แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The secret of memory แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ The secret of memory แสดงบทความทั้งหมด

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561



เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้าวกล่องที่เตรียมไว้ให้ฉันและฮีโระให้ฉันไปที่โรงเรียนด้วย และตอนนี้ฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของฮีโระแล้ว ดูจากนาฬิกาตอนนี้ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า อีกประมาณยี่สิบนาทีหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น ฉันคิดว่าฮีโระน่าจะออกมาและเขาก็คงจะรู้สึกแปลกใจมากๆที่วันนี้ฉันตื่นเช้าได้ แค่คิดว่าได้เจอหน้าฮีโระตอนนั้นแล้ว เขาก็จะตกใจไม่น้อย

ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านอย่างนั้นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนออกมาจากบ้าน หรือว่าวันนี้เขาตื่นสายหรือปล่าวนะ ฉันเริ่มเอะใจเล็กน้อย จึงได้เดินไปที่หน้าประตูและลองเคาะเรียกเขาดู แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ ฉันเริ่มเดินไปที่ข้างๆบ้าน ห้องของฮีโระอยู่ทางด้านขวาของประตูฉันจึงลองเดินไปดู และฉันเห็นฮีโระกำลังนอนอยู่ มันอะไรบางอย่างที่แปลกไปนะเขาเป็นอะไรหรือปล่าว ฉันเรียกเขาผ่านหน้าต่างกระจกและพยายามเคาะซ้ำๆแต่ดูเหมือนว่าเสียงของฉันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ ฉันจึงรีบหยิบโทรศัพท์กด 1 แล้วโทรออกทันที ฉันลองชะโงกหน้าหาโทรศัพท์ของฮีโระดูมันน่าจะอยู่แถวๆนั้นนะ เอ๊ะ มันอยู่บนเตียงที่ฮีโระนอนอยู่นี่นา สายหลุดไปแล้วฉันจึงโทรไปใหม่อีกครั้ง ฮีโระเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เขาค่อยๆเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับโดยที่มีรู้ว่าฉันยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องเขานี่เอง

“ฮีโระ เป็นอะไรหรือปล่าว นี่ฉันเองนะฮารุ ลุกมาเปิดประตูบ้านใหญ่ฉันหน่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“อ่อ ฮารุเหรอ ผมไม่เป็นไรฮารุมีอะไรเหรอ”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง ฉันเห็นแล้วว่าฮีโระไม่สบาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ฉันใช้กำปั้นทุบลงบนกระจกหน้าต่างห้องของฮีโระด้วยความโมโหที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดื้ออย่างนี้มาก่อน แม้ตัวเองจะไม่สบายหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็มักจะบอกแต่ว่าไม่เป็นไรและคอยเอาแต่ดูแลคนอื่นๆ

ฮีโระหันมาตามเสียงที่ฉันทุบประตู เขาตกใจมากที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนั้นและถามว่าฉันมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ลุกมาเปิดประตูให้ฉันก่อนเถอะน่า”

ฉันพูดอย่างร้อนใจ ยิ่งฉันได้เห็นว่าหน้าเขาซีดขนาดนั้นฉันก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่สบายจริงๆ ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะที่เขาไอแถมตอนเย็นก็ไม่ได้มากินข้าวที่บ้านฉันด้วย

“รีบๆมาเปิดประตูตอนนี้เลยนะก่อนที่ฉันจะพังประตูเข้าไป”

ฉันขู่ฮีโระอีกครั้งเพราะเขาเอาแต่บอกไม่เป็นไรๆ จนสุดท้ายเขาก็ลุกมาเปิดประตูบ้านอย่างที่ฉันบอก ฉันรีบเดินกลับมาที่ประตูหน้าบ้าน ประตูกำลังเปิดออกช้าๆ ฉันเริ่มเห็นหน้าฮีโระชัดมากขึ้น แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไปฮีโระก็ล้มลง

“ฮีโระเป็นอะไรหรือปล่าว”

ฉันรีบโผเข้าไปหาเขาที่ตอนนี้ดูเหมือนอ่อนแรงมากๆ ให้ตายเถอะนี่ทำไมตัวเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้นะเนี่ย ฉันประคองเขาให้ลุกขึ้นมาและใช้แรงฮึดสุดๆประคองเขาเดินไปที่ห้อง ฉันลองเอามือแตะที่หน้าผากของเขาอีกครั้งแม้จะไม่มีปรอดวัดไข้แต่ฉันว่าไข้ของเขาต้องขึ้นสูงผิดปกติแน่ๆเพราะตัวของเขาร้อนมากๆเหมือนว่าเราสามารถทอดไข่บนหน้าเขาได้เลยทีเดียว

“นายคงต้องไปหาหมอนะฮีโระ นายไม่สบายมาก ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล”

เพราะตอนนี้พ่อของฉันออกไปทำงานจึงไม่มีใครที่จะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลได้ ฉันจึงคิดว่าการโทรเรียกรถพยายาลน่าจะดีที่สุด ฉันยกโทรศัพท์มือถือและกดเบอร์ แต่ก็มีมือร้อนๆของฮีโระมาจับที่โทรศัพท์เอาไว้

“ผมไม่เป็นไร ขอร้องอย่าให้ผมไปโรงพยาบาลเลย” แค่ก แค่ก~~

เขาจับโทรศัพท์เอาไว้อย่างนั้นใขขณะที่ก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก

“แล้วถ้านายไม่ไปโรงพยาบาล นายจะหายไปได้ยังไงกัน”

ฉันตะโกนใส่เขายังงั้นทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะฉันเป็นห่วงเขามากนะสิ

“เดี๋ยวนอนพักสักแปบก็หาย”

“หยุดพูดและรอฉันอยู่ที่นี่นะเดี๋ยวฉันมา”

“ผมไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆนะ อย่าเรียกรถพวกนั้นมา”

เขายังคงคว้าแขนของฉันไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะกลัวการเขาโรงพยาบาลเหมือนกัน

“ฉันแค่จะกลับไปเอายาที่บ้าน ไม่เรียกรถพยาบาลหรอก”

“สัญญานะ”

ฉันยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญา หลังจากนั้นฉันก็กลับบ้านมาค้นที่ตู้ยาว่ามีอะไรบ้าง แม่ตกใจมากที่จู่ๆฉันก็กลับมา

“อ่าว นี่ลูกไม่ได้ถึงโรงเรียนแล้วหรอกเหรอ ละนี่ทำอะไรเนี่ย มีใครเป็นอะไร”

“ฮีโระเขาไม่สบายน่ะค่ะ ดูเหมือนจะมีไข้ขึ้นสูงมาก”

ฉันตอบแม่ในขณะที่ยังคงค้นหายาอยู่อย่างนั้น แต่แม่บอกว่าก่อนที่เขาจะกินยาเราควรจะหาอะไรให้เขากินก่อน แม่จึงเตรียมโจ๊กไว้ให้และบอกว่าต้องเช็ดตัวให้ไข้ลดลง ฉันหอบข้าวของพะรุงพะรังราวกับว่ากำลังจะย้ายบ้านมาที่บ้านของฮีโระทั้งโจ๊ก ยา ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว และเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างไม้กวาดและไม้ถูกพื้นมาด้วย เพราะจากที่ฉันได้เข้ามาในบ้านฉันก็พอจะรู้ว่าเขาไม่ได้ทำความสะอาดมานาน และคนไม่สบายควรจะได้อยู่ในห้องปลอดโปร่งและสะอาดมากกว่านี้ ฉันจัดแจงวางของทุกอย่างลงและประคองเค้าให้นั่งพิงผนัง

“นายต้องกินโจ๊กนี่ก่อนนะฮีโระ”

ฉันตักโจ๊กให้แต่เขาก็ไม่ยอมกิน

“เดี๋ยวผมกินเองได้”

เขาคว้าถ้วยโจ๊กออกจากมือฉันไป ฉันกลัวว่าเขาจะไม่มีแรงเพราะแค่จะยกช้อนขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าจะลำบากมากแล้วในตอนนี้ ฉันจึงดึงถ้วยโจ๊กกลับมาเหมือนเดิม

“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าฮีโระจะเป็นคนที่ดื้อมากขนาดนี้ แต่เพราะวันนี้นายป่วยนายจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใดๆกับฉัน”

เขาไม่พูดอะไรออกมาและยอมกินโจ๊กที่ฉันป้อนให้อย่างว่าง่าย แต่กินเข้าไปได้แค่ครึ่งถ้วยเขาก็บอกว่ากินเข้าไปไม่ไหวแล้ว ฉันจึงเอื้อมไปหยิบกระปุกยาให้เขากิน ก่อนที่จะให้นอนพักแล้วเขาก็หลับ ฉันจึงเตรียมกาละมังเล็กๆใส่น้ำและน้ำผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ ถึงแม้ว่าเราจะสนิมมากแต่เพราะฮีโระเป็นผู้ชายฉันก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีที่ต้องมาเช็ดตัวให้แบบนี้และฉันก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อนด้วย ฉันใช้ผ้าขนหนูและเช็ดหน้าให้เขาเบาๆ แม้นี้ตอนผ้าขนหนูจะเย็นแต่หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเสร็จผ้าขนหนูก็กลายเป็นอุ่นขึ้นทันที ฉันเช็ดหน้าและคอให้เขา ดูไปดูมาเขาเป็นคนที่หล่อแบบธรรมชาติสร้างมาจริงๆ ขนาดป่วยและหน้าเขาจะซีดเล็กน้อยรวมถึงผมที่ยุ่งเหยิงของเขาก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาน้อยลงไปเลย ไม่น่าแปลกที่มุนอาจะชอบเขามากๆ


หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยสิ่งที่ฉันต้องทำต่อไปนั่นคือการทำความสะอาด เพราะจากที่ดูตอนนี้มีขยะและฝุ่นเกลื่อนกลาดเต็มห้องของฮีโระไปหมด ฉันเปิดประตูหน้าต่างของเขาออกให้กว้างมากที่สุดเพื่อให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกแล้วเริ่มเก็บขยะที่ตกตามพื้น มันเป็นเศษกระดาษซะส่วนใหญ่แต่เพราะว่ามันถูกขยำแล้วฉันจึงคิดเอาเองว่ามันเป็นขยะไปแล้ว ฉันเก็บมันใส่ถุงดำที่เตรียมมาด้วย

“นี่มันตั๋วดูหนังนี่นา”

ฉันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้งขึ้นมาดู มันเป็นตั๋วดูหนังสองใบแต่มันเป็นของวันอาทิตย์ที่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่ไปดูนะ ฉันหยิบมันทิ้งลงในถุงดำและปัดฝุ่นบนโต๊ะแล้วเช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง ในห้องของฮีโระเป็นเพียงห้องเล็กๆไม่มีอะไรมากนอกจากโต๊ะคอมหนึ่งตัว ชั้นวางหนังสือและซีดีมากมาย มีที่ใส่ของอยู่บนผนัง โต๊ะวางโคมไฟที่มีของกระจุ๋มกระจิ๋มวางอยู่ตรงนั้น และมีเก้าอี้เอนหลังที่เขามักจะชอบไปนั่งริมหน้าต่าง ฉันค่อยๆทำความสะอาดตั้งแต่โต๊ะคอมที่รูปสมัยตอนเป็นเด็กๆของเขาวางอยู่ตรงนั้น

“นี่เขาหล่อมาตั้งแต่ตนเป็นเด็กเลยเหรอเนี่ย”

ฉันหยิบกรอบรูปขึ้นมาเช็ด แต่...

