม่สนใจใคร แต่จริงๆแล้วเธอเป็นคนที่เข้าคนง่าย และดูเป็นมิตรมากๆ เธออาจจะไม่เป็นอย่างที่ฉันอคติก็ได้ พวกเรานั่งคุยกันได้สักพัก ซอลฟาก็ขอตัวไปซ้อมดนตรี เพราะอีกไม่นานเธอจะต้องไปแสดงในงานอะไรสักอย่าง ฉันและฮีโระหลังจากที่ดูรุ่นพี่ซ้อมบาสเสร็จ แต่ว่าน่าเสียดายที่ไม่มีโอกาสได้คุยกันเพราะหลังจากซ้อมเสร็จชมรมบาสก็มีประชุมกันต่อ

“น่าเสียดายนะที่รุ่นพี่ไม่ได้มาส่งที่บ้าน”

ฮีโระพูดแซวฉันขึ้นเมื่อเดินกลับได้สักพัก

“ฉันไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นนะ”

“แต่ก็เอาเถอะนะ อย่างน้อยระยะห่างระหว่างรุ่นพี่กับฮารุน้อยลงเรื่อยๆแล้ว ทุกๆอย่างจะดีขึ้นในไม่ช้านะ สู้ๆ”

ฮีโระหันมาฟึดฟัดให้ฉันสู้ บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนว่าได้เคยรู้จักกับฮีโระมาเนิ่นนาน ทำไมเราถึงคุ้นเคยกันได้เร็วขนาดนี้ เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ฉันยังคงนั่งทบทวนทุกวันๆ แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้คิดเรื่องพวกนี้ต่อ ฮีโระก็พูดบางอย่างขึ้น

“มาวิ่งแข่งกันเถอะ ใครวิ่งช้าขอให้ผีหลอก หนึ่ง สอง ไป๊”

หลังจากพูดจบ ฮีโระก็วิ่งนำโด่งออกไป และอย่างที่คาดคิดฉันจะไปวิ่งแข่งกับคนที่ทั้งสูง แถมยังขายาวขนาดนั้นได้ยังไงกัน

“ฮีโระ รอฉันด้วยยยยยย”

หลังจากนั้นเวลาสี่ทุ่มก็มีข้อความจากฮีโระเข้ามา “Hero message: ทุกอย่างจะดีขึ้น Fighting”

................................................................................................................................................................................

รุ่งเช้าวันนี้ชั้นตื่นสายอีกแล้ว ฉันแต่งตัวแล้วรีบพุ่งออกมาจากบ้าน แต่โชคดีที่วันนี้ฮีโระมารอฉันที่หน้าบ้าน ทำไมฉันต้องกลัวด้วยนะว่าฮีโระจะไปโรงเรียนก่อนฉันและทิ้งให้ฉันเดินไปโรงเรียนคนเดียว ทั้งๆที่เมื่อก่อนฉันก็ไปโรงเรียนคนเดียวตลอด หรือเพราะความเคยชิน พอวันไหนที่ต้องเดินคนเดียวก็เลยเหงา

ในช่วงบ่ายของวันนี้พวกเรามีเรียนรวมวิชาพละซึ่งฉันไม่ชอบเอามากๆ แต่ก็จำเป็นต้องเรียน ฉันและมุนอาไปที่ล็อคเกอร์ใส่ของเพื่อเอาเสื้อผ้ามาเปลี่ยน แต่เมื่อฉันเปิดล๊อคเกอร์ก็ต้องใจหายวาบ ฉันไม่เคยคิดว่าจะมีใครสามารถเปิดล็อคเกอร์ของฉันได้

“มีอะไรเหรอฮารุ ของหายหรืออะไร”

มุนอาเดินมาหาฉันในขณะที่ฉันกำลังยืนจ้องล็อคเกอร์ของตัวเอง กระดาษแผ่นเล็กๆนับร้อยๆแผ่นร่วงหล่นจากล๊อคเกอร์ ทุกแผ่นล้วนเป็นคำสาปแช่งจากคนๆนั้น คนที่บอกให้ฉันเลิกยุ่งกับเขา แม้ก่อนหน้านี้ฉันจะไม่ค่อยใส่ใจกับการกระทำต่างๆ แต่พอมาถึงวันนี้ ฉันเริ่มรู้สึกหนาวเย็นและคิดว่าความน่ากลัวคงเริ่มคืบคลานเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ

“นี่มัน... บ้าไปแล้ว ไม่เป็นไรนะฮารุ”

มุนอารีบเก็บและขยำกระดาษพวกนั้นทิ้งก่อนที่คนอื่นๆจะมาเห็นมันเข้า เธอเข้ามาเขย่าตัวฉันในขณะที่ใช้ความคิดอย่างมากว่าคนที่ทำแบบนี้ได้คือใคร ฉันเริ่มอยากรู้ตัวตนของคนที่ทำแบบนี้มากขึ้นซะแล้วล่ะ

...คาบพละ...

“มีอะไรรึปล่าว สีหน้าไม่ค่อยดีเลยนะฮารุ”

ฮีโระซึ่งกำลังวิ่งมาหาฉันในขณะที่เรากำลังวอร์มร่างกายกันอยู่

“ปล่าว ไม่มีอะไรหรอก ว่าแต่วันนี้อาจารย์จะให้เล่นบาสนี่นา ฮีโระไปวอร์มเถอะ”

“อ้อ อื้ม งั้นเดี๋ยวเจอกันนะ”

“เอาละนักเรียนวอร์มร่างกายให้พร้อมนะ คาบพละวันนี้เราจะมีการแข่งขันบาสชายกัน นักเรียนหญิงเป็นกองเชียร์ ก่อนอื่นเราจะมาแบ่งเป็นสองทีม ยืนเรียงแถวตามลำดับความสูง นับ 1 และ 2 สลับกันไป ใครได้หนึ่งแยกแถวออกมา”

