“ด.ช. ฮีโระ ชั้นป.5 เขาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่จะย้ายมาอยู่กับพวกเรา 4 เดือน เพื่อนๆช่วยกันดูแลฮีโระด้วยนะจ๊ะ”
คุณครูแนะนำผมกับเพื่อนๆ โรงเรียนแลกเปลี่ยนที่ไม่คุ้นเคยของผม
“ไปนั่งตรงนั้นสิจ๊ะฮีโระ ฮารุเรียกเพื่อนไปนั่งที่โต๊ะข้างๆสิจ๊ะ”
คุณครูตะโกนบอกนักเรียนหญิงคนหนึ่ง
“ทางนี้ โต๊ะของนายคือตัวนี้”
เธอชี้ไปที่โต๊ะตัวหนึ่งข้างๆเธอ เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ กับผิวขาวๆ และแก้มตุ่ยๆที่แดงเหมือนลูกสตรอเบอรี่ของเธอทำให้ผมรู้สึกแปลกๆ ทันทีที่ผมได้พบเธอผมรู้สึกใจเต้นแรงอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ใช่คนพูดมาก เธอมักจะเป็นผู้ฟังอย่างเงียบๆ เวลาที่เพื่อนๆเล่าเรื่องสนุกๆ เธอจะยิ้มน้อยๆและหัวเราะตามเพื่อนไป
ในวันเกิดของผมซึ่งตรงกับช่วงที่ผมอยู่ที่โรงเรียนแลกเปลี่ยน คุณครูประจำชั้นจัดงานวันเกิดเล็กๆให้ผมในช่วงบ่ายก่อนเลิกเรียน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่พูดน้อยเรียกผมว่า “นาย 7-11 (Seven-Eleven)” นอกจากเค้กแล้วครูยังซื้อไอศครีมหลากรสมาแจกให้ทุกๆคนด้วย มีทั้งรสนม สตรอเบอรี่ ช๊อคโกแลต ใบเตย และมะนาว ผมเลือกรสนมและเลือกรสตอเบอรี่ให้เธอ แต่เธอกลับบอกผมว่า...
“ขอเป็นรสนมแทนได้ไหม ฉันไม่ค่อยชอบสตรอเบอรี่”
ผมถามเธอว่าเพราะอะไร เด็กผู้หญิงมักจะชอบรสสตรอเบอรี่ไม่ใช่เหรอ แต่เธอกลับบอกผมว่า...
“ฉันไม่ชอบสตรอเบอรี่ เพราะเพื่อนๆชอบล้อฉันว่าฉันแก้มเหมือนสตรอเบอรี่ จริงๆแล้วมันไม่เหมือนสักหน่อย”
เธอตอบพร้อมกับรับเอาไอศครีมรสนมจากมือผมไป วันต่อมารองเท้าของผมถูกมือดีเอาไปซ่อน ด้วยความที่เป็นเด็กใหม่ ผมคิดว่าคงไม่ค่อยมีใครชอบหน้าผมนัก พวกเขาถึงพยายามที่จะแกล้งผมต่างๆนาๆ แต่แล้วเด็กผู้หญิงคนเดิมก็เป็นคนแรกที่เดินเข้ามาหาผมและช่วยผมหารองเท้าจนเจอ
“เธอ ชื่ออะไรเหรอ”
ผมถามเธอออกไปอย่างเขินๆ
“ฮารุ แล้วเธอล่ะ”
เธอตอบและยิ้มหวานกลับมาให้ผม ผมคิดว่าผมคงตกหลุมรักเธอเข้าซะแล้ว
“ผมชื่อฮีโระ”
“งั้นเรามาเป็นเพื่อนกันนะ ฮีโระ”
เธอยื่นมือเล็กๆของเธอมาเช็คแฮนกับผม หลังจากวันนั้นผมและเธอก็สนิทกันมาขึ้น
เช้าวันหนึ่งก่อนไปโรงเรียน ผมออกมาสูดอาการบริสุทธิ์ที่หน้าบ้านเช่า ที่นี่บรรยากาศดีและน่าอยู่กว่าในเมืองใหญ่ที่ผมเคยอยู่ตั้งเยอะ
“ฟูว์ สวัสดีครับ คุณท้องฟ้าและแสงแดด”