“ทำไมรูปนี้ถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนกับฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง”

ฉันพึมพำไปพร้อมๆกับทำความสะอาดไป น่าแปลกที่รูปของฮีโระตอนเด็กทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตา อ๋อ จำได้แล้วหน้าฮีโระคล้ายๆกับเด็กที่อยู่ในรูปที่อยู่ที่บอร์ดติดห้องฉันเลย เอ..แต่มันไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นหรอก ตอนเด็กๆทุกคนจะหน้าตาคล้ายๆกันหมดแหละ ฉันวางกรอบรูปลงที่เดิมและจัดการกับชั้นวางหนังสือและซีดีมากมายที่แอบแฝงไปด้วยฝุ่น

ฮัดเช้ย~~

ฉันเผลอจามออกมา แต่โชคดีไม่ได้เสียงดังมากนัก ฮีโระยังคงหลับต่อไปเพราะฤทธิ์ยาและร่างกายที่อ่อนแรงของเขา นี่เขาชอบฟังเพลงมากๆเลยนะเนี่ย ถึงได้มีซีดีเป็นร้อยๆในชั้นแบบนี้ ฉันเช็ดไปด้วยและดูของไปด้วย มันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมาก เมื่อฉันได้มาเห็นว่าห้องของฮีโระเป็นแบบนี้ ข้างเตียงมีขวดโหลอยู่ใบนึงที่ใส่รูปที่เราเคยถ่ายด้วยกันที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะและมีพวงกุญแจที่ฉันเคยซื้อให้ฮีโระอยู่ในนั้นด้วย ไม่น่าล่ะฉันถึงได้ไม่เห็นเขาเอาห้อยกระเป๋าเป็นเพราะเขาเอามันมาเก็บไว้ในกระปุกแบบนี้นี่เอง

แต่เอ๊ะมีบางอย่างอยู่ในนั้นอีกอย่างดูเหมือนมันจะเป็นยางลบนะ ฉันยกกระปุกขึ้นมาดูมีคนเขียนบางอย่างลงในนั้น “Hero เพื่อนที่ดีของฉัน” ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรักเขาสินะ ฉันวางกระปุกลงและคิดว่าจะกวาดห้องต่อ แต่ก็มีบางอย่างแว๊บขึ้นมาในหัว ฉันหยิบกระปุกแล้วเปิดมันออก ยางลบก้อนนั้นอยู่ในมือของฉัน ฉันพิจารณามันอย่างถี่ถ้วนมันน่าแปลกมากที่ตัวหนังสือนั้นฉันคิดว่ามันมีส่วนคล้ายกับฉันเล็กน้อย หรือว่าจะมีคนที่ตัวหนังสือเหมือนกันก็ได้ ฉันครุ่นคิดมันอยู่นาน แต่จะคิดว่าเป็นฉันที่ให้ยางลบนี่กับฮีโระ ฉันก็ไม่เคยให้นี่นา น่าแปลกจริงๆ ฉันเก็บยางลบเข้ากระปุกตามเดิมแล้วทำการกวาดถูห้องจนสะอาดเอี่ยม


สายลมอ่อนๆพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ผ้าม่านสีฟ้าอ่อนๆพริ้วไหวไปตามลม ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่ฉันคิดว่ามันคงเป็นตัวโปรดของฮีโระที่ข้างหน้าต่าง วิวตรงนี้ดูสวยกว่ามองจากห้องฉันเยอะ และจากตรงนี้ฉันก็สามารถมองเห็นหน้าต่างห้องของฉันได้สบาย ตอนนี้แสงแดดอ่อนๆเริ่มส่องผ่านเข้ามา วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากๆ ฉันหลับตาลงพร้อมๆกับสายลมที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเสียงนกร้องคลอเบาๆ บรรยากาศดีจัง

...........................................................................................................................................

แกร็ก แกร็ก~~

เสียงเหมือนใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่าง ฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าฮีโระกำลังนั่งจัดหนังสืออยู่

“อ่าว ตื่นแล้วเหรอฮารุ”

ฮีโระกำลังจัดหนังสือเข้าชั้นวางไป นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งเกือบชั่วโมงเชียวเหรอเนี่ย

“เธอยังดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นะ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง”

“ไม่เป็นไรผมเก็บเอง”

ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปช่วยฮีโระเก็บของ แต่เขาก็พยายามทำเองจนเสร็จ

“เธอยังไม่หายดีเลยนะ กลับไปนอนพักเถอะ”

ฉันพยุงฮีโระกลับมานั่งที่เตียง เขายังดูเหมือนเหนื่อย ฉันกลับมานั่งเก้าอี้ที่ริมหน้าต่างและหันหน้าเก้าอี้ไปทางเตียงของฮีโระ

“ฮารุทำเหมือนว่าผมเป็นคนป่วยโรงพยาบาลเลยนะ ไม่ต้องเฝ้าผมก็ได้ ผมดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ แล้วไม่ไปเรียนจะไม่เป็นไรเหรอ”

“ไม่ได้เป็นไรหรอกน่า แม่โทรไปลาที่โรงเรียนให้พวกเราแล้ว ฉันจะอยู่เฝ้าจนกว่าเธอจะหายดีนะ อ๊ะ... จริงด้วยแล้วตอนนี้ยังปวดหัวอยู่มั้ย”

“ก็ยังมึนอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ”

ฮีโระพูดในขณะที่ยิ้มออกมา เขาดูสดใสขึ้นบ้างแล้ว ฉันลุกขึ้นเอามือไปลองแตะหน้าผากเขาดูอีกครั้งหลังจากที่ได้กินยาและนานหลับไป ตัวเขายังดูร้อนๆอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

“แต่ตัวเธอยังร้อนอยู่เลยนะ อย่าเพิ่งออกไปเดินเล่นหรือทำอะไรล่ะ วันนี้ฉันจะอยู่ดูแลฮีโระไม่ให้ทำอะไรที่ดื้ออีก”

ฉันนั่งกอดอกทำเหมือนจะออกคำสั่งกับฮีโระ เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกออกมาว่า

“รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนฮารุเป็น...แม่...ผมเลยล่ะ”

พอพูดถึงแม่ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฮีโระไม่เคยพูดเรื่องครอบครัว เรื่องแม่ หรือเรื่องอะไรก็ตามเกี่ยวกับตัวเขาให้ฉันได้รู้บ้างเลย

“แล้วแม่ของฮีโระล่ะ”

ฮีโระเงียบไป เขายิ้มเจือนๆเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป มีความรู้สึกบางอย่างบอกฉันว่าฉันไม่ควรจะถามเรื่องพวกนี้

“ขอโทษนะ ฉันจะไม่ถามเรื่องแม่ของฮีโระดีกว่า”

“ขอโทษนะที่ผมไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรให้ฮารุฟัง ไม่ใช่ว่าอยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ก็แค่... ถ้าหากไม่พูดออกมามันอาจจะดีกว่าน่ะ”

เสียงของฮีโระเศร้าลง เพราะเขาไม่สบายอยู่แล้วก็เลยทำให้หน้าตาของเขาดูเศร้าหมองลงไปอีก หากแม่ของเขาอยู่ด้วยที่นี่เขาก็คงไม่เป็นไข้และคงมีคนที่ดูแลเขา การที่เขาอยู่คนเดียวคงลำบากและเหงามาก ฉันไม่เคยได้มาดูเลยว่าเขาจะอยู่กินยังไงแม้ว่าบ้านของเราจะติดกัน นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างมากเมื่อรู้ว่าเขาป่วยและเก็บความเจ็บป่วยไว้กับตัวเองโดยไม่มีใครมาดูแล ฉันบอกให้เขานอนพักอีกสักแปบซึ่งเขาเองก็นอนอย่างว่าง่าย ฉันกลับมาที่บ้านและนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา มันทำให้ฉันเจ็บปวดและคิดว่าฉันน่าจะดีกับเขาให้มากกว่านี้นะ ฉันมองผ่านหน้าต่างห้องตัวเองไปที่ห้องฮีโระ เวลาที่เหลือนี้ฉันจะดูแลเธอเองนะฮีโระ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 22 - ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1

เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้...

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561



หลังจากวันนั้นดูเหมือนทุกจะราบรื่นดี ทุกเช้าฉันจะได้เจอรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนและได้รับรอยยิ้มที่แสนจะสดใสทุกเช้าทำให้ฉันมีกำลังใจอยากจะเรียนและทำอะไรตั้งเยอะ ตอนกลางวันรุ่นพี่ก็มักจะไปรออยู่ที่โรงอาหารเพื่อรอกินข้าวพร้อมกันกับฉัน ฮีโระและมุนอาด้วย และทุกๆเย็นฉันก็จะไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาส

“สู้ๆค่ะรุ่นพี่ สู้เขา”

จนบางครั้งฉันก็คิดว่าคงจะมีใครหลายๆคนที่แอบหมั่นไส้ฉันหลบอยู่ตรงที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจว่าจะมีคนที่ไม่ชอบฉันมากเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันอยากทำตอนนี้คือการได้อยู่ใกล้ๆกับรุ่นพี่และดูแลซึ่งกันและกัน หลังจากเลิกซ้อมบาสพวกเราก็จะเดินกลับบ้าน รุ่นพี่เดินมาส่งฉันกลับบ้านทุกวันโดยไม่เคยบ่นว่าเบื่อหรือเหนื่อยสักครั้ง แม้จะซ้อมหนักขนาดไหนเขาก็ยังอาสาอยากจะมาส่งฉันทุกๆวัน ส่วนฮีโระหลังจากไปส่งมุนอาขึ้นรถก็มักจะขอตัวกลับบ้านก่อน เขามักจะอ้างโน้นอ้างนี่ว่ามีธุระ แต่จริงๆฉันรู้ว่าเขาอยากให้ฉันได้มีเวลาอยู่กับรุ่นพี่มากกว่า นับตั้งแต่วันที่เราก้าวข้ามผ่านวันเศร้าเหล่านั้นมาได้ หลังจากนั้นดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น จนถึงวันที่ฉันได้รู้เรื่องบางอย่าง มันทำให้ฉันใจหายและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

“ฮารุ รู้มั้ยว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว”

ภาคบ่ายวันนี้อาจารย์ไม่มาสอนพวกเราจึงมากันที่ห้องสมุด ในขณะที่ฮีโระเดินไปหาหนังสือมุนอาก็เอ่ยปากถามฉันขึ้น

“อืม วันที่ 26 หรือปล่าวนะ”