หลังจากที่เราได้แบ่งทีมกันเรียบร้อย ฉันกับฮีโระนับ 1 เราจึงได้อยู่ทีมเดียวกัน ส่วนมุนอานับ 2 เธอจึงได้อยู่อีกทีมหนึ่ง แต่ฉันคิดว่าเธอคงอยากนับได้เลข 1 มากกว่า เพราะเธอเอาแต่เอะอะว่าทำไมเธอถึงไม่นับลงเลข 1

ทีมนับ 1 ตอนนี้ถูกแบ่งชายหญิงเพื่อแยกหน้าที่กัน นร.หญิงกำลังนัดแนะกันเกี่ยวกับการเชียร์ ส่วนนร.ชายกำลังคัดตัวคนที่จะแข่งขันและแน่นอนว่าด้วยความสูงและรูปร่างที่เหมาะกับการเล่นกีฬาของฮีโระ เขาถูกเลือกให้เป็นหนึ่งในผู้เข้าแข่งขัน

“คิดว่าผมเป็นรุ่นพี่สักชั่วขณะหนึ่งก็ได้นะ ฮารุจะได้มีแรงที่อยากจะเชียร์ผมบ้าง” ^^:

ฮีโระวิ่งมาหาฉันขณะที่วอร์มเสร็จก่อนที่การแข่งขันจะเริ่มเล็กน้อย

“ไม่ว่าจะเป็นรุ่นพี่หรือเป็นฮีโระฉันเต็มใจจะเชียร์อยู่แล้วล่ะน่า แถมด้วยคนที่อยู่ทีมนับ 2 ก็อยากจะเชียร์ฮีโระด้วยนะ”

ฉันหันหน้าไปทางสแตนด์ของทีมนับ 2 ซึ่งมีมุนอาอยู่ที่นั่น และชัดเจนว่าสายตาของเธอนั้นคงตามติดแต่ฮีโระอย่างแน่นอน

“ยังไงผมก็จะพยายามไม่ให้น้อยหน้ารุ่นพี่ละกัน”

พูดจบฮีโระก็วิ่งเข้าไปในสนามขณะนี้ กรรมการกำลังเป่านกหวีดให้นักกีฬามารวมตัวกันที่สนามประจำตำแหน่งของตนเอง

น่าแปลกสนามที่มีผู้เล่นถึง แต่คนที่โดดเด่นมากที่สุดคือฮีโระ ฉันเพิ่งมองเห็นเป็นครั้งแรกว่าเขาเป็นคนที่ดูดีมากเมื่อได้เล่นกีฬา ไม่ใช่เพราะความสนใจส่วนตัวเหมือนมุนอา แต่ฉันคิดว่าในเวลานี้เขาดูดีและดูเด่นไม่แพ้รุ่นพี่เลยทีเดียว ทั้งความคล่องแคล่วและไหวพริบ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าฮีโระจะเล่นบาสเก่งมากขนาดนี้ เขาแตกต่างจากฮีโระที่ฉันรู้จัก ไม่มีรอยยิ้มที่ขี้เล่นอยู่ในนั้น แต่กลับกลายเป็นความมุ่งมั่นและตั้งใจเล่นอย่างมาก ฮีโระหันมายิ้มให้ฉันในขณะที่เขาได้ลูก จู่ๆสายตาและหัวใจของฉันก็จดจ่ออยู่กับฮีโระโดยที่ไม่รู้ตัว ตึกตัก ตึกตัก ทำไมนะบางขณะฉันแทบหยุดหายใจเมื่อฮีโระได้ลูก ทำไมฉันต้องแอบลุ้นอยู่ในใจลึกๆว่าอยากให้เขาทำแต้ม มันไม่ใช่ความรู้สึกที่เป็นภาพซ้อนของรุ่นพี่เหมือนครั้งอื่นๆแต่ตอนนี้ฉันเห็นฮีโระที่เป็นฮีโระ เขาเป็นคนที่โดดเด่นและน่าสนใจกว่าคนอื่นๆในสนาม ฉันหวังว่านี่จะเป็นเพราะฉันลุ้นกับการแข่งของทีมตัวเองมากเกินไปเท่านั้น ฮีโระเป็นเพื่อนของฉันและเป็นคนมุนอาชอบ ส่วนคนที่ฉันชอบเพียงคนเดียวคือรุ่นพี่ ได้โปรดอย่าสับสนไปมากกว่านี้เลยนะ

ปี๊ดดดดด~~

การแข่งขันได้จบลงแล้ว และผลที่ออกมาก็คาดเดาได้อย่างง่ายดาย ทีมนับ 1 เอาชนะไปได้ ตอนนี้ฮีโระกลายเป็นคนที่รับความสนใจอย่างมาก เพราะออร่าของเขาเปล่งประกายมากเหลือเกินขณะที่แข่ง

“ครูไม่คิดว่าเธอจะเล่นบาสได้ดีขนาดนี้นะฮีโระ เสียดายที่เธอเป็นแค่นักเรียนแลกเปลี่ยน ถ้าเธอย้ายมาประจำที่นี่ครูจะดันให้เธอกลายเป็นนักกีฬาของโรงเรียนและคงดันไปให้ไกลกว่านี้”

“ผมไม่ได้สนใจขนาดนั้นหรอกครับอาจารย์ ผมแค่ทำในสิ่งที่ผมชอบและทำเพื่อคนที่ชอบมัน”

ฮีโระพูดขณะหันมามองที่ที่ฉันและมุนอายืนอยู่

“นั่นฮีโระคงไม่ได้หมายถึงฉันหรอกใช่มั้ย ฮารุ”

มุนอาซึ่งอยู่ไม่ไกลจากฉันพูดขึ้น ฉันได้เพียงแต่ยิ้มน้อยๆเพราะตอนนี้ฉันเองก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่ฮีโระพูดหมายถึงใคร แต่เมื่อฉันได้ยินประโยคที่บอกว่านักเรียนแลกเปลี่ยนมันทำให้ฉันใจหายมาก ฉันลืมไปซะสนิทว่าฮีโระไม่ใช่นักเรียนของที่นี่ เขามาเพียงแต่เทอมเดียว

