เช้านี้อากาศสดชื่นมากๆ ฉันตั้งใจจะตื่นเช้าๆเพื่อรีบไปดูอาการของฮีโระ แต่ยังไม่ทันทีจะได้อาบน้ำแต่งตัวก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดอยู่กับแม่ ฉันแง้มประตูออกเล็กน้อย
“อะ... อ่าว ฮารุ...วันนี้ทำไม... ตื่นเช้าจัง”
ฮีโระถามขึ้นขณะที่เหลือบเห็นฉัน ฉันไม่ได้สนใจคำถามของเขาแม้แต่น้อย แต่รีบดิ่งไปจับหน้าผากเขาเป็นอันดับแรก
“หายแล้ว เธอหายแล้วนี่นา ดีจังเลยนะ”
ทุกคนดูตกใจเมื่อเห็นฉันเดินออกมา โดยเฉพาะฮีโระ และบทสนทนาเหล่าก็จบลง
“เป็นอะไรกันเหรอคะเนี่ย ทำไมถึงมองหนูแปลกๆอย่างนั้นละ ว่าแต่เมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ”
ฉันถามในขณะที่เปิดตู้เย็นเทนมใส่แก้วแล้วยื่นให้กับฮีโระ
“ก็แค่คุยเรื่องทั่วไปน่ะ พอดีฮีโระมาหาแต่เช้าแม่เลยชวนทานข้าวด้วยกัน”
แม่พูดในขณะที่หันไปทำกับข้าว ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ฉันสนใจไปมากกว่าการที่ฮีโระหายป่วย อย่างน้อยๆฉันก็ได้ดูแลเขาจนหายป่วยได้ ฉันจ้องหน้าฮีโระอยู่นานเพื่อให้แน่ใจว่าหน้าตาเขาดูปกติและหายจากไข้แล้วจริงๆ ในขณะที่เขาเองก็เอาแต่ดื่มนมที่ฉันให้
“ฮารุรีบไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วมากินข้าวซะ แม่ไม่ได้อยากจะเห็นลูกผมยุ่งแบบนี้หรอกนะ”
“ค่าแม่ เดี๋ยวมานะฮีโระ”
ฉันรับคำแม่และลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปแล้วปิดประตูลง ทุกคนทำท่าทางแปลกๆ ฉันแอบแง้มประตูออกไปอีกครั้ง ฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้แน่ๆ
“จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ ฮีโระ”
“บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะให้เธอได้ก็ได้ครับคุณป้า”
พวกเขาพูดคุยกันแค่นี้ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เข้าใจความหมายอะไรมากมาย หรือจะบอกอีกอย่างคือไม่เข้าใจอะไรเลยมากกว่า ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมากินข้าว วันนี้เป็นวันหยุดฉันจึงเตรียมของพิเศษบางอย่างไว้ให้ฮีโระ ยิ่งได้รู้ว่าเขาหายเป็นปกติแล้วก็ยิ่งทำให้ฉันโล่งใจมากขึ้นเพราะฉันจะสามารถพาเขาออกไปเที่ยวข้างนอกได้
“วันนี้เราออกไปเที่ยวกันนะ”
ฉันพูดกับฮีโระในขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พ่อกระแอมใส่ฉันหนึ่งครั้ง
“ลูกเป็นผู้หญิงแต่กลับชวนผู้ชายไปเที่ยวแบบนี้ได้ยังไง”
“งั้นผมชวนเองครับ”
ฮีโระพูดแทรกขึ้นมา
“วันนี้ไปเที่ยวกันนะฮารุ ผมขอพาฮารุออกไปเที่ยวอีกวันนะครับคุณลุงคุณป้า”
“นายนี่มันจริงๆเลยน้า”
พ่อพูดขึ้นเพราะถึงฮีโระชิงพูดตัดหน้าก่อน การที่ฮีโระได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราและมันยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น พ่อกับแม่ก็ชอบฮีโระมากแต่หลังจากวันพรุ่งนี้ไปท่านคงจะเหงามากๆเลยสินะ คิดๆแล้วฉันเองก็ยังรู้สึกใจหายเหมือนยังทำใจไม่ได้ยังไงยังงั้น
หลังจากทานข้าวเสร็จฉันยื่นบางอย่างให้ฮีโระ
“เอะ นี้มัน...”