ฉันตอบคำถามมากิอย่างงงๆ เธอไม่ใช่คนขี้ลืมที่จะมาคอยถามวันที่แบบนี้นี่นา

“ถ้ายังงั้นตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่สามวันสินะ”

“เอ๋ ทำไมถึงเหลือเวลาแค่สามวันเหรอ”

“ก็จะครบกำหนด 4 เดือนที่ฮีโระย้ายมาที่นี่น่ะสิ เราน่าจะทำอะไรเซอไพรซ์ให้เขาสักหน่อยนะ”

มุนอาพูดในขณะที่สายตาก็จ้องมองไปทางฮีโระที่กำลังหาหนังสืออยู่ ฉันอึ้งไปชั่วขณะ ฉันไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ช่วงหลังมานี้เวลาว่างส่วนใหญ่ของฉันจะอยู่กับรุ่นพี่จนลืมไปว่าฮีโระมีเวลาอยู่กับพวกเราแค่ 4 เดือน นับจากวันที่เขาย้ายมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ จู่ๆใจของฉันก็หายแว็บขึ้นมา ทำไมเพียงแค่คิดว่าพวกเราจะไม่ได้พบกันแล้วถึงทำให้รู้สึกเหงามากมายขนาดนี้นะ ฮีโระไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้กับฉันสักครั้ง เขาไม่เคยเตือนฉันว่าเขาเหลือเวลาน้อยลงทุกวัน แต่กลับใช้เวลาทั้งหมดทำเพื่อฉันในทุกๆเรื่อง ฉันไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย

แค่ก แค่ก แค่ก~~ เสียงไอของฮีโระทำให้ตกใจ เขาเพิ่งไปเจอหนังสือเล่มที่ต้องการ

“ไม่สบายหรือปล่าวฮีโระ”

“อ๋อ ปล่าวหรอก พอดีค้นหนังสือฝุ่นคงเยอะไปหน่อยน่ะ” แค่ก แค่ก~~

มุนอาถามด้วยความเป็นห่วง ฉันได้แต่มองหน้าฮีโระด้วยความรู้สึกที่ใจหาย หลังจากนี้อีกสามวันเราจะไม่ได้เจอกันแล้วจริงๆเหรอ

“ฮารุ เป็นอะไรหรือปล่าว ทำไมจ้องหน้าผมอย่างนั้นล่ะ”

“เอ่อ ปะปล่าว ไม่มีอะไร ว่าแต่ฮีโระไม่เป็นอะไรแน่นะ”

ฉันเปลี่ยนเรื่องแล้วยืนมือเพื่อลองแตะหน้าผากเขา แต่เขาเบือนหน้าหนีไปก่อน

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า ทำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้”

“ดูสิ แค่ฮารุจะแตะหน้าผากก็ทำหน้าแดงซะออกนอกหน้าเลยนะ”

มุนอาแกล้งแซวฮีโระ

“ป่าวซักหน่อยนะ อากาศร้อนก็หน้าแดงได้นะ”

“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแปบนะ”

มุนอาลุกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้มีแต่ฉันกับฮีโระที่นั่งโต๊ะตรงข้ามกัน ฮีโระกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับเบเกอรี่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายจะอ่านหนังสือประเภทนี้กันด้วย และนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเอาแต่จ้องหน้าฮีโระอย่างไม่รู้ตัวอย่างนั้นจนฮีโระทักขึ้น

“มีอะไรติดอยู่ที่หน้าผมหรือปล่าว ทำไมฮารุถึงได้มองหน้าผมตลอดเวลาแบบนี้ล่ะ ผมเขินนะเนี่ย”

“ปล่าวนะ ฉันแค่ดูหนังสือที่ฮีโระเอามาต่างหากล่ะ แค่.. แปลกใจว่าผู้ชายชอบอ่านหนังสือเบเกอรี่ด้วยเหรอ”

ใครจะกล้าบอกว่าฉันแอบมองหน้าเขาโดยไม่รู้ตัวกันล่ะ จู่ๆความรู้สึกที่กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันก็เกิดขึ้นกับฉัน ฉันจึงอยากใช้เวลามองหน้าเขาเอาไว้ให้นานเท่านาน และเมื่อฉันบอกว่าสงสัยเรื่องหนังสือของเขา เขาจึงยื่นหนังสือเบเกอรี่มาไว้ที่ตรงกลางเพื่อจะให้ฉันได้ดูด้วย

“ดูนี่สิ ขนมพวกนี้น่ะ น่ากินมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

เขาชี้ไปที่รูปของคุกกี้แบบต่างๆให้ฉันดู ฉันเอื้อมตัวเข้าไปเล็กน้อยเพื่อจะได้เห็นภาพชัดๆ แต่นั่นก็ทำให้ฉันได้เห็นหน้าฮีโระได้ชัดมากเช่นกัน จู่ๆฮีโระก็ดันหนังสือมาที่ด้านหน้าฉันและบอกให้ฉันดูไปก่อนเลยเขายังไม่อยากดูแล้วก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะซะงั้น ฉันลองเปิดดูแต่ละหน้ามีรูปและสูตรทำอยู่ในนั้น

“ฮีโระชอบทำเบเกอรี่มากเหรอ ถึงได้สนใจหนังสือพวกนี้น่ะ”

ฉันถามออกไปในขณะที่เขายังฟุบหลับอยู่อย่างนั้น แต่ฉันก็ยังพอได้ยินคำตอบของเขาเบาๆอยู่บ้าง

“แม่ของผมรักการทำเบเกอรรี่มากๆ และผมก็อยากจะทำให้ได้เหมือนแม่น่ะ”

“ผู้ชายที่ชอบเบเกอรี่ยังงั้นเหรอ ดูน่าสนใจดีนะ”

ฮีโระเงยหน้าขึ้นและจ้องมาทางฉัน เหมือนเขามีบางอย่างอยากจะพูดแต่ก็สุดท้ายก็ได้เพียงแค่เกาหัวเบา และกลับฟุบลงไปอีก มุนอากลับมาจากเข้าห้องน้ำพอดี

“อะไรกันเนี่ย หลับในห้องสมุดแบบนี้ อย่าให้ฮีโระลอกการบ้านได้นะฮารุ”

มุนอาพูดหยอกกับฉัน เธอเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมที่ฉันรู้จักอีกครั้ง พวกเรานั่งทำการบ้านด้วยกันจนถึงสี่โมง นาฬิกาบอกเวลาว่าเลิกคาบเรียนในภาคบ่ายดังขึ้น พวกเราลุกเก็บของ ในขณะที่ฮีโระเองก็งัวเงียลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเช่นกัน นี่ถ้าหากไม่ได้เห็นว่าเขาเพิ่งตื่นจากการแอบงีบละก็ ฉันคงคิดว่าเขาไม่สบายแน่ๆ เพราะสีหน้าของเขาตอนนี้ดูจะมึนๆเบลอๆดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เอาล่ะได้เวลากลับบ้านซะที ป่ะมุนอาเดี๋ยวผมไปส่งขึ้นรถ”

ฮีโระลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าที่ล๊อคเกอร์เขาเดินนำหน้าฉันและมุนอาไปข้างนอก ตามปกติเวลานี้ฉันจะดีใจที่ถึงเวลาที่ได้ไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาสแล้ว ฉันจะได้เจอรุ่นพี่และเราก็จะได้กลับบ้านด้วยกัน แต่วันนี้ทำไมฉันถึงได้อยากกลับบ้านพร้อมฮีโระมากกว่านะ คงเพราะว่าเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลง ฉันมองตามฮีโระที่กำลังเดินไปพร้อมกับมุนอา เขาหันหลังมองมาที่ฉัน

“อ่าว ฮารุมีอะไรหรือปล่าว ต้องไปหารุ่นพี่นี่นา ไม่รีบไปรุ่นพี่คงรอแย่”

เขาหันมาบอกฉันรับคำแล้วค่อยๆเดินออกมาจนถึงหน้าโรงยิม รุ่นพี่โบกมือให้ฉันทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่าฉันมาถึงแล้ว เกือบหนึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งรอรุ่นพี่แบบนี้ทุกวันในตอนเย็น แต่วันนี้ฉันรู้สึกสมาธิของฉันไม่ได้อยู่ในสนามแต่กลับอยู่ที่บ้านไปเรียบร้อย หลังจากที่รุ่นพี่ซ้อมเสร็จก็เก็บของและเดินมาส่งฉันกลับบ้านทุกวัน

“เป็นอะไรเหรอฮารุ วันนี้ดูเหม่อๆชอบกลนะ ไม่สบายตรงไหนหรอปล่าว หรือว่ามีใครทำอะไรอีก”

“อ่อ ปล่าวหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า...”

ตอนนี้ฉันเอาแต่คิดเรื่องฮีโระอยู่ในหัว ฉันอยากใช้เวลาที่เขาจะอยู่ที่โรงเรียนนี้กับเขาให้มากที่สุด เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาก ฉันอยากตอบแทนในสิ่งที่เขาได้ทำเพื่อฉันบ้าง น่าเสียดายที่ฉันเพิ่งมารู้ตัวว่าควรดีกับเขามากกว่านี้เมื่อเวลาเหลือเพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่ถึงยังไงกับเวลาสามวันที่เหลือฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อฮีโระ

“เราห่างกันสักสามวันนะคะ ฉันมีบางอย่างที่สำคัญที่ต้องทำจริงๆค่ะ”

ฉันบอกรุ่นพี่ไปอย่างนั้นและหวังว่ารุ่นพี่คงจะไม่เข้าใจผิดคิดว่าฉันไม่สนใจเขาแล้วหรอกนะ รุ่นพี่น่ะเป็นที่หนึ่งสำหรับฉันอยู่แล้ว แต่ฮีโระก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันก็อยากมีเวลาได้ทำอะไรดีๆให้กับเขาบ้าง

“อะไรที่ทำให้เราต้องห่างกันตั้งสามวันนะ ถ้าฮารุบอกเหตุผลกับผม ผมจะยอมให้เวลาฮารุสามวัน”

“คือฉัน... ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับฮีโระให้มากกว่านี้นะ และตอนนี้เรามีเวลาเพียงแค่สามวันที่จะได้เจอกัน ฉันแค่...อยากทำสิ่งดีๆให้กับฮีโระที่คอบช่วยเหลือฉันมาตลอดบ้าง”

ฉันบอกความจริงไปกับรุ่นพี่ แม้จะหวั่นๆอยู่บ้างว่ารุ่นพี่อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันชอบฮีโระ แต่ฉันก็ไม่อยากปิดบังรุ่นพี่ แต่รุ่นพี่กลับยิ้มอย่างใจดีและบอกกับฉันว่า

“ตกลง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจ ฮารุต้องพยายามทำให้ดีที่สุดนะ”

”ขอบคุณค่ะรุ่นพี่”