“ฮีโระนายสุดยอดมากเลย ฉันไม่คิดว่านายจะเก่งมากขนาดนี้นะเนี่ย”

“ฉันก็เพิ่งเห็นประกายออร่าที่ออกมาจากนายก็ตอนที่นายลงสนามนี่ล่ะ เฮ๊อ ทำยังไงดีล่ะ นายทำเอาพวกเราแทบคลั่งเลยนะ”

พวกเพื่อนๆทั้งชายและหญิงกำลังรุมล้อมฮีโระพวกเขาต่างชื่นและทึ่งกับความสามารถของฮีโระมากๆ ฮีโระปลีกออกมาจากเพื่อนๆเหล่านั้นและมุ่งตรงมาหาฉันและมุนอา

“แล้วฮารุล่ะจะไม่ชมผมหน่อยเหรอ ผมพยายามเต็มที่เลยนะ ฮารุมองเห็นหรือปล่าว”

รอยยิ้มเจ้าเล่ห์บวกกับการเต๊ะท่าเหมือนกับว่าเขาเป็นนักบาสที่เก่งที่สุดในโลกของฮีโระทำเอาฉันอดหัวเราะออกมาไม่ได้

“ผมเก่งขนาดนี้ ฮารุยังจะหัวเราะอีกเหรอ”

เขาเอามือมาจับที่หัวของฉันและขยี้ผมของฉันเบาๆ จนฉันต้องยอมยกนิ้วและบอกเขาว่าฉันในเห็นในความสามารถที่ซ่อนในตัวเขาอย่างชัดเจน และบอกเขาว่าตอนที่เล่นบาส ฉันรู้สึกเหมือนเขามีแสงสว่างออกมารอบๆตัว แถมยังติดปีกบินได้อย่างคล่องแคล่วซะด้วย

“อย่าลืมว่าฉันก็ยังยืนอยู่ที่นี่ด้วยทั้งคนนะ ทำไมพวกเธอเห็นฉันแค่เป็นตอไม้แบบนี้ล่ะ สนใจฉันบ้างสิ”

มุนอาดูสีหน้าไม่ค่อยดีจริงๆ ฉันก็ลืมตัวว่าไม่ควรหยอกล้อกับฮีโระให้เธอต้องน้อยใจ

“เอ่อ ขอโทษนะมุนอา ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

ฉันรีบเอ่ยขอโทษกับเธฮทันทีเพราะรู้ว่าเธอคงน้อยใจอย่างมาก

“มุนอานับ 2 แต่ก็แอบเผลอใจมาเชียร์ผมเหมือนกันใช่มั้ยล่ะ เป็นเด็กดีจังเลยนะ”

“เห็นด้วยเหรอว่าฉันสนใจเชียร์แต่ฮีโระด้วย นึกว่าไม่เห็นซะอีก ถ้าไม่เห็นละก็ฉันจะต้องรู้สึกน้อยใจมากแน่ๆ”

“โอ๋ๆ อย่าน้อยใจเลยนะเด็กน้อย”

ฮีโระใช้สองมือจับที่หัวของมุนอาจนผมของเธอยุ่งเล็กน้อย ทั้งสองคนดูสนิทกัน มุนอาสามารถพูดและแสดงความรู้สึกของเธอออกมาได้อย่างตรงๆและหวังว่ามันจะตรงใจของฮีโระด้วย

“ผมฉันยุ่งหมดเลย ฮีโระแกล้งฉันเหรอ”

“ปล่าวนะ ไหนดูสิ เอ... ผมมุนอาฟูเองนะจะมาโทษผมไม่ได้ล่ะ”

ฮีโระหยอกมุนอาเล่นจนเธอชักจะหมั่นไส้และวิ่งไล่ตีฮีโระ ดูไปดูมาพวกเขาเล่นกันเหมือนยังเป็นเด็กประถมยังไงยังงั้น ระหว่างที่วิ่งหนี ฮีโระวิ่งมาคว้ามือฉันและบอกให้ฉันวิ่งหนีมุนอากัน ระหว่างที่ฉันถูกฮีโระกระชากให้วิ่งนั้น รุ่นพี่ชินซึ่งกำลังจะเดินไปเรียนที่อีกตึกหนึ่งก็เดินสวนมาเจอพอดี

“แล้วเล่นอะไรกันอยู่ ดูท่าทางจะสนุกเชียว”

รุ่นพี่ถามขึ้นในขณะที่สายตาก็มองมาที่ฮีโระซึ่งจับข้อมือของฉันไว้อยู่ ฮีโระเองก็คงเพิ่งจะรู้ตัวว่าเขาจับข้อมือของฉันไว้จึงค่อยๆปล่อยมือจากฉัน

“วันนี้พวกเรามีเรียนพละน่ะค่ะรุ่นพี่ สนุกมากๆเลย”

มุนอาซึ่งอยู่ด้านหลังของฉันและฮีโระพูดขึ้น

“เหรอ งั้นวันนี้ตอนเย็นไปโรงยิมกันไหม”

“เอ่อ ค่ะ ฉันจะไปค่ะ”

ฉันตอบรุ่นพี่ไปด้วยความมั่นใจ เมื่อก่อนตอนที่ฉันได้แต่แอบมองรุ่นพี่ ฉันไม่สามารถพูดมันออกมาได้ แต่ครั้งนี้ฉันอยากจะทำมันให้ดีที่สุด อยากพูดและทำในสิ่งที่ฉันอยากทำ ฉันจะพยายาม

“ถ้างั้นเจอกันที่โรงยิมนะ”

รุ่นพี่อมยิ้มแล้วเดินจากไป ส่วนฮีโระก็ขอตัวไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า มุนอากระซิบบอกฉันเบาๆ

“ฉันว่างานนี้มีลุ้นแล้วล่ะ”

“เอ๋ มีลุ้นอะไรเหรอ”

“ก็ดูเหมือนว่ารุ่นพี่จะเริ่มสนใจฮารุแล้วน่ะสิ”

สนใจฉันเนี่ยนะ มันไม่น่าจะเป็นไปได้เลย เราเพิ่งได้คุยกันเมื่อไม่กี่ครั้งนี้เอง

“เพราะฉันเห็นความผิดปกติทางสายตาของรุ่นพี่ได้ เขาต้องแอบหึงฮารุกับฮีโระอย่างแน่นอนเลย”

ว่าแล้วก็หน้าแดงเหมือน “ยัยสตอเบอรี่” ซะงั้น -^^-


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

..............................................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 9 เผลอ

เมื่อวาน หลังจากที่ฉันหาหนังสือการบ้านแล้ว ฉันก็เจอฮีโระระหว่างทางเข้า เขารีบถามฉันใหญ่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า แต่ฉันก็บอกเขาไปเพียงแค่ว่...