“ตั๋วหนังไง อาจจะไม่ใช่เรื่องนั้นที่ฮีโระอยากดู แต่ฉันก็ตั้งใจเลือกเรื่องนี้มากเลยนะ”
“love story secret นี่คงไม่ใช่หนังที่อยากจะดูกับรุ่นพี่แล้วมาดูกับผมแทนหรอกเหรอเนี่ย”
“ไม่ใช่สักหน่อย แค่เห็นว่าเรื่องนี้น่าดู ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ”
ฮีโระเอาแต่ระแวงกลัวว่ารุ่นพี่จะเข้าใจผิดและเอาแต่ถามฉันว่าวันหยุดทำไมไม่ไปกับรุ่นพี่แต่กลับไปกับเขาแทน ทำไมเขาถึงได้ทำเมินเฉยกับตัวเองนักนะ ทั้งๆที่เขาเหลือเวลาแค่อีกสองวันเขาก็ต้องกลับไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไงก็ตามเวลาที่เหลือนี้ฉันดีกับฮีโระให้มากที่สุดแม้ว่าจะเทียบกับใครคนนั้นของเขาไม่ได้ก็ตาม
“ถึงแม้ว่าฉันอาจจะไม่เหมือนคนคนนั้นของฮีโระ แต่ถ้าไม่รังเกียจกจะคิดซะว่าฮีโระได้อยู่กับเธอก็ได้นะ”
ฉันหันไปพูดกับฮีโระ เขายิ้มออกมาแค่เล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรออกมา จริงๆแล้วฉันไม่น่าจะพูดแบบนั้นออกไปเลยนะเนี่ย คนเราคงไม่มีใครแทนใครได้ เขาคงจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันละมั้ง
ตอนนี้ฉันกับฮีโระกำลังนั่งอยู่บนรถประจำทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยัง infinity mall ห้างดังที่กลุ่มวัยรุ่นกำลังนิยม ฮีโระกำลังนั่งใส่หูฟังฟังเพลงเหมือนครั้งก่อนที่เรามาด้วยกัน แต่ไม่เคยคิดเลยครั้งนี้จะดูเหมือนเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเราที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้และไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ตอนนี้รถมาจอดที่หน้า infinity mall แล้ว พวกเราเดินลงมาจากรถและกำลังจะขึ้นสะพานลอย ฮีโระยื่นมือมาให้ฉันจับ
“ถ้าตอนนี้ผมกำลังอยู่กับคนๆนั้น ผมก็อยากจะจับมือเธอไปทุกๆที่ ได้มั้ย”
“ได้สิ”
ฉันยื่นมือไปจับมือฮีโระ มือของเขาเป็นมือที่อบอุ่นมากและมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาในความคิดของฉัน เหมือนกับว่าฉันเคยจับมืออุ่นๆนี้มาก่อน เขาจับมือของฉันไว้แน่นเหมือนไม่อยากจะปล่อยเลยแม้แต่น้อย ฉันอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับฮีโระเกินเลยไปกว่าเพื่อน แต่ที่การที่ได้ช่วยให้เค้าได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ทำให้ฉันมีความสุขมากแล้ว
ตอนนี้เรารอเวลาที่จะเข้าโรงหนังซึ่งมีเวลาเหลือประมาณหนึ่งชั่วโมงฮีโระจึงพาฉันไปที่โซนสำหรับเด็ก มีทั้งเด็กเล็กและเด็กประถมที่ไปเล่นตรงนั้น มีทั้งสไลเดอร์ ม้าหมุน รถไฟ และหลายๆอย่างที่เด็กๆชื่นชอบ ฉันหันไปมองฮีโระที่กำลังสนใจบางอย่างอยู่ เขากำลังจ้องไปที่สไลเดอร์
“อย่าบอกนะว่าฮีโระอยากเล่นน่ะ”
“เปล่าหรอก ผมแค่คิดถึงคนๆนั้นน่ะ”
“เขาชอบเล่นสไลเดอเหรอ”
“ไม่ใช่หรอก เธอเป็นคนกลัวความสูงมาก เธอจึงไม่เคยกล้าที่จะขึ้นมันสักครั้ง”
“อ๋า”
เธอกลัวความสูงเหมือนกันฉันเลยสินะ ฉันเองตั้งแต่จำได้ก็ไม่เคยกล้าขึ้นที่สูงเลยสักครั้ง ฉันว่ามันน่ากลัวและทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าหากใครชวนฉันไปเล่นโลดโผนที่ต้องอยู่ที่สูงละก็ฉันคิดว่าก็คงไม่ไปเหมือนกัน
“ฮีโระ ยังจำหน้าเธอได้อยู่หรือเปล่า”
“จำได้ดีเลยล่ะ”
เขาหันหน้ามาทางฉันในขณะที่บอกฉัน น่าแปลกที่อยู่ๆใจของฉันก็เต้นแรงมากขึ้น
“ผมคิดว่าเธอโตมาคงน่ารักเหมือนกันฮารุนี่ล่ะ”
“เธอเป็นคนน่ารักเหรอ“