รุ่นพี่เป็นคนที่ฉันเลือกไม่ผิดจริงๆเขาเข้าใจและยอมรับกับสิ่งต่างๆได้ ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นรุ่นพี่จังเลยค่ะ ขอบคุณมากๆที่เข้าใจฉันและดูแลฉันเป็นอย่างดีเช่นกัน พวกเราเดินมาหยุดตรงหน้าบ้าน รุ่นพี่โบกมือลากับฉัน จริงๆแล้วฉันก็ยังไม่รู้หรอกว่าฉันควรจะทำอะไรให้กับฮีโระดี ฉันวิ่งเข้าบ้านเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องและกลับมาหาแม่ที่ห้องครัว

“ให้หนูช่วยมั้ยคะ วันนี้แม่จะทำเมนูอะไรเป็นพิเศษหรือปล่าวคะ”

“มาแปลกแฮะวันนี้ ฮารุเนี่ยนะจะช่วยแม่ทำกับข้าว ต้องมีอะไรแน่ๆเลย บอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ว้า โดนแม่รู้ทันอีกแล้ว คือว่า... วันนี้หนูอยากให้แม่ทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยนะคะ แล้วก็หนูก็อยากจะชวน... ฮีโระมากินข้าวที่บ้านเราด้วยจะได้มั้ยคะแม่”

จริงๆไม่ต้องบอกฉันก็พอจะรู้ว่ายังไงแม่ก็ไม่ปฏิเสธหรอก เพราะว่าแม่(รวมถึงพ่อด้วย)ชอบฮีโระเอามากๆ ยังไงซะก็คงอยากจะให้มากินข้าวด้วยกันทุกวันด้วยซ้ำ

“ได้แน่นอน เดี๋ยวแม่จะทำให้อร่อยที่สุดเพื่อฮีโระเลยละกันนะ แต่ว่ามีอะไรพิเศษวันนี้รึปล่าว หรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฮีโระ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือว่า...ต่อจากนี้ไปอีกสามวันฮีโระก็ต้องย้ายกลับไปอยู่ที่โรงเรียนเดิมแล้วล่ะค่ะ พวกเราคงไม่เจอเขาอีกแล้ว หนูเลยอยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้างน่ะค่ะ”

แม่ดูอึ้งไปเล็กน้อยก็คงจะตกใจเหมือนกับฉันที่ไม่เคยคิดถึงวันนี้มาก่อน

“ดีแล้วล่ะ ลูกควรจะดีกับฮีโระให้มากๆ แบบนี้แหละที่ถูกต้องที่สุดน่ะ”

แม่ยิ้มออกมาจางๆทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าแม่จะดูเศร้าๆไปนะ หรือเพราะว่าแม่ชอบฮีโระมากจนไม่อยากให้เขาจากไป แต่ขอโทษนะคะที่หนูทำแบบนั้นไม่ได้เพราะรุ่นพี่ก็เป็นคนที่สำคัญของหนูมากๆเหมือนกัน หนูก็เก็บฮีโระไว้ในฐานะเพื่อนที่แสนดีของหนูแล้วกันนะคะ

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณครั้งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดใส่จานเตรียมไว้ พ่อกำลังเลิกงานมาพอดีและเมื่อรู้ว่าฮีโระจะมากินข้าวด้วยก็ดูเหมือนว่าพ่อจะดีใจใหญ่ ฉันรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปเรียกฮีโระมากินข้าวด้วยกัน และเมื่อฉันไปถึงที่หน้าบ้านฉันเห็นรองเท้าของฮีโระอยู่ตรงนั้น ฉันเรียกเขาหนึ่งครั้งแต่เขาก็ไม่ตอบ ประตูก็ถูกล๊อคเอาไว้เขาทำอะไรอยู่นะ ฉันเคาะประตูและเรียกเขาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอยู่ดี ฉันรีบวิ่งกลับบ้านและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋านักเรียนออกมากดโทรหาเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันโทรหาเขาหลักจากได้โทรศัพท์เครื่องนี้มา เขาเป็นอะไรหรือปล่าวนะ ทำไมถึงไม่รับสาย ฉันลองกดอีกครั้งแต่ก็ไม่รับสายอยู่ดี แต่จู่ๆ...

ติ๊ด ติ๊ด~~ เสียงข้อความเข้า 1 หนึ่งข้อความ ฉันเปิดมันขึ้นมาอ่าน

Hero Massage : มีอะไรหรือปล่าวฮารุ พอดีผมออกมาทำธุระข้างนอก ไม่สะดวกคุยโทรศัพท์น่ะ ^^:

Haru Massage : ฮีโระไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอ ฉันเห็นรองเท้ายังอยู่ที่หน้าบ้านนี่นา!!!

Hero Massage : ไม่ได้อยู่ที่บ้านนะ ฮารุมีอะไรเหรอ ^^??

Haru Massage : ว่าจะชวนมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านน่ะ ^O^

Hero Massage : ขอโทษนะวันนี้คงไม่ได้ ไว้เป็นวันหลังนะ TT_TT

Haru Massage : อื้ม เอางั้นก็ได้ U.U แต่ฮีโระไม่เป็นไรแน่นะ

Hero Massage : ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ~~

สรุปแล้ววันนี้พวกเราก็เตรียมกับข้าวไว้เก้อ พวกเราทานข้าวมื้อเย็นอย่างเงียบเหงา หวังว่าวันพรุ่งนี้เราจะได้กินข้าวด้วยกันนะ เวลาของพวกเรามีน้อยลงไปทุกทีพรุ่งนี้คงถึงเวลาที่จะต้องนับถอยหลังสามวันสุดท้ายกันแล้ว

The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

................................................................. อ่านต่อได้ที่ ................................................................................

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 21 - เวลาที่เหลือน้อย

หลังจากวันนั้นดูเหมือนทุกจะราบรื่นดี ทุกเช้าฉันจะได้เจอรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนและได้รับรอยยิ้มที่แสนจะสดใสทุกเช้าทำให้ฉันมีกำลังใจอยากจะเรี...

วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561



“ที่จริงแล้วฉันไม่อยากเห็นเธอคนนั้นอ่อนแอ และไม่คิดว่าเธอยอมละทิ้งความตั้งใจง่ายๆแบบนั้น แต่ยังไงฉันก็ต้องขอให้เธอคนนั้นดูแลรุ่นพี่ด้วยนะคะ เธอเป็นคนเดียวที่สามารถดูแลรุ่นพี่และทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้จริงๆ แต่ถ้าวันไหน... เธอทำให้รุ่นพี่ต้องเสียใจละก็... ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน ยังไงก็ขอให้พวกเขามีความสุขด้วยนะคะ”

ทุกคนเริ่มฮือฮากันอีกครั้ง และต่างสงสัยว่าคนที่ซอลฟาพูดถึงนั้นเป็นใคร ไฟในหอประชุมยังคงมืดสนิทและสว่างเพียงด้านบนเวทีตรงที่ซอลฟายืนอยู่เท่านั้น ซอลฟามองมาที่ฉันและเธอก็ส่งรอยยิ้มให้ฉัน เธอหมายถึงฉันจริงๆอย่างนั้นเหรอ ฉันยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ แล้วฉันจะต้องทำอะไรต่อไปยังงั้นเหรอ ในตอนนั้นก็มีมือๆหนึ่งจากด้านขวามาจับมือของฉันไว้

“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ก็แค่ทำตามที่หัวใจต้องการ”

ฮีโระหันมายิ้มและจับมือฉันไว้ ฉันหันไปมองรุ่นพี่ที่ด้านข้าง แต่ว่าเขาก็ไม่อยู่แล้ว...

“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้มีเซอร์ไพรสุดพิเศษอีกอันนึงที่ฉันได้เตรียมเอาไว้ให้สำหรับทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยนะคะ ลองจับดูที่ข้างหลังเบาะพิงของทุกท่านดูนะคะ จะมีกล่องอยู่ 2 ใบ แต่... ก่อนที่จะทำอะไรนั้นฉันอยากจะให้ทุกคนอธิษฐานในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก่อน แล้วค่อยเลือกนะคะ ในสองกล่องนั่นจะมีหัวใจสีชมพูกับหัวใจสีดำอยู่ในกล่อง หากใครที่เลือกได้กล่องที่หัวใจสีชมพู แสดงว่าคำอธิษฐานของคุณจะสมหวังค่ะ มาอธิษฐานพร้อมกันนะคะ”

ซอลฟายกมือขึ้นมากุม ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังอธิษฐานว่าอะไร แต่เมื่อมองไปข้างๆคนในหอประชุมก็กำลังทำเช่นเดียวกัน คงมีแต่ฉันที่กำลังสับสนและไม่รู้ว่าจะขออะไรดี และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดีด้วย หลังจากที่ทุกคนอธิษฐานเสร็จพวกเขาก็เลือกกล่องเพียงหนึ่งกล่องแล้วก็เปิดมัน

“เฮ้ย เหลือเชื่อฉันได้สีชมพูด้วยแหละ”

“จริงเหรอเนี่ยฉันก็ได้สีชมพูด้วยแหละ”

ทุคนต่างฮือฮาเพราะพวกเขาต่างก็จับได้หัวใจสีชมพู ฮีโระยื่นมันมาให้ฉันดู เขาเองก็ได้สีชมพูเช่นเดียวกัน มันเป็นพวงกุญแจสีชมพูที่เมื่อกดปุ่มเปิดจะมีไฟเรืองแสงออกมา เห็นเป็นแสงสีชมพูระยิบระยับ

“ฉันหวังว่าทุกคนจะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานไว้นะคะ และสำหรับเพลงสุดท้ายสำหรับวันนี้... เป็นเพลงชื่อว่า คำอธิษฐานค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเสียงเพลงของฉัน และขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้โอกาสฉันมายืนที่ตรงนี้ด้วยนะคะ ถ้าหากฉันได้ทำอะไรที่ผิดไป ก็ต้องขอโทษมา ณ โอกาศนี้ด้วยค่ะ”

เสียงกีต้าร์ของซอลฟาเริ่มบรรเลงขึ้นมา ทุกคนต่างกดเปิดไฟจากพวงกุญแจหัวใจสีชมพูขึ้นมาชูและโยกตามเสียงดนตรีอันไพเราะของเธอ จู่ๆรุ่นพี่ที่หายไปก็เดินออกมาจากด้านหลังเวที รุ่นพี่เซอร์ไพรส์เธอด้วยการเดินเข้าไปหาแล้วมอบช่อดอกกุหลาบสีขาวให้กับเธอ แล้วข้างบนเวทีก็มีกลีบดอกกุหลาบสีขาวหล่นมาจากเบื้องบน เป็นภาพที่ทุกคนต่างก็ร้องว้าวขึ้นมาอีกครั้ง

“อิจฉาเขาละสิ”

ฮีโระหันมากระซิบบอกฉัน ฉันได้แต่ยิ้มและก็ชูหัวใจสีชมพูตามเพลงของซอลฟา ฉันเห็นเธอยิ้มและดูเหมือนว่ารุ่นพี่ก็มีความสุขเช่นกัน หลังจากมอบดอกกุหลาบให้ซอลฟา เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้วชูหัวใจสีชมพูตางเสียงเพลงของเธอเช่นกัน หลังจากที่เพลงจบทุกคนต่างโฮ่ร้องและปรมมือจนเสียงดังสนั่น ซอลฟากล่าวขอบคุณแล้วผ้าม่านก็ค่อยๆปิดลง