วันศุกร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560

ฉับ ฉับ! ฉับ ฉับ! เสียงรองเท้าของฉันกระทบกับน้ำที่เริ่มนองบนสนามหญ้าหน้าบ้านที่ฮีโระเช่าอยู่ ฉันวิ่งออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้พกร่มมาด้วย แม้ว่าบ้านของเราจะใกล้กันแต่ฝนที่ตกในตอนนี้ก็พอจะทำให้ฉันเปียกได้ ฉันวิ่งเข้าไปหลบฝนที่หลังคาหน้าบ้านของฮีโระ

และ แน่นอนฉันก็ไม่เคยได้เข้ามาในบ้านของคุณลุงสักครั้ง ฉันเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ ข้างหน้าบ้านมีสนามหญ้าเขียวๆ มีชิงช้าสีขาวอยู่หน้าบานชิดรั้วด้านซ้าย ใกล้ๆกันนั้นมีพื้นไม้ยกระดับสูงขึ้นมานิดหน่อยมีโต๊ะกับเก้าอี้เอนคู่วางอยู่ด้วย เพราะคุณลุงชอบปลูกต้นไม้ที่นี่จึงมีดอกไม้และต้นไม้นานาชนิด หากตอนนี้ฝนไม่ตก ฉันคิดว่าบรรยากาศที่นี่คงจะดีกว่านี้มาก


เงาของใครบางคนผ่านสายฝนเดินเข้ามาผ่านรั้วหน้าบ้าน ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฮีโระกำลังถือร่มคันเดิมเดินเข้ามา

“ไปไหนมาเหรอ”
ฉันมองตามฮีโระที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันนั่งยองๆหลบอยู่ที่ข้างเสาหน้าบ้าน

ฮีโระหันมามองด้วยท่าทีเฉยชา

“ก็แค่... ออกไปสูดอากาศละมั้ง”

เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าบ้านและปิดประตูดังปัง

ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขา นี่เขายังไม่หายโกรธเรื่องโทรศัพท์อีกเหรอ ทั้งๆที่ฉันอุตส่าห์ได้มันคืนมาแล้วแท้ๆ ฉันกำมือถือของฮีโระไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปสัมผัสกับสายฝนชุมฉ่ำ ถ้าฉันรออยู่ตรงนี้ฮีโระจะหายโกรธฉันไหมนะ

เปาะ แปะ... เปาะ แปะ...
สายฝนซาลงบ้างเล็กน้อย ตอนนี้เหลือเพียงละอองฝนเป็นฝอยเล็กๆกระจายลงมา

“ฮัดชิ้ววว” - - หวังว่าฉันคงไม่ได้จะเป็นหวัดหรอกนะ
อยู่ดีๆลมเย็นๆก็พัดเข้ามา ทำให้ฉันซึ่งยืนอยู่หน้าบ้านฮีโระตัวสั่นขึ้นมาทันที ฉันเหลือบมองไปที่ประตู ไม่มีท่าทีว่าฮีโระจะออกมาแต่น้อย

แอ๊ด… เสียงประตูเปิดออกมาเบาๆ ฮีโระคงยอมคุยกับฉันแล้วสินะ ฉันค่อยๆหันกลับไปที่ประตู

ควับ.. ผ้าขนหนูสีขาวตกลงมาใส่หัวฉันก่อนที่ฉันจะทันได้หันไปเจอฮีโระ

“มายืนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”

ฮีโระออกมายืนอยู่ข้างๆฉัน ฉันหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมเบาๆ

“ก็เห็นว่ามีคนไปตามหาฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้เจอเขา ฉันก็เลยต้องไปตามหาเขาเองน่ะสิ”

“ผม... ไม่ได้ไปตามหาใครสักหน่อยก็แค่...ออกไปเดินเล่น ก็เท่านั้นเอง”

เขาเมินหน้าจากฉัน พร้อมกับยื่นร่มให้

“ตัวเปียกหมดแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายได้ กลับเข้าบ้านเถอะ”

ฮีโระยื่นร่มให้ฉันและหันกลับจะเข้าบ้าน

“ฉันจะกลับแน่ แต่ฮีโระต้องบอกมาก่อนว่าวันนี้ฮีโระเป็นอะไร ทำไมถึงต้องทำเมินเฉยกับฉันด้วย”

ฉันพูดขึ้นก่อนที่ฮีโระจะเข้าบ้าน เขานิ่งเงียบอยู่ที่หน้าประตู เพราะฉันเป็นห่วงและไม่อยากให้เราต้องเป็นแบบนี้ต่อไป เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันและฉันไม่อยากให้เราเข้าใจผิดกันแบบนี้

“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย”

ฮีโระถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับมาจับหัวฉันเบาๆ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้
มันดูเหนื่อยล้าไม่เหมือนฮีโระคนเดิม

“ฉันมีอะไรจะให้ฮีโระดู” ฉันยื่นบางอย่างให้เขาดู ฮีโระดูตกใจเล็กน้อย

“ถ้าคืนให้ผมอีก ผมจะทำให้มันพังไปเลยคอยดูสิ”

ฮีโระพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันเชื่อว่าเขาคงทำจริงแน่ถ้าหากว่าฉันยังดื้อดึงไม่ยอมรับมันไว้

ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาคงอยากให้ฉันเก็บไว้จริงๆ มือถือเครื่องนี้ยังไงฉันก็คงต้องรับมันไว้สินะ

“คราวนี้ฮีโระจะทิ้งมันอีกไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันเป็นของฉันแล้ว ฉันจะดูแลมันเอง”

เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าเขาต้องดีใจมากแน่ๆที่ฉันรับมันไว้

“ผมคิดว่า ฮารุคงจะไม่สนใจและคงให้มุนอาไปแล้วซะอีก”

เขาเห็นตอนนั้น ตอนที่มุนอาขอโทรศัพท์เครื่องนี้จากฉัน

“ขอโทษนะที่ทำให้เธอไม่สบายใจ เลิกโกรธฉันได้แล้วนะ เด็กดี”

ฉันเขย่งขาแล้วเอื้อมเอามือไปลูบหัวเขา แม้ว่า...เขาจะสูงกว่าฉันเยอะ = =

“คงต้องดื่มนมให้สูงกว่านี้นะ ถึงจะลูบหัวผมได้”

เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นฉันพยายามกระโดดเพื่อจะแตะหัวของเขา ฮีโระคนเดิมกลับมาแล้วสินะ

..............................................................................................................................................................................................................

สี่ทุ่มของวันนี้ในขณะที่ฉันกำลังจะเข้านอน มีข้อความเข้ามาในมือถือที่ฮีโระให้

“Hero message: The Begining นอนหลับฝันดีนะฮารุ ^^”

..............................................................................................................................................................................................................

รุ่งเช้าของอีกวัน ฉันรีบออกมาจากบ้านก่อนเวลา และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของฮีโระเรียบร้อย

“โอ๊ะ ทำไมวันนี้ถึงได้ออกมาเช้าได้ล่ะ”

ฮีโระเดินออกมาจากบ้าน ดูเหมือนเขาแปลกใจมากๆที่คนตื่นสายอย่างฉันสามารถตื่นเช้าได้

“ก็เพราะว่าถ้าฉันมาช้า ฉันอาจจะโดนทิ้งให้เดินไปโรงเรียนคนเดียวอีกนะสิ”

ฮีโระยิ้มออกมาอย่างร่าเริง

“ฮ๊า วันนี้ท้องฟ้าดูสดใสกว่าเมื่อวานจังเลยนะ สวัสดีครับท้องฟ้าและแสงแดด” ^O^

ฮีโระกางเขนของเขาออกและเงยหน้าสูดอากาศของเช้าอันบริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มปอด เหมือนวันแรกที่ฉันรู้จักเขา เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วจริงๆ

ที่หน้าโรงเรียนรุ่นพี่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เป็นปกติที่เขามักจะมองไม่เห็นฉัน แต่ฉันก็สังเกตได้ว่าที่กระเป๋าสะพายของรุ่นพี่มีพวงกุญแจรูปร่มแขวนอยู่ด้วย แค่นั้นฉันยิ้มออกมาได้แล้ว ฉันก้มหัวให้กับรุ่นพี่เป็นการทักทาย ก่อนที่ฉันจะทันได้เดินเข้าห้องเรียน แชวอนที่อยู่ห้องข้างก็เดินเข้ามาหาฉันอีก

“ฉันว่าฉันเตือนเธอแล้วนะฮารุ อย่าทำตัวเหมือนว่าเธอสนิทกับรุ่นพี่นัก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยนะจะบอกให้”

“ใช่ ยัยหน้าจืด ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”

ฉันได้แต่ยืนฟังพวกแชวอนบ่นๆ พวกเธอก็คงจะชอบรุ่นพี่เหมือนที่ฉันชอบ
แต่ทุกครั้งพวกเธอก็ไม่เคยที่จะทำร้ายฉันสักนิด

“นี่ ยัยพวกขี้หวง เลิกมาป้วนเปี้ยนใกล้เพื่อนฉันได้แล้ว อย่างน้อยฉันก็คนหนึ่งละที่ไม่กลัวพวกเธอ”

มุนอาพุ่งออกมาจากห้องเมื่อเห็นว่าพวกของแชวอนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังฉันอยู่ ในขณะที่ฮีโระซึ่งมากับฉันไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่แชวอนเดินเข้ามาหาฉัน เขาเดินเข้าห้องไปก่อนที่พวกแชวอนจะมาพูดกับฉันด้วยซ้ำ

“เธอก็อีกคน อย่ามายุ่งเรื่องของพวกฉัน นี่เป็นเรื่องของฉันกับยัยหน้าจืด ไม่เกี่ยวเธอ หลีกไป”

แชวอนผลักไหล่ของมุนอา แล้วพวกเธอก็เดินจากไปและทิ้งคำพูดไว้เพียงว่า

“ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็แค่อย่ามาใกล้รุ่นพี่ของพวกเรา พวกน่ารำคาญ”

“นี่ ยัยบ้า พวกเธอนั่นแหละที่น่าเกียจและน่าขยะแขยงที่สุด”

“มุนอา ไม่เอาน่า พอเถอะน่า”

ฉันรีบคว้าแขนมุนอาก่อนที่เธอจะวิ่งตามไปเอาเรื่องกับพวกแชวอน เธอดูเดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่าฉันซะอีก

“เธอก็อย่าไปยอมพวกนั้นสิ มีอะไรก็ต้องบอกฉันนะ ฉันจะจัดการพวกนั้นให้สาสมเลยทีเดียว”

“ขอบใจนะ”

ฉันเข้าไปกอดมุนอา เธอตบไหล่ฉันเบาๆ ฉันกลับมานั่งโต๊ะของฉัน แต่มุนอากลับเดินไปโต๊ะของฮีโระ

“ทำไมฮีโระถึงไม่ช่วยฮารุตอนพวกแชวอนมาหาละ”