ผมกางแขนออกรับสายลมและแสงแดดอ่อนๆที่มากระทบกับใบหน้าของผม แต่ทันใดนั้น สายตาของผมก็เหลือบไปเจอใครบางคนเดินออกมาจากข้างบ้าน โอ๊ะ! เธอคือ ฮารุ นี่นา ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าบ้านของเธอและบ้านที่ผมเช่าจะอยู่ติดกันขนาดนี้ “พรหมลิขิต” ผมคิดว่าแบบนี้ต้องเรียกว่าเป็นพรหมลิชิตเท่านั้น เธอเดินไปโรงเรียนโดยที่ไม่รู้ว่ามีผมเดินตามหลังเธอไป แม้ว่าผมจะทำได้เพียงมองผ่านด้านหลังของเธอโดยที่เราไม่ได้พูดคุยอะไรกันสักคำ แต่ผมก็รู้สึกมีความสุขมากๆ ผมเดินไปและกลับจากโรงเรียนโดยแอบเดินตามหลังเธอแบบนั้นอยู่สองสามวัน จนวันหนึ่งเธอออกมาเจอผมกำลังเดินออกมาจากบ้าน
“เอ๊ะ นั่น ฮีโระ ไม่ใช่เหรอ”
“อะ อ่าว ฮารุ ผมเอง”
“นี่นายอยู่บ้านหลังนี้เหรอ”
“อ่ะ อื้ม ขอโทษนะที่ไม่ได้บอกตั้งแต่แรก”
“ไม่เป็นไร” ^^
“งั้นให้ผมเดินไปโรงเรียนด้วยคนนะ”
เธอพยักหน้าแทนคำตอบและหลังจากนั้นพวกเราก็ได้ไปโรงเรียนและเดินกลับบ้านด้วยกันทุกวัน อาจจะดูแปลกไปบ้างที่เด็กประถมสองคนต้องเดินไปโรงเรียนด้วยตัวเอง แต่เพราะโรงเรียนอยู่ใกล้บ้านมาก คุณแม่ของพวกเราจึงไม่ต้องไปส่งพวกเราที่โรงเรียน บางครั้งแม่ของฮารุก็จะฝากกับข้าวมาให้ที่บ้านของผมและแม่ของผมก็จะชอบทำคุ้กกี้ไปให้ที่บ้านของฮารุเช่นกัน
และเพราะแม่ของผมเธออยากได้ลูกสาว แต่กลับได้ลูกชายอย่างผมแทน เธอจึงรักและเอ็นดูฮารุเหมือนกับลูก แม่ชอบซื้อเสื้อผ้า ของน่ารักๆสำหรับเด็กผู้หญิงไปให้เธอเสมอ ครอบครัวของเราสนิทกันมาก แต่แล้ววันเวลาก็ได้ผ่านมาครบหนึ่งเทอมสำหรับการเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยน ผมรู้สึกใจหายและไม่อยากย้ายกลับไปเลย ในวันสุดท้ายก่อนการปิดภาคเรียน ผมได้ให้คุกกี้รูปหน้าหมียิ้มที่แม่ผมทำให้เป็นของขวัญแก่เธอ เธอบอกผมว่า...
“ของอย่างนี้ใครจะกินลงล่ะ น่ารักซะขนาดนี้”
เธอประคองคุกกี้อย่างระวัง อีกมือก็ยื่นบางอย่างให้กับผม มันเป็นยางลบที่ยังไม่ได้ใช้ เธอเขียนบางอย่างไว้บนนั้น
“Hero เพื่อนที่ดีของฉัน”
ผมตั้งใจว่าจะเก็บมันไว้อย่างดีที่สุด...และผมจะไม่มีวันลืมเธอเลย
ในวันนั้นเอง หลังเลิกเรียนเราไปปั่นจักรยานไปซื้อเค้กด้วยกัน ฮารุบอกว่าเธออยากเป็นคนปั่นและให้ผมซ้อนท้าย ผมไม่ได้เอะใจอะไร จึงปล่อยให้เธอเป็นคนปั่น และแล้วเหตุการณ์ที่ผมไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น
“ฮารุนั่น ระวัง!!!
โครม!!!
เสียงรถยนต์ชนกับรถจักรยานของพวกเราเข้าเต็มแรก ผมกระเด็นจากรถและตกลงข้างถนน โชคดีที่ไม่เป็นอะไรมาก แต่ฮารุ...เธอถูกชนอย่างแรงจนหมดสติ ผมเห็นเธอนอนสลบอยู่