ทุกคนลุกขึ้นแล้วปรมมือให้กับคอนเสิร์ตที่เพิ่งจบลงและทยอยกันออกไปจากหอประชุม

“ยังไม่กลับอีกเหรอ”

“อ่อ ฉันอยากเจอซอลฟาก่อนน่ะ”

“เอางั้นเหรอ ก็ดีนะ”

ฮีโระกลับมานั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิม และมือที่ไม่อยู่นิ่งของเขาก็เล่นนู่นนี่ เปิดกล่องของขวัญอีกใบเข้า

“ฮะ หลอกกันซะจนเนียนเลยนะเนี่ย”

ฮีโระหัวเราะชอบใจกับหัวใจในกล่องอีกใบ มันไม่ใช่หัวใจสีดำหรอก หากแต่มันก็เป็นกล่องที่มีหัวใจสีชมพูเหมือนกัน นี่สินะที่บอกไว้ว่าจะทำให้ทุกคนกลับบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่นน่ะ

“นั่นน่ะ ฉันทำพิเศษเพื่อรุ่นพี่คนเดียวเลยนะคะ”

เสียงใครบางคนพูด และเดินเข้ามาใกล้พวกเรา ซอลฟาเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่รุ่นพี่ให้เธอเมื่อครู่นี้

“เฮ้... ทำไมต้องเฉพาะของฉันด้วยล่ะเนี่ย”

“เพราะฉันอยากให้รุ่นพี่สมหวังยังไงล่ะคะ”

ซอลฟายิ้มให้กับฮีโระ ก่อนที่จะหันมาพูดกับฉัน

“รุ่นพี่ฮารุคงได้ยินที่ฉันพูดในคอนเสิร์ตแล้วนะคะ ฉันหวังว่ารุ่นพี่จะดูแลพี่ชินได้ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยพี่ไว้แน่ๆ”

“นี่เธอหมายความว่ายังไง”

“พีชินน่ะ ชอบรุ่นพี่มาตลอด และก็ชอบรุ่นพี่แค่เพียงคนเดียว หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ ระหว่างที่เขามาคบกับฉัน ก็เพราะเขาไม่อยากให้ฉันไปรังแกพี่ยังไงล่ะ เขามาเพราะเขาอยากปกป้องพี่ จากคนแย่ๆอย่างฉัน”

ซอลฟาพยายามฝืนยิ้ม ก่อนที่จะปาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลของเธอ

“แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าฉันจะชอบรุ่นพี่หรอกนะคะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ”

ซอลฟาพูดทิ้งท้ายก่อนที่เธอจะเดินจากไป ฉันจึงดึงแขนของเธอเอา

“ฉันว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ และฉันก็คิดว่าเธอก็สนุกเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันจริงไหม”

ซอลฟาไม่ตอบฉัน เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ และแล้วหยดน้ำตาก็พรั่งพรูบนใบหน้าขาดซีดของเธอ ฉันจึงโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง

“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้เธอคืนดีกับฉัน และก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้ แต่ว่าฉันก็อยากบอกจากใจจริงของฉันว่า... ฉันเคยคิดนะว่าฉันไม่ชอบเธอ แต่ว่าใจของฉันมันรับรู้ได้ว่า... เธอไม่ใช่คนที่ไม่ดีหรอก เพียงแต่ว่า... เพราะเธอชอบรุ่นพี่มากและไม่อยากให้ใครเอาใครไป ฉันเข้าใจนะ ฉันเข้าใจเธอจริงๆ”

ซอลฟาค่อยๆหันมาหาฉันอยากช้าเธอปาดน้ำตา

“ถ้ายังงั้น... รุ่นพี่ก็ไปหาพี่ชินซะ พาพี่ชินคนเดิมกลับมาให้ได้ อย่าให้เขาต้องทุกข์ใจ อย่าให้เขาฝืนยิ้มเหมือนกับตอนที่ต้องอยู่กับ รุ่นพี่จะต้องทำให้ได้นะคะ ฉันขอร้อง”

ฉันทำได้เพียงพยักหน้าให้กับซอลฟาเบาๆ แม้ว่าในใจจะหวั่นว่าจะทำได้จริงไหม แต่ด้วยความจริงใจแล้ว ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นให้ได้เหมือนกัน ซอลฟาเดินออกไปจากหอประชุมแล้ว ตอนนี้ทั้งฉัน ฮีโระ และมุนอาก็กำลังเดินกลับบ้านเช่นกัน

“เฮ้อ ดูๆไปก็ไม่ได้ร้ายกาจเหมือนที่คิดเอาไว้เลยแฮะ นึกว่าจะได้เห็นอะไรที่แซ่บกว่านี้ซะอีก แต่กลายเป็นว่า... ยัยนั่นดูน่าสงสารขึ้นมาซะงั้น”

“ไม่มีใครอยากจะทำตัวเป็นคนไม่ดีหรอกน่า”

“แต่ตอนนี้... ฉันน่ะนะ โล่งอกขึ้นตั้งเยอะเลp ขนาดฉันไม่ใช่ฮารุนะ ในที่สุดความรักระหว่างเธอกับรุ่นพี่ก็หมดอุปสรรคสักที”

มุนอาพูดในขณะที่พวกเรากลับบ้านพร้อมกัน วันนี้อาจจะดูแปลกหน่อยที่พวกเราได้เดินกลับบ้านพร้อมกันสามคน เพราะกว่าจะเลิกคอนเสิร์ตก็ดึกมากแล้ว รถที่มุนอาจะขึ้นกลับบ้านก็ไม่มีแล้วด้วย ฉันก็เลยให้เธอมานอนที่บ้านฉันก่อน

“แล้วฮารุล่ะรู้สึกยังไงบ้าง”

มุนอาถามฉันในขณะที่เดินมาด้วยกัน ส่วนฮีโระก็ได้แต่เดินตามหลังมาเงียบๆ

“ไม่รู้สิ เฮ้อ... ที่จริงในหัวของฉันในตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย ถึงแม้ว่าซอลฟาจะพูดแบบนั้น แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่าทุกอย่างมันจะง่ายแบบนั้นไหม แต่ฉันก็คงต้องลองดูสักครั้งละมั้ง”

“โอเค ดีมาก ต้องให้ได้ยังงั้นสิ สู้ๆ ว่าแต่... พวกเธอได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ดูโรแมนติกชะมัด”

มุนอามองดูรอบๆก่อนจะหันหน้ามามองฉันและฮีโระสลับกันไปมา

“โรแมนติกตรงไหนกัน!!!”

“โอ๊ะ ก็แค่พูดเล่น ทำไมสองคนต้องพูดพร้อมกัน แถมยังหน้าแดงด้วยละ มีอะไรกันหรือล่าวเนี่ย ฮะ”

ฉันกับฮีโระหันไปมองหน้ากัน ฉันว่าหน้าของฮีโระดูเหมือนกันจะแดงจริงๆด้วยแหละ แล้วเราทั้งสองคนก็หัวเราะ ก่อนจะบอกไปว่าไม่ได้คิดอะไร แล้วเราก็เดินมาถึงหน้าบ้านของฉัน ฮีโระโบกมือให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านของเขาเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่มุนอาได้มาที่บ้านของฉัน

“ว้าว บ้านของเธอน่ารักจังเลย แถมห้องนอนนี่ก็เยี่ยมไปเลย รู้ไหมว่าที่มันดีที่สุดของห้องนี้คืออะไร”

“อะไรเหรอ”

ฉันถามมุนอาในขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

“ดีที่สุดก็ตรงนี้ไง เธอคงได้มองเห็นฮีโระได้ตลอดเวลาเลยสินะ น่าอิจฉาชะมัด ถ้าฉันไม่คิดถึงรุ่นพี่อินซาซะก่อน ฉันว่าฮีโระนี่ล่ะใช่ที่สุดละ”

มุนอายังคงเคลิ้มต่อไป และแล้วเธอก็เหลือบไปเห็นบอร์ดในห้องของฉัน

“นั่นเป็นภาพของเธอตอนเด็กๆเหรอ”

“อื้ม ตอนฉันอยู่ประถมน่ะ”

“น่ารักจังเลย แล้วเด็กผู้ชายคนนี้ใครเนี่ยที่ถือไอศครีมอยู่ในมือเนี่ย”

“อืม... นั่นสิ จำไม่ได้แหะ ที่จริงฉันจำเพื่อนสมัยเรียนประถมไม่ได้เลยสักคน รูปนี้ก็น่าจะประมาณป.4 ป.5 ได้มั้ง”

“อ๋า เสียดายจังเลย นี่ถ้าจำได้นะ ไม่แน่เธออาจจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้งก็ได้ ออกจะน่ารักดูสิ ฉันว่าโตมาเขาน่าจะหล่อๆมากเลยแหละ เสียดาย”

ฉันได้แต่หัวเราะกับความคิดของมุนอา บางทีก็เหมือนเป็นเรื่องที่ยังค้างคาใจของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะ แต่ก่อนที่วันพรุ่งนี้เราจะตื่นสาย ฉันกับมุนอาก็ต้องรีบอาบน้ำและเข้านอน สักวันฉันคงจะจำมันขึ้นมาได้เองแหละมั้ง



เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ฉัน มุนอา และฮีโระเดินมาโรงเรียนพร้อมกัน และระหว่างเข้าโรงเรียน พวกเราก็เจอรุ่นพี่ที่หน้าประตูด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มองหน้าฉัน เราสามคนเดินขึ้นตึกมาพร้อมกันและระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดนั้นก็สวนทางกับแชวอนเข้าพอดี

“เอาไงต่อละเราอ่ะ”

แชวอนถามฉัน ทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูก

“ไม่รู้สิ”

“โอกาสน่ะ ไม่ได้จะมาหาง่ายๆน่ะ รีบคว้าไว้ก่อนที่มันจะผ่านไป”

“เมื่อวาน พวกเธอก็คงอยู่ในงานคอนเสิร์ตด้วยใช่มั้ย”

“ก็... แค่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรสนุกๆ แต่ก็... โอเคอ่ะนะ อ่อ ว่าแต่เธอรู้หรือยังว่ายัยนักดนตรีนั่นน่ะ วันนี้มาลาออกแล้วนะ”

แชวอนพูดเสร็จก็เดินผ่านไป มุนอาตะโกนใส่แชวอนก่อนที่พวกเขาจะไป

“อิจฉาเพื่อนฉันละสิ พวกเธออ่ะ”

“รอให้เพื่อนเธอผ่านมันไปให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดประโยคนี้กับฉัน ยัยกระต๊าก”

“ยัยกระต๊ากเหรอ หมายความว่าไงห๊ะยัยล่ำ”