“ศัตรูที่แท้จริงนะ ไม่ได้อยู่ในที่สว่างหรอก คนที่อยู่ในที่มืดต่างหากละที่น่ากลัว”

ฮีโระพูดเสร็จก็มองหน้ามุนอา มุนอาเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะเสียใจที่ฮีโระพูดแบบนั้น แต่ว่ามันก็น่าแปลกอยู่หรอก ปกติแล้วเขามักเป็นคนแรกที่จะเข้ามาคอยดูแลฉัน แต่วันนี้เขาดูเฉยๆไป ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกเหมือนเสียใจด้วยนะ



วันนี้หลังจากเรียนคาบเช้าเสร็จพวกเราสามคนเดินไปกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารด้วยกันเหมือนเดิม ก่อนที่พวกเราจะกินอิ่ม รุ่นพี่ก็เดินเข้ามาเรียกฮีโระให้ไปกับเขา สักพักพวกเขาก็กลับมาพร้อมกับไอศกรีมหลากหลายรส มีทั้งรสตรอเบอรี่ ช๊อคโกแลต บานาน่า และรสนม

“รสไหนดีล่ะ”

รุ่นพี่กำลังคุยกับฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ ฉันได้แต่นิ่งและยังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้คือรุ่นพี่จริงๆหรือเปล่า หรือว่าฉันเห็นภาพที่ฉันสร้างขึ้นมาเองกันแน่ รุ่นพี่ยื่นไอศครีมมาที่ฉันอีกครั้ง พร้อมกับมองไปที่พวงกุญแจร่มที่ห้อยไว้ที่กระเป๋าสะพาย เหมือนจะบอกกับฉันว่าเป็นการขอบคุณสำหรับพวงกุญแจ ฉันเรียกสติของตัวเองคืนมาอีกครั้ง และแอบเอามือหยิกแขนตัวเองแรงๆหนึ่งที ไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย

“มุนอาเอารสไหนดี”

ฮีโระหันไปถามมุนอา ทำให้ฉันสะดุ้งอีกครั้งและให้หันมองพวกเขา มันคือความจริง แล้วหน้าของฉันก็เริ่มแดงขึ้น

“ฉันอยากให้ฮีโระเลือกให้มากกว่า”

“งั้นผมเลือกให้เป็นบานาน่าดีกว่านะ คิดว่าเธอคงชอบ ส่วนผมเอารสช๊อคโกแลตละกัน”

“เอ่อ อื้มก็ดีนะ บานาน่าก็ได้ ฮะ ฮะ”

คู่นี้ดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ดีนะ ก็ดีแล้วล่ะนะที่มุนอาจะได้มีความสุข ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะเห็นเธอคลั่งรุ่นพี่หลายๆคน แต่ฉันยังไม่เห็นเธอจะจริงจังเท่าครั้งนี้และฮีโระก็เป็นคนดีด้วย

“ตกลงเอาไง สตรอเบอรี่ไหม”

“เอ่อ คะ ค่ะ...”

รุ่นพี่ยื่นไอศกรีมรสตรอเบอรี่มาให้ฉัน ฉันที่ก้ำๆกึ่งๆไม่กล้าสบตารุ่นพี่ เพราะแค่ตอนนี้ฉันก็รู้เหมือนหายใจไม่ออกและหน้าของฉันก็ร้อนมากด้วย จึงได้ยื่นมือรับไอศกรีมจากรุ่นพี่มา แม้ว่าฉันจะไม่ชอบไอศครีมรสนี้ก็ตาม แต่แล้ว...

“เธอไม่ชอบรสสตรอเบอรี่ เอารสนมให้เธอไปดีกว่าครับ”

ฮีโระหยิบไอศกรีมรสนมจากมืออีกด้านของรุ่นพี่ให้ฉันแทนรสสตรอเบอรี่ที่เขายื่นให้

“เพราะว่าเวลาเธอเขิน เพื่อนๆชอบล้อเธอว่า ยัยแก้มสตอเบอรี่น่ะ”

จู่ๆ ฮีโระก็พูดประโยคที่ทำให้ฉันแปลกใจออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย เขารู้เหตุผลที่ฉันไม่ชอบสตอเบอรี่ได้ยังไงกันนะ

“ทำไมเธอถึงรู้ล่ะ?”

ฉันถามเขาทั้งที่ความแปลกใจยังไม่หาย ก่อนที่ฉันจะทันได้รู้คำตอบ รุ่นพี่ที่ได้แต่เงียบสักพักก็พูดขึ้น

“พวกเธอดูสนิทกันจังเลยนะ”

“ไม่มีใครจะสนิทกับเธอมากกว่าพวกผมอีกแล้วล่ะครับ”

“แล้วก็ฉันด้วยค่ะ”

มุนอาพูดเสริม ฮีโระยิ้มกรุ้มกริ่มให้รุ่นพี่ ถ้าฉันมองแค่ผิวเผิน คงคิดว่าพวกเขาทะเลาะกัน

“ตอนเย็นไปโรงยิมสิ”

รุ่นพี่พูดขึ้นลอยๆ เราทั้งคู่ต่างก็ไม่กล้าจะสบตากันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวาน จากเมื่อวานนี้ที่ฉันคิดว่าเราคงจะไม่ได้พูดคุย อยู่ใกล้ หรือแม้แต่จะเห็นรุ่นพี่จากไกลๆอีกแล้ว จากที่ฉันเคยคิดว่ารุ่นพี่คงจะเกลียดฉันเข้าจริงๆหลังจากที่เขาไล่ฉันไปเมื่อวาน ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น เพราะพวงกุญแจร่มสีเหลืองนั่นหรือเปล่านะ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ฉันก็อยากจะขอบคุณมากๆที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้อยู่ใกล้รุ่นพี่มากขึ้นกว่าเดิม

“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ตอนเย็นฉันจะได้ไปด้วย ได้ไหมคะรุ่นพี่ฮารุ”