”อื้ม ในสายตาของผม เธอน่ารักมากๆเลยล่ะ” ^^
เขารีบหันหน้ากลับไป ดูเหมือนเขาจะเขินเล็กน้อย ก่อนที่จะบอกบางอย่างที่ฉันคิดว่าน่ารักมากๆ
“เธอเคยบอกว่า ผู้ชายที่ชอบทำขนมเป็นผู้ชายที่น่าสนใจมาก ผมเลยบอกเธอไปว่า...ถ้าเธอเป็นแฟนผม ผมจะทำคุ๊กกี้ให้เธอกินทุกวันเลย แล้วเธอก็บอกผมว่า... ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้งเราคงจะได้เป็นแฟนกัน เธอเป็นรักครั้งแรกของผมเลยล่ะ”
“ถ้าเจอกันอีกครั้ง ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอนะ” ภาพเด็กหญิงและเด็กชายคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวก้อยและประทับตรา เหมือนเป็นคำสัญญาว่าในอนาคตจะกลับมาพบกันอีก
จู่ๆภาพนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวฉัน นี่ฉันฟังฮีโระเล่าแล้วคล้อยตามขนาดที่เห็นภาพเลยเหรอเนี่ย แต่ยังไงมันก็เป็นความทรงจำที่ฉันคิดว่ามันดีๆมากสำหรับฮีโระ เพราะแบบนี้เขาถึงได้อยากเจอเธอสินะ ถ้าฮีโระได้เจอผู้หญิงคนนั้นเขาคงจะมีความสุขมากๆ ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนั้นจัง เธอคงเป็นคนที่น่ารักและดีมากๆ ฮีโระถึงได้ปลื้มเธอ
“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ”
ฮีโระคว้ามือฉันไปจับไว้และพาฉันไปซื้อป๊อบคอร์นและโคล่า ตอนนี้ฉันคิดว่าส่วนใหญ่ที่มาดูหนังเรื่องนี้คงจะเป็นคู่รักกัน ฉันกับฮีโระก็อาจจะมองว่าเป็นแฟนกันก็ได้ แต่ฉันก็หวังว่ารุ่นพี่คงไม่รู้สึกน้อยใจนะ ฮีโระเขามีเวลาอยู่กับพวกเราอีกแค่สองวันเองค่ะ รุ่นพี่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ
หนังเรื่อง love story secret จบลง ทุกคนทยอยกันออกโรงหนังแต่ฮีโระยังคงนั่งอยู่ยังงั้น
“ฮีโระยังไม่ออกไปอีกเหรอ”
“อยู่ที่นี่สักแปบเถอะ คนกำลังแย่งกันออกประตูน่ะ”
เขาจับมือฉันไว้ให้นั่งลงที่เดิม เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ ฉันนั่งลงข้างๆเขาอย่างเงียบๆ เขายื่นบางอย่างให้กับฉัน มันคือโทรศัพท์มือถือคู่รักเครื่องที่เขาใช้และอีกครื่องนึงก็อยู่ที่ฉัน
“นี่ ให้ฉันทำไมเหรอ”
“ก็มันเป็นโทรศัพท์ของคู่รักนี่นา ฮารุก็ควรจะได้ใช้คู่กับรุ่นพี่นะ”
“แล้วฉันจะติดต่อฮีโระได้ยังไงละ”
“ถือว่าเป็นของระลึกจากผมละกันนะ ก่อนที่เรา... จะจากกัน”
เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่ายของวันเสาร์แล้ว เขาเองก็คงจะกำลังนับเวลาถอยหลังเหมือนกันสินะ แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกปวดใจอย่างนี้ เหมือนมีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกเขา แต่ฉันกลับพูดไม่ออก ฉันรับโทรศัพท์จากฮีโระ
“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างเก็บไว้คนเดียว ผมไม่ได้คอยอยู่ข้างๆแล้ว ฮารุต้องคอยดูแลตัวเองมากๆนะ”
อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกว่าน้ำตามันจะไหลออกมาจริงๆ ทำไมฉันรู้สึกว่าเขากำลังจะจากฉันไปไกลแสนไกลนะ ฉันอยากจะรั้งเขาไว้และอยากให้เขาอยู่กับฉันตลอดไป แต่ว่า...มันก็เป็นไปไม่ได้ ฉันยกมือขึ้นมากุมหน้าตัวเองไว้ เสียงร้องไห้ที่แผ่วเบา ฉันหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินมัน
“รู้มั้ยว่า..คนที่ร้องไห้จะไม่น่ารักนะรู้มั้ย”