มุนอาตะโกนใส่พวกแชวอนอีกครั้ง พวกเธอแค่หัวเราะแล้วก็เดินจากไป ซอลฟาลาออกแล้วเหรอ

“เดี๋ยวฉันไปถามรุ่นพี่อินซาเอง”

มุนอาปลีกตัวออกไปจากกลุ่ม ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับคำตอบที่ฉันอยากรู้

“ไปแล้วล่ะ เห็นว่าต้องรีบไปน่ะ น่าแปลกนะ แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องเบื่อเวลาเจอหน้าอีก”

เธอลาออกไปแล้วยังงั้นเหรอ มีอะไรกันนะ แต่เมื่อวานฉันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน เธอพูดเหมือนเธอจะไปไหนสักที และฝากฝังให้ฉันดูแลรุ่นพี่ให้ดี แม้ว่าฉันจะรับปากเธอไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าฉันจะเป็นคนที่ทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้จริงๆ

ตอนเย็นของวันนั้น ฉันเดินเข้าไปในโรงยิมและนั่งดูอยู่บนสแตนด์เชียร์ที่ไม่ได้มานาน รุ่นพี่กำลังซ้อมบาสอย่างแข็งขัน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สนใจฉันแม้แต่น้อย จนการซ้อมจบลง รุ่นพี่เก็บของและเดินขึ้นมาบนสแตนด์

“คุยกับฉันสักแปบได้มั้ยคะ”

ฉันทักรุ่นพี่ก่อนที่จะเดินออกจากโรงยิม รุ่นพี่ไม่ตอบอะไร แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังฟังฉันอยู่

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าสิ่งที่ฉันควรจะทำคืออะไร ควรเจอกับรุ่นพี่ต่อดีไหม ตอนนี้ฉันเองก็สับสนมากเหมือนกัน แต่ไม่ว่ามันควรจะเป็นยังไง สิ่งที่ฉันหวังไว้จริงๆก็แค่... อยากให้รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิม คนที่ยังยิ้มและสดใสอยู่ตลอดเวลา ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าฉันจะเป็นคนที่ทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้ไหม แต่ต่อให้ตอนนี้ฉันจะทำได้เพียงแค่แอบมองรุ่นพี่อยู่ฝ่ายเดียวฉันก็จะยอมรับมันค่ะ เพราะรอยยิ้มของรุ่นพี่มันมีค่าสำหรับฉันและทุกๆคนที่ชอบรุ่นพี่มาก ได้โปรดกลับมาเป็นคนเดิมเถอะนะคะ อย่าเป็นแบบนี้อีกเลย”

ฉันพูดความในใจทั้งหมดออกไป แม้คำตอบของมันจะน่ากลัวกับฉันมากก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันก็พร้อมที่จะรับมันแล้ว รุ่นพี่ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายืนหันหลังให้ฉันตั้งแต่ที่ฉันเรียกเขาไว้ .

“ฉันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พูดมันอีกครั้งไหม แต่ฉันอยากขอบคุณรุ่นพี่มากๆที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าครั้งหนึ่งความฝันของฉันได้เคยกลายมาเป็นความจริง และต่อจากนี้ฉันจะกลับมาสู่โลกความจริงของตัวเอง ช่วงเวลาที่ผ่านมายิ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าฉัน...ชอบรุ่นพี่จริงๆและมันก็...เป็นความรู้สึกที่มากขึ้นทุกวันๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ”

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะสามารถบอกความในใจให้รุ่นพี่ได้รับฟังได้ น้ำตาที่บอกไม่ถูกว่ามาจากความดีใจหรือเสียใจกำลังคลอเบ้าอยู่ ฉันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา หลายครั้งที่ฉันต้องทำเหมือนกับว่าฉันเข้มแข็งแต่ในวันนี้มันได้หายไป ความเงียบในตอนนี้ยิ่งทำให้ฉันอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก ตอนนี้ฉันทำได้เพียงแค่มองด้านหลังของรุ่นพี่เท่านั้น ฉันคิดว่าถ้าฉันพูดอะไรออกไปอีกแค่คำเดียวฉันคงกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป

แต่จู่ๆ.....

รุ่นพี่ซึ่งหันหลังให้ฉันก็หันกลับมา เขาเดินเข้ามาหาฉันและ...กอดฉันไว้

“ขอโทษนะที่ผมดูแลฮารุไม่ได้เลย ผมรู้สึกละอายใจที่ทำให้ฮารุเจอแต่เรื่องแย่ๆ”

เพียงแค่คำพูดของรุ่นพี่แค่คำเดียว น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดโทษใครในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ฉันเพียงต้องการแค่...ใครสักคนที่ไม่ทิ้งฉันไปเท่านั้น รุ่นพี่กอดฉันไว้อย่างเนิ่นนาน เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้ แต่ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่พวกเรารับรู้ร่วมกัน นั่นคือความรู้สึกของความห่วงใยของเราทั้งคู่ที่อยากทำเพื่อกันและกัน




ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว เราสองคนเดินอยู่บนทางเดินทางเดิมที่เคยเดินด้วยกัน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับรุ่นพี่ดี เพราะความรู้สึกทั้งหมดของฉันได้พูดมันไปตอนที่อยู่โรงยิมแล้ว

“ผมรู้สึกแย่มากจริงๆที่ทำให้ฮารุต้องเจอเรื่องแย่ๆแบบนั้น และผมก็ดูแลฮารุไม่ได้ เรื่องของซอลฟาจริงๆแล้วผมรักเธอเหมือนน้องสาว แต่เมื่อยิ่งนับวันมันก็คงเป็นความผูกพันที่ทำให้เข้าใจผิด แต่ว่า... ผมก็รู้สึกผิดกับเธอมากเหมือนกัน เธอสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง และวันนี้เธอก็ย้ายโรงเรียนแล้วไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ผมก็เพิ่งจะรู้จากอินซาเมื่อก่อนจะมีคอนเสิร์ตแค่ไม่กี่วัน สิ่งที่ผมทำให้ได้เธอก็มีแค่ความสงสารและความเศร้าเท่านั้นเอง”

“มิน่าช่วงหลังมานี้ฉันเห็นเธอหน้าซีด แต่ก็คิดว่าอาจจะเหนื่อยจากการเตรียมงาน เธอคงจะเศร้ามากแน่ๆเลย”

“ที่จริงแล้วผมอยากกลับมาหาฮารุนะ แม้ว่าซอลฟาจะบอกกับผมว่าเธอปล่อยผมไปแล้ว และอยากให้ผมมีความสุข แต่ผม... ก็ไม่อยากมีความสุข แล้วต้องทำให้คนอีกคนมีความทุกข์ แต่ว่า... ซอลฟาก็พยายามจะบอกผม...”

รุ่นพี่ยื่นอะไรบางอย่างให้ฉันดู เป็นจดหมายฉบับหนึ่ง

“ฉันอ่านมันได้เหรอคะ”

รุ่นพี่ยิ้มและยื่นมันมาให้ฉันอีกครั้ง ใจความในจดหมายทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเธอมีความหวังดีอย่างเต็มเปี่ยมที่อยากจะให้รุ่นพี่มีความสุขในชีวิตจริงๆ

“ถึง... พี่ชิน คนรักที่ฉันแอบรักคนแรกและคนสุดท้าย

พี่จะทำหน้าเศร้าแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันคะ ฉันไม่ได้ชอบพี่ตอนที่พี่ทำหน้าเศร้าแบบนี้นะ

ยิ้มสิคะ เวลาฉันเห็นพี่ยิ้ม ฉันมักจะใจละลายทุกที

แล้วก็...ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้าง อย่าทำอะไรเพื่อคนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเอง

เห็นพี่เจ็บปวด ฉันก็เจ็บปวดไปกับพี่ด้วยนะ

ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพี่ไปแล้ว พี่ก็อย่าหลงคิดตัวเองว่าพี่จะเป็นอิสระล่ะ

ถ้าหากว่าวันไหน ฉันได้รู้ว่าพี่ไม่มีความสุขอีกละก็ ฉันจะกลับมาป่วนชีวิตของพี่อีกแน่

แล้วก็... สำหรับคนที่พี่ชอบน่ะ ฉันอิจฉาชะมัดเลย จากใจจริงนะคะ

แต่ว่ายังไง ก็อย่ามัวรอช้านักละ มีใครบางคนที่เขาอาจจะแย่งคนๆนั้นไปจากพี่ได้ตลอดเวลา ระวังเขาไว้ให้ดี

สุดท้ายจริงๆแล้ว หลังจากอ่านจมหมายฉบับนี้แล้ว ฉันคงไม่ได้กลับมาเจอพี่อีกนาน

พี่ต้องดูแลตัวเอง และดูแลคนที่พี่รักดีๆนะคะ ถ้าฉันกลับมา ฉันต้องเห็นนะว่าพี่กำลังยิ้มและกำลังมีความสุข

และขอย้ำอีกครั้งนะคะ ห้ามเด็ดขาด ห้ามโทษตัวเองและห้ามรู้สึกผิดต่อฉัน

ถ้าพี่อยากให้ฉันสบายใจ พี่ต้องมีความสุขเท่านั้น เพราะสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้ ก็คือ...

การได้เห็นว่าพี่มีความสุขค่ะ รักพี่นะคะ”

ความหวังดีของซอลฟาที่มีต่อรุ่นพี่ มันเป็นอะไรที่สวยงามเกินกว่าที่ฉันจะคิดได้

“ผมคงต้องรักษาสัญญา และทำให้มีความสุขเหมือนกับที่เธอบอกไว้ในจดหมายใช่ไหม”

รุ่นพี่ยิ้มให้ฉันก่อนที่จะยื่นมือมาให้ฉันจับมือของเขาไว้

“ขอโทษนะที่ทำให้ฮารุต้องร้องไห้”

“แค่วันนี้รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิมฉันก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะดีไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ แล้วก็ฉันเองก็ต้องดูแลรุ่นพี่ดีๆเหมือนกับที่ซอลฟาขอร้องไว้เหมือนกัน เพราะไม่ยังงั้นเธอจะต้องกลับมาว่าฉันอีกแน่ๆ”

“แล้วเรื่องที่ตาบวมไปโรงเรียนละ มันโอเคไหม”

“รุ่นพี่เห็นด้วยเหรออออคะ” = =

“ผมบอกแล้วไงว่า...ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ฮารุตลอดเลย”

“หน้าฉันคงดูแย่มากๆเลยใช่มั้ยคะเนี่ย”

ฉันใช้มือสองข้างปิดตาตัวเองไว้ ตาบวมๆของฉันมันคงยิ่งพาให้หน้าของฉันดูจืดชืดเหมือนที่พวกแชวอนว่าไว้

“แต่ไม่ว่าหน้าตาฮารุจะเป็นไง ผมก็รู้สึกว่าชอบฮารุ ชอบฮารุ และชอบฮารุมากขึ้นอยู่ดี”

รุ่นพี่พูดออกมาตอนที่ฉันปิดตาไว้ ฉันเลยไม่ทันได้เห็นว่าหน้ารุ่นพี่ตอนพูดแบบนี้จะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันเห็นเพียงแค่เขามองไปที่บนท้องฟ้าเท่านั้น

“ฉันก็ชอบรุ่นพี่ ชอบรุ่นพี่ และชอบรุ่นพีมากขึ้นเหมือนกันค่ะ”

“เลียนแบบเหรอเรา”

รุ่นพี่ใช้มือใหญ่ของเขาจับหัวฉันเบาๆ เราจับมือกันกลับบ้านอย่างเขินๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คิดว่ามันเหมือนความฝัน ขอให้สิ่งเหล่านี้อยู่กับพวกเราไปนานๆนะคะ ขอบคุณเธอ “ซอลฟา” ตั้งแต่ครั้งแรกฉันคิดว่าเธอคือเพื่อนที่ดีของฉัน แม้ว่าพวกเราจะมีช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีต่อกันนัก แต่ในอนาคตฉันก็หวังว่าพวกเราจะสามารถนั่งพูดคุยและหัวเราะด้วยกันได้จริงๆ ขอให้เธอหายไวๆนะ และขอบคุณอีกครั้งที่ส่งรุ่นพี่มาให้ฉัน ขอบคุณจริงๆ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 20 - ความจริงแล้ว...