จู่ๆ ซอลฟาก็โผล่มาจากด้านหลัง ทำให้พวกเราทั้งหมดต้องหันกลับไปมองเธอด้วยความแปลกใจ รุ่นพี่เองก็ดูจะแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อย สถานการณ์ดูจะเปลี่ยนไป แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าซอลฟามาได้อย่างไร แต่พวกเราก็ยังเออ ออ กันว่าจะไปดูรุ่นพี่เล่นบาส

“งั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่เลยสิ”

รุ่นพี่บอก พลันสายตาของฉันก็แอบมองเห็นว่าซอลฟายืนยิ้มให้กับรุ่นพี่ ทำไมเธอจะต้องอยากไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาสเหมือนกับฉันด้วยนะ ฉันเริ่มตั้งคำถามมากมาย หรือว่าความหึงหวงเริ่มเข้าครอบงำฉันมากเกินไป จนไม่อยากจะให้ใครๆมาใกล้รุ่นพี่ซะแล้ว

“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอนั่งด้วยคนเลยละกันนะคะ วันนั้นเจอรุ่นพี่ฮารุไปแล้ว ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อซอลฟาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักรุ่นพี่ทุกคนนะ”

ซอลฟายิ้มหวานให้กับทุกคนราวกับว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร อาจจะเพราะเธอเป็นนักดนตรีที่เข้ากับคนง่ายและไม่ถือตัว จึงสามารถพูดคุยกับใครๆได้อย่างง่ายดาย มุนอาทำท่าอึดอัดมากขึ้นเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ชอบซอลฟาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ในขณะที่พวกเราพูดคุยกันอยู่นั้นสายตาพิฆาตรของพวกแชวอนก็แผ่รังสีมาถึงพวกเราจนฉันและมุนอาสัมผัสได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกว่าอย่างน้อยๆฉันก็ได้เข้าใกล้รุ่นพี่ได้มากขึ้นแล้ว

“แชวอน เธอกับเพื่อนจะไปดูด้วยกันก็ได้นี่”

รุ่นพี่หันกลับไปยิ้มและบอกพวกแชวอนเหมือนจะรู้ว่าพวกเธอก็อยากให้รุ่นพี่มองเห็นเธอเหมือนกัน ดีจังเลยนะ ตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันชื่นชอบรุ่นพี่ตลอดมา พวกแชวอนตอบรับแบบเขินกับรุ่นพี่ดูพวกเธอจะดีใจมาก แทนที่ฉันจะรู้สึกอึดอัดแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันดีจังเลย

“งั้นตอนเย็นเจอกันนะ”

รุ่นพี่บอกก่อนที่จะลุกออกไป

“รุ่นพี่เนี่ยไม่น่าจะใจดีกับพวกนั้นให้มากเลย น่าจะใจดีกับฮารุแค่คนเดียวก็พอละ”

มุนอาทำหน้าเบื่อหน่ายกับความใจดีของรุ่นพี่จนทำให้ฉันตลกออกมา ส่วนพวกแชวอนหลังจากรุ่นพี่ไปแล้วพวกเธอยังคงทำหน้าที่แสนจะบ่งบอกว่ารำคาญฉันเหมือนเช่นเคย

“รุ่นพี่น่ะ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ ใจดีกับทุกคน และรายรอบตัวเขาก็มีแต่คนชอบ โอ๊ะ... แต่อย่าซีเรียสไปเลยค่ะ ให้ฉันร้องเพลงให้ฟังสักเพลงก่อนจะเข้าเรียนภาคบ่ายกันดีมั้ยคะ”

ซอลฟาพูดพร้อมกับดึงเอากีต้าร์ออกมาจากกระเป๋า ฮีโระทำท่าทางสนใจและชมซอลฟาไม่ขาดปากว่าเธอดูเท่ห์มากเวลาที่เล่นกีต้าร์และร้องเพลงแบบนี้ ส่วนมุนอานั้นแทบจะไม่มองหน้าซอลฟาตั้งแต่เธอมานั่งโต๊ะด้วยซ้ำ ฉันเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆกับเธอเหมือนกัน แต่ก็บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ ฉันไม่อยากจะรู้สึกอคติกับเธอตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันแบบนั้น และมันก็คงจะไม่ดี ถ้าหากว่าฉันคิดไม่ดีกับเธอ ฉันพยายามปัดเอาความรู้สึกเหล่านั้นออกไป และพยายามเปิดใจให้กว้างมากขึ้น เพราะที่สิ่งที่คิดก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้

ตกเย็นหลังเลิกเรียน ตามสัญญาที่บอกไว้กับรุ่นพี่ว่าจะไปดูรุ่นพี่เล่นบาส ฉันเก็บของและเตรียมพร้อมที่จะไปที่โรงยิม

“แหมๆ วันนี้ดูอารมณ์ดีเลยนะ ไหนๆดีซิยิ้มซะจนปากกว้างไปถึงใบหูแล้วนะเนี่ย”

ฮีโระเอามือมาดึงแก้มทั้งสองข้างของฉัน ถ้าเป็นตอนที่รู้จักกันใหม่ๆฉันคงจะรู้สึกแปลกไม่น้อย แต่ตอนนี้นิสัยแบบนี้ของเขากลายเป็นธรรมดาสำหรับฉันไปแล้ว จะว่าไปฉันเองก็คงดูมีความสุขจนเวอร์ไปจริงๆนะแหละ เพราะถึงแม้จะโดนฮีโระแซวอย่างนั้นฉันก็ยังอยากยิ้มแบบนี้ต่อไป

“จะสนิทกันมากเกินไปแล้วนะ ฮีโระ มุนอาก็อยู่นี่ทั้งคนนะ”

มุนอาทำท่าค้อนเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะงอน ฮีโระก็ยกมือขึ้นจับหัวเธอเบาๆ

“ที่จริงผมก็สนิทกับมุนอาเหมือนกันน่า อย่าน้อยใจเลย”