ฮีโระใช่มือของเขาจับหัวของฉันซบไหล่เขาไว้ เขาไม่รู้หรอกว่า... นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากร้องไห้มากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าฉันกำลังจะปล่อยบางอย่างที่สำคัญในชีวิตให้หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันกลับ เรานั่งอยู่ที่ในโรงหนังที่มืดอยู่อย่างนั้น แม้แต่คำพูดใดๆก็ไม่สามารถจะเอ่ยเอื้อนมันออกมาได้
เราเดินออกมาจากโรงหนัง และแวะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหาร ฮีโระบอกว่าเขาจะเลือกให้ฉันเองและบอกให้ฉันรอเขาอยู่ตรงนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารที่น่าทานมากๆ
“เมนูสำหรับคนไม่ชอบผัก ผมคิดว่าน่าจะทานสลัดผลไม้ได้นะ”
“เอ๋ ทำไมถึงรู้ว่าฉันไม่ชอบผักแต่กินสลัดได้ล่ะ”
“ผมแค่สั่งอาหารที่เธอคนนั้นชอบกินเท่านั้นเองนะ ไม่ได้สั่งมาเพื่อฮารุสักหน่อย”
“จริงเหรอเนี่ย”
ฮีโระพยักหน้าและยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำไมเธอคนนั้นมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกับฉันจัง อย่าบอกว่าเธอคนนั้นเป็นฝาแฝดกับฉันนะ เอ...ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกก แม่มีลูกคนเดียวซึ่งก็คือฉันนี่นา โลกใบนี้มีคนหลายล้านคงจะมีบ้างแหละที่จะชอบอะไรเหมือนๆกัน หลังจากที่กินสลัดหมดแล้ว ฮีโระบอกว่าอยากแวะร้านดอกไม้ พวกเราเลยไปเลือกดอกไม้ด้วยกัน เขาเลือกกระถางดอกอะไรสักอย่างและยื่นให้ฉัน
“นี่มันดอกอะไรเหรอ แล้วทำไมต้องให้ฉันด้วย”
“ฮารุต้องไปหาความหมายที่ซ่อนไว้ของมันเอง ผมบอกไม่ได้หรอก”
ฉันรับมันไว้อย่างงงๆ สักวันหนึ่งที่มันออกดอกฉันอาจจะเดาได้ว่ามันคือดอกอะไรสินะ เรากลับมาถึงบ้านตอนเกือบๆจะห้าโมงแล้ว เราแยกกันตรงที่หน้าบ้านของฉัน
“ฮีโระ จะต้องย้ายกลับเมื่อไหร่เหรอ”
“วันจันทร์ผมต้องไปลาทุกคนที่โรงเรียนก่อน และคงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้เจอกัน”
รอยยิ้มบางๆที่ปนความเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮีโระ ฉันคิดว่าเขาก็ไม่อยากที่จะไปเช่นกัน เขาโบกมือให้ฉันก่อนที่จะหลังกลับไป ฉันเดินกลับเข้าบ้านโดยที่แม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน
“วันนี้ไปเที่ยวสนุกมั้ย”
“ค่ะ สนุกมาก แต่ก็ใจหายมากๆ”
“แล้วนี่ดอกอะไรเหรอ”
“ฮีโระบอกว่าหนูต้องค้นหาชื่อของมันเองหนูถึงจะรู้ความหมายของมันค่ะ”
ฉันยกกระถางเข้าไปไว้ในห้องนอน ฉันหวังว่าฉันจะรู้ว่ามันคือดอกอะไรในเร็ววันนี้ ฉันหยิบโทรศัพท์ที่ฮีโระให้ออกมา มันเป็นโทรศัพท์คู่รักที่เขาแอบซื้อมันตอนที่เราไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกสินะ เขาบอกให้ฉันเอาไปให้รุ่นพี่เผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินเขาจะเป็นคนที่สามารถมาช่วยฉันได้ เขาก็เป็นแบบนี้ทุกที คอยเอาแต่เป็นห่วงคนอื่นจนบางครั้งก็ลืมดูแลตัวเองไป
ฉันได้แต่ภาวนาขอให้เขาได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นเร็วๆเพื่อที่เธอจะได้มาดูแลเขาและจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวอีก ฉันเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมองลอดผ่านกระจก ฮีโระกำลังนั่งฟังเพลงอยู่ที่ริมหน้าต่างเหมือนเคย จากนี้ไปฉันคงไม่ได้เห็นเขาที่ริมหน้าต่างแบบนี้แล้วสินะ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ...
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข 👈
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END