“ที่จริงแล้วฉันไม่อยากเห็นเธอคนนั้นอ่อนแอ และไม่คิดว่าเธอยอมละทิ้งความตั้งใจง่ายๆแบบนั้น แต่ยังไงฉันก็ต้องขอให้เธอคนนั้นดูแลรุ่นพี่ด้วยนะค...

วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561



ในตอนเย็นขอวันนั้น หลังจากที่ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว ทั้งฉันและฮีโระ เดินไปส่งมุนอาที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่เธอขึ้นรถไปแล้ว พวกเราก็ได้เจอกับรุ่นพี่ที่เดินสวนมาพอดี โชคดีที่ฮีโระรีบทักทายรุ่นพี่ก่อนที่ความอึดอัดระหว่างพวกเราจะครอบงำ

“โอ๊ะ รุ่นพี่กำลังจะไปไหนเหรอครับ ไม่ได้ซ้อมบาสหรอกเหรอครับวันนี้ โห ของกินเพียบยังกับจะมีปาตี้เลยนะครับ”

ฉันเหลือบมองไปในมือของรุ่นพี่ เขาหิ้วถุงขนม น้ำ และผลไม้มากมายอยู่ในมือ

“อ่อ พอดีวันนี้หยุดซ้อมน่ะ พรุ่งนี้ซอลฟาจะมีคอนเสิร์ต เขาก็คงจะเหนื่อยกับการเตรียมงานมาก ก็เลยอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”

“อ่อ พวกผมก็ได้บัตรด้วยนะ ยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่คอนเสิร์ตนะครับรุ่นพี่”

“อ่อ เหรอ”

รุ่นพี่ทำท่าแปลกใจเล็กน้อย และเดินจากไป หลังจากที่พวกเราเดินออกมาได้สักพัก ฮีโระก็ถามฉันบางอย่างกับฉัน

“กับรุ่นพี่นะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”

ฮีโระเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ถามฉัน

“อืม... ตอนนี้รู้สึกยังไงกับรุ่นพี่น่ะเหรอ ถ้าจะให้พูดมันก็น่าเขินอยู่หรอกนะ และอาจจะฟังดูไม่ดี แต่ว่า... ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดี เพียงแต่ว่า... บางครั้งความรักที่จริงใจก็อาจจะไม่ต้องสมหวังตลอดไปนี่นะ ฮะๆๆ”

ฉันพูดออกมาพร้อมกับตลกตัวเองเล็กน้อย ที่จริงก็อายนะที่ต้องพูดแบบนี้ต่อหน้าฮีโระ แต่มันก็เป็นความจริงที่ฉันต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้

“ว้าว เดี๋ยวนี้ฮารุของเรา โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะเนี่ย”

ฮีโระ ดึงมือข้างหนึ่งของเขาออกจากกระเป๋ากางเกงและมาขยี้หัวของฉันจนยุ่ง

และหลังจากนั้นพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตัวเอง ฉันแอบตื่นเต้นเล็กน้อยกับงานคอนเสิร์ตของซอลฟาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ รู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษรออยู่ แต่ว่ามันคืออะไรกันนะ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องดี ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วล่ะ ฉันต้องสู้ ฉันต้องเข้มแข็ง

Hero Message : Strong Strong เข้มแข็งไว้นะฮารุ

ราวกับว่าเขาจะรู้ว่าฉันต้องการกำลังใจ ฉันแอบแง้มผ้าม่านจากหน้าต่างสอดสายตาไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ฮีโระยกมือขึ้นไฟท์ติ้งให้ฉันหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง

........................................................................................................................................................................................................................

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ฉันมาสามารถลืมตาตื่นขึ้นเองได้โดยไม่ต้องเพิ่งเสียงปลุกจากนาฬิกาของฮีโระ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกตื่นเต้นกับคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในตอนเย็นของวันนี้มาก

“สวัสดีครับ คุณท้องฟ้า วันนี้น่ารัก สดใสจังเลยนะครับ ว้าวว อากาศสดชื่นมากๆเลย ต้องเป็นวันที่ดีๆมากแน่ๆเลยใช่ไหมครับ”

“ออกมายืนคุยคนเดียวอีกแล้วนะฮีโระ”

ฉันเดินออกมาจากบ้าน ก็เจอฮีโระยืนบ่นพึมพำอยู่แบบนี้ประจำ ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับท้องฟ้าจนกลายเป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว

“คุยกับฉันก็ได้ คุยกับท้องฟ้าเขาจะตอบเธอยังไงกันล่ะ”

“ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นความลับระหว่างผมก็คุณท้องฟ้าน่ะ”

ว่าแล้วฮีโระก็เดินมาดึงกระเป๋าถือจากมือฉันไป เขาก็มักจะทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกัน มายืนรอฉันที่หน้าบ้านทุกๆเช้า ทักทายคุณท้องฟ้า ช่วยฉันถือกระเป๋าและหาเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฉันฟังในตอนที่ฉันเครียด และซื้อไอศกรีมให้ฉันตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าอยากจะร้องไห้

ภายใต้เงาร่มไม้ที่เรียงรายทั้งสองด้านของทางเดิน เงาของคนสองคนได้เดินไปด้วยกัน ในตอนนั้นฉันไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาที่เป็นความสุขของพวกเรานั้น มักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ในห้องเรียน ฉันหวังว่าคาบเรียนแต่ละคาบ จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ จากคาบคณิต มาคาบประวัติศาสตร์ กว่าจะถึงเที่ยงฉันก็ง่วงจนแทบจะหลับได้เลยทีเดียว

“ฮารุ เธอคิดว่าคอนเสิร์ตวันนี้จะมีอะไรยังงั้นเหรอ”

“ไม่รู้สิ แต่ก็อยากให้ถึงหกโมงเย็นเร็วๆเหมือนกันนะ”

“ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นกับมันมากนะ เผื่อใจเอาไว้หน่อยแล้วกัน ยังไงฉันก็ไม่ได้เชื่อใจยัยนั่นร้อยเปอร์เซ็นหรอก”

มุนอาพูดในขณะที่มือก็ตักไอศกรีมเข้าปากทีละคำทีละคำ

“แต่เวลาที่เรารออะไรสักอย่าง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าจังเลยเน้าะ ฉันไม่เคยจะต้องมารออะไรที่เหนื่อยแบบนี้มาก่อนเลย”

“เวลาของคนที่รอ กับเวลาของคนที่ไม่ได้รอ ผมว่ามันต่างกันจริงๆนะ และการรอ มันก็เหนื่อยมากด้วย แต่คนบางคนก็ยังเลือกที่จะรอ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก นอกจากรออยู่ต่อไป”

ฮีโระพูด แล้วหันมายิ้มให้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งทีเขาพูดออกมาคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึก ว่าแต่เขากำลังรออะไรอยู่กันนะ

“ทำยังกับว่าตัวเองก็มีเรื่องที่ต้องรออยู่ ยังงั้นแหละฮีโระ”

มุนอาพูดสวนขึ้นมาหลังจากที่ฮีโระพูดจบ

“คนเราทุกคน ต่างก็มีเรื่องให้รอกันทั้งนั้น เหมือนตอนนี้ที่ฮารุรอเวลาให้ถึงงานคอนเสิร์ต มุนอาก็ยังรอรุ่นพี่อินซาคืนดี ส่วนผม จะรออะไรดีนะ...”

“เฮ้.... ทีเรื่องของตัวเองล่ะไม่เคยจะบอกกับคนอื่นบ้างเลย แต่ทีเรื่องของคนอื่นฮีโระกลับรู้ไปหมดทุกเรื่อง เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิ อยู่ด้วยกันมากี่เดือนแล้ว เรื่องครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เรื่องตอนเป็นเด็กหรืออะไรก็ได้น่ะ”

“ฮะๆๆ นั่นสินะ บางทีผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจหรอกมั้ง”

ฮีโระยิ้มแห้งๆออกมา ถ้าฉันพอเดาได้ เขาอาจจะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องบางเรื่องก็ได้ ฉันจึงไม่อยากจะคะยั้นคะยอให้เขาต้องลำบากใจ

“แล้วนี่ก็จ้องฮีโระไม่กระพริบตาเลยนะ ฮารุ อย่าบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจมาชอบฮีโระแล้ว ไม่ได้นะ”

“ห๊า ฉันเหรอ ปล่าวสักหน่อย ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ”

“เฮ้อ... ที่จริงผมก็แอบหวังให้เป็นเหมือนที่มุนอาคิดนะ แต่ว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้แหะ”

“ตลกแล้วฮีโระเนี่ย”

ฉันใช้มือตีไปที่ไหล่ของฮีโระเบา เขาหัวเราะและเอามือมาลูบหัวฉัน เหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กๆ

“พวกเธอก็เป็นกันซะแบบนี้แหละ ป่านนี้คนอื่นเขาก็คงจะมองว่าพวกเธอน่ะกำลังคบกันไปหมดแล้วมั้ง ขนาดฉันรู้จักพวกเธอยังแอบคิดเลย”

“ไม่หรอกน่า”

ฉันพยายามบอกกับมุนอาไปอย่างนั้น แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะ บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก เวลาที่คิดถึงเรื่องฮีโระ แต่ยังไงฉันก็ไม่ควรจะคิดมาก เพราะว่าพวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนะ

หลังจากคาบบ่ายที่แสนน่าเบื่อผ่านพ้นไปได้ ฉัน มุนอา และฮีโระ ก็รีบไปหน้างานเพื่อรอประตูหอประชุมเปิด ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผู้คนเริ่มมาออกันที่ประตู ดูเหมือนว่าบัตรของซอลฟาจะถูกขายหมดเกลี้ยง หอประชุมของโรงเรียนน่าจะจุคนได้ประมาณ 1000 จากจำนวนนักเรียนในโรงเรียนของพวกเรา 1500 คน มีคนจำนวน 2 ใน 3 ของทั้งหมดโรงเรียนมาในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ฉันเคยคิดแค่ว่าซอลฟาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและหลายคนพูดถึง แต่ว่า... ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นที่รู้จักและมีคนชอบเธอมากขนาดนี้

หลังจากที่ประตูหอประชุมเปิด ฉัน ฮีโระและมุนอาก็ตรงไปยังที่นั่งตามบัตรที่ซอลฟาให้พวกเรามา และไม่คิดเลยว่าเธอจะเลือกที่นั่งด้านหน้าสุดให้กับฉัน ตอนนี้ที่นั่ง A15 ซึ่งอยู่เกือบตรงกลางเป็นที่นั่งของฉัน และถัดมา A16 และ A17 เป็นที่นั่งของฮีโระและมุนอา ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในหอประชุมและนั่งที่ของตนเองแล้ว ด้านบนของหอประชุม สตาร์ฟกำลังจัดแจงเตรียมและเช็คอุปกรณ์ต่างๆเพื่อความพร้อม ฉันเหลือบไปมองด้านของที่นั่งของฉัน A14 ยังคงว่างอยู่ แต่ถัดจากนั้นที่ A13 เป็นรุ่นพี่อินซา หรือว่า... ที่นั่งตรงนั้นจะ...

ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดอะไรมากไปกว่านั้น รุ่นพี่อินซาก็หันมายิ้มให้กับฉัน

“ขอโทษแทนซอลฟาที่ทำอะไรหลายๆอย่างให้เธอไม่สบายใจด้วยนะ แต่ว่าที่ตรงนี้ในวันนี้ เป็นที่สำหรับพวกเธอจริงๆ”

รุ่นพี่อินซาพูดพร้อมกับหันหลังไปโบกมือให้ใครคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามา ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกของรุนพี่อินซา

รุ่นพี่ชินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ และมานั่งที่ตำแหน่งที่นั่ง A14

“ขอโทษทีนะ มาช้าไปหน่อย”

รุ่นพี่ชินหันไปพูดกับรุ่นพี่อินซา ก่อนที่จะหันกลับมามองฉันและไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ประตูของหอประชุมได้ปิดลง และไฟในหอประชุมก็ถูกหรี่แสงลงช้าๆ ไม่นานนักที่เวทีและทั้งหอประชุมก็ถูกดับลงมือสนิท มีเพียงแสงของสปอตไลท์ที่ฉายมายังตรงกลาง ซอลฟาปรากฏตัวขึ้นที่กลางเวทีพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจของเธอและเก้าอี้ไม้หนึ่งตัว เสียงปรบมือต้อนรับการปรากฏตัวของซอลฟาได้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เธอยิ้มและทักทายผู้คนที่มาร่วมงาน

“สวัสดีค่ะทุกคน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานคอนเสิร์ตของซอลฟาในเย็นวันนี้นะคะ ฉันขอสัญญาว่าในเย็นวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้ทุกท่านมีหัวใจที่อบอุ่นพกกลับบ้านกันไปทุกคนแน่นอนค่ะ และสำหรับเพลงแรกที่ฉันจะร้องให้กับทุกท่านได้ฟังในวันนี้นั้นฉันจะขอเริ่มที่เพลง ครั้งแรกค่ะ เป็นเพลงที่ฉันแต่งขึ้นเองและมันเกิดจากความรู้สึกของฉันจริงๆ มาลองรับฟังกันดูนะคะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วหอประชุมอีกครั้ง เสียงดนตรีจากกีต้าร์ของซอลฟาดังขึ้นและเสียงอันไพเราะของเธอก็ตามมา

“ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมสายตาฉันจึงมีแต่เธอ

ครั้งแรกที่เราได้พบ สบตาครั้งนั้นที่เจอ

ก็บอกเสมอว่าคนนี้คือคนที่ใช่

แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างเป็นไป และคนที่ใช่ของเธอไม่ใช่ฉัน

มันปวดร้าวต้องรู้ เพราะว่าเรายังใกล้กัน

แต่ทำไมใจของฉัน มันเจ็บปวดเพียงนี้

อยากให้บอกเธอให้รู้ ว่าทุกนาทีที่ฉันยืนอยู่ ก็เพราะรักเธอหมดใจ

หากวันหนึ่งต้องไกล ก็ขอให้เธอรู้ไว้ และคนแรกและคนสุดท้ายคือเธอ”

เพลงครั้งแรกของซอลฟาทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเศร้าในตัวเธอที่เธอไม่เคยแม้แต่จะแสดงออกมา เป็นเพลงที่เธอแต่งให้กับรุ่นพี่สินะ

“อาจจะดูเศร้าไปสักนิดนะคะ แต่สำหรับเพลงที่เพิ่งได้ฟังกันไป ฉันอยากจะเล่าความเป็นมาสักเล็กน้อยนะคะ ฉัน... มีคนๆหนึ่งที่ชอบมาตลอด พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่ฉันยังอยู่ประถม และเขาก็เป็นเพื่อนของพี่ชายฉันค่ะ เขาทั้งอบอุ่นและดูใจดีกับฉัน แต่ว่า... ฉันก็เพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงความใจดีของเขาเห็นฉันเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังโลภและอยากให้เขามองฉันเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่อาจจะได้หัวใจของเขามา ดูเศร้าใช่มั้ยละคะ ฮะๆ งั้นเรามาฟังเพลงต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ เพลงนี้.....”

ซอลฟาร้องเพลงต่อไปของเธอและเล่าถึงที่มาที่ไปของแต่ละเพลงที่เธอเล่นในวันนี้ ทุกคนในหอประชุมฟังด้วยความตั้งใจ และรุ่นพี่เองก็ยังคงนั่งนิ่งและฟังเพลงของซอลฟาด้วยความสนใจเช่นกัน เพลงที่ซอลฟาแสดงผ่านไปเพลงที่สอง เพลงที่สาม จนมาถึงเพลงที่ 5 ซอลฟาร้องเพลงเกี่ยวกับความหอมหวานของความรัก ซึ่งเป็นความรักในแบบที่เธออยากเจอ ซึ่งในเพลงนี้ทกคนต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าลูกโป่งสีพาทเทลมากมายที่หล่นมาจากด้านบน ภายในลูกโป่งสีสดใสเหล่านั้นมีลูกกวาดที่แสนน่ารักอยู่ข้างใน

“ว้าว สุดยอดไปเลย มีลูกกวาดอยู่ในลูกโป่งด้วย”

“นี่มันสุดยอดเซอร์ไพรส์เลยนะเนี่ย”

แม้กระทั้งฮีโระเองก็ยังแปลกใจกับเซอร์ไพรส์ในครั้งนี้

“เหลือเชื่อเลยแฮะ ยัยเด็กคนนี้คิดอะไรแบบนี้ก็เป็นกับเขาด้วย”

แล้วเขาก็ดึงลูกอมออกมาจากลูกโป่งแล้วก็เกะมันออกมายื่นให้ฉัน ฉันรับมันแล้วหยิบใส่ปาก เราได้ฟังเพลงหวานๆที่สามารถรับรู้ความรู้สึกหวานไปด้วย มันเป็นสุดยอดเซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันเองหันไปมองรุ่นพี่ เขาเองก็ถือลูกโป่งใบนึงอยู่ในมือเหมือนกัน

“นี่คือ ความหวานในแบบที่ฉันอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้นะคะ เพราะในความรักที่แท้จริงความหวานของมันเราไม่อาจจะสัมผัสได้ด้วยร่างกาย แต่เราต้องสัมผัสมันด้วยใจ เอาล่ะค่ะเพลงต่อไป...”

เพลงในแบบฉบับของซอลฟายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ต

“อ่า น่าเสียดายจังเลยนะคะ มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็ใกล้ๆจะสองทุ่มแล้ว คอนเสิร์ตของฉันได้เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายแล้ว แต่ก่อนที่ทุกท่านจะได้รับฟังเพลงสุดท้ายที่สุดแสนจะพิเศษของฉันในวันนี้ ขอขอบคุณคนๆนึงที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้ฉันอยากจัดคอนเสิร์ตในวันนี้ขึ้นนะคะ สปอตไลท์ช่วยฉายไปที่ที่นั่งเบอร์ A14 ด้วยค่ะ”

ไฟได้ฉายมายังรุ่นพี่ที่ตอนนี้ได้ลุกขึ้น

“ขอบคุณค่ะ ฉันอยากจะบอกว่า... จริงๆแล้วสำหรับเพลงครั้งแรกที่ฉันได้ร้องไปนั้น คนๆนั้นก็คือรุ่นพี่ชินกิ ประธานโรงเรียนของเรานั่นเอง คิดว่าคงจะเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมละคะ”

ทุกคนในห้องต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยังคงยิ้มและปรบมือให้กับเธอ

“แต่ว่า... ก็เหมือนกับในเนื้อเพลงนั้นแหละค่ะ ความรักของฉันไม่ได้สมหวังแม้ว่าฉันจะพยายามมากสักเท่าไหร่ก็ตาม มันเป็นเวลาที่เนิ่นนานนะคะกว่าที่ฉันจะสามารถยอมรับความจริงในข้อนี้ได้ ต้องขอบคุณพี่ชายของฉันที่นั่งในที่นั่ง A13 และคนอีกคนนึงในที่นั่ง A16 พวกเขาช่วยดึงฉันขึ้นมาพบกับโลกความจริงและไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป ขอบคุณมากค่ะ”

“รุ่นพี่อินซา เป็นพี่ชาย ซอลฟาเหรอ ไม่น่าเชื่อ”

“น้องสาวก็สวย พี่ชายก็หล่อ ทำไมเราถึงมาจะรู้เนี่ย”

ซอลฟาก้มหัวและขอบคุณพวกเขา คนในห้องประชุมต่างฮือฮากันอีกครั้ง มันเป็นความจริงที่ว่าไม่เคยมีใครรู้ว่ามาก่อนเลยว่าซอลฟาเป็นน้องสาวของรุ่นพี่อินซา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ดูเหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พูดถึงพี่ชายให้กับทุกคนได้รับรู้ ฉันหันไปมองฮีโระผ่านความมืด เขาเองก็หันมายิ้มให้ฉันเช่นกัน

“จากนี้ไปฉันหวังว่ารุ่นพี่ชินกิจะมีความสุขและสามารถยิ้มออกมาอย่างสดใส เหมือนอย่างที่รุ่นพี่เคยเป็นและไม่ต้องฝืนยิ้มให้กับฉันอีกแล้วนะคะ และฉันอยากจะฝากใครอีกคนหนึ่งซึ่งเธอก็อยู่ที่นี่ด้วย...”

ซอลฟาหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดต่อ...



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ


>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 19 - เพื่อ...

ในตอนเย็นขอวันนั้น หลังจากที่ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว ทั้งฉันและฮีโระ เดินไปส่งมุนอาที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่เธอขึ้นรถไปแล้ว พวกเราก็ได้เจอก...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com