เย็นนี้มุนอาบอกว่ามีธุระที่บ้านก็เลยไม่ได้ไปโรงยิมด้วย เธอก็ขอแยกกลับบ้านก่อน ทิ้งให้ฉันกับฮีโระไปกันเพียงสองคน

ส่วนซอลฟาบอกว่าเธอจะไปรออยู่ที่โรงยิม แต่ก่อนที่จะเข้าโรงยิมฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหนังสือที่ต้องทำการบ้านส่งวันพรุ่งนี้ไว้ที่ใต้โต๊ะฉันจึงบอกให้ฮีโระไปที่โรงยิมก่อน และวิ่งกลับไปที่ห้อง เมื่อมาถึงห้องเรียน สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจมากที่สุดคือ บนกระดานมีคนเขียนเมจเสจบางอย่างทิ้งไว้

“ถ้าเธอไม่ได้คิดจริงจัง เลิกยุ่งกับเขาซะ” นี่คงไม่ได้ต้องการจะบอกฉันใช่ไหม หรือว่าข้อความนี้จะเป็นข้อความเตือนฉัน หมายถึงฉันกับรุ่นพี่ยังงั้นเหรอ ฉันมองข้อความอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าหากต้องการจะบอกฉันจริงๆ ฉันก็อยากจะบอกเธอว่าฉันจริงจังจริงๆนะ และฉันก็ไม่สามารถเลิกยุ่งกับเขาได้ เพราะว่าฉันแอบเฝ้ามองเขามานานเป็นปีแล้วยังไงล่ะ”

ฉันหยิบแปลงลบกระดานมาลบข้อความก่อนทีจะมีคนมาเห็น และนั่นยิ่งทำให้ฉันเข้มแข็งและอยากทำอะไรให้กับรุ่นพี่เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจริงจังกับรุ่นพี่จริงๆ

“ว่าจะไม่อะไรด้วยแล้วเชียว หาเรื่องจนได้สินะ” เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้นมาเบาๆท่ามกลางความว่างเปล่าที่หน้าประตู



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

..............................................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 8 น้อยใจ

ฉับ ฉับ! ฉับ ฉับ! เสียงรองเท้าของฉันกระทบกับน้ำที่เริ่มนองบนสนามหญ้าหน้าบ้านที่ฮีโระเช่าอยู่ ฉันวิ่งออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้พกร่มมาด้วย แม้...

วันเสาร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2560



기억하니 넌
 คี ออ คา นี นอน
우리 처음 눈 맞춘 날
 อู รี ชอ อึม นุน มัท ชุน นัล
설렘 가득했지
 ซอล เรม คา ดือ แคท จี
생각해보니
 แซง กา แค โบ นี
매 순간이 참 고마워
 แม ซุน กา นี ชัม โค มา วอ
너의 그 예쁜 진심
 นอ เอ คือ เย ปึน ชิน ชิม

เนื้อเพลง Starry Night : Jessica

기억하니 넌  คี ออ คา นี นอน 우리 처음 눈 맞춘 날  อู รี ชอ อึม นุน มัท ชุน นัล 설렘 가득했지  ซอล เรม คา ดือ แคท จี 생각해보니  แซง กา แค โบ นี 매 순간이 ...

วันศุกร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2560



조금씩 내게로
 โช กึม ชิก แน เก โร
웃으며 다가오는 너에게
  อู ซือ มยอน ทา กา โอ นึน นอ เอ เก
아무 말 못한 채
 อา มู มัล โม ทัน แช
그저 바라보고 있어
 คือ ชอ พา รา โบ โก อี ซอ

니가 느끼지 못할 만큼 먼 곳에서
 นี กา นือ กี จี โม ทัล มัน คึม มอน โก เซ ซอ
혼자 멍하게 우두커니 서서
 ฮน จา มอง ฮา เก อู ดู คอ นี ซอ ซอ

เนื้อเพลง My Heart (내 마음은) : Siwan

조금씩 내게로  โช กึม ชิก แน เก โร 웃으며 다가오는 너에게   อู ซือ มยอน ทา กา โอ นึน นอ เอ เก 아무 말 못한 채  อา มู มัล โม ทัน แช 그저 바라보고 있어  คือ ชอ ...

วันพฤหัสบดีที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2560




너의 싸늘해진 그 눈빛이
 นอ เอ ซา นึล แฮ จิน กือ นุน บี ชี
나를 죽이는 거야
 นา รึล ชู กี นึน กอ ยา
커지던 니 맘의 불씨
 คอ จี ตอน นี มา เม พุล ชี
재만 남은 거야 왜
 แช มัน นา มึน กอ ยา แว

시간이 약인가 봐
 ชี กา นี ยา กิน กา บวา
어째 갈수록 나 약하잖아
 ออ แจ คัล ซู รก นา ยา คา ชา นา

เนื้อเพลง Gashina (가시나) : Sunmi

คลิกที่นี่เพื่อฟังเพลง 너의 싸늘해진 그 눈빛이  นอ เอ ซา นึล แฮ จิน กือ นุน บี ชี 나를 죽이는 거야  นา รึล ชู กี นึน กอ ยา 커지던 니 맘의 불씨  คอ จี ต...


가식적인 인사보다는
 คา ชิก จอ กิน อิน ซา โบ ตา นึน

Oh I’d rather be alone

시간낭빈 하지 않을래
ชี กัน นัง บิน ฮา จี อา นึล แร

이것 또한 지나가겠지
 อี กอท โต ฮัน ชี นา กา เกท จี
늘 그래왔거든
 นึล คือ แร วัท กอ ดึน
또 한번 강해지겠지
 โต ฮัน บอน คัง แฮ จี เกท จี

เนื้อเพลง SUMMER STORM : JESSICA

가식적인 인사보다는  คา ชิก จอ กิน อิน ซา โบ ตา นึน Oh I’d rather be alone 시간낭빈 하지 않을래 ชี กัน นัง บิน ฮา จี อา นึล แร 이것 또한 지나가겠지  อี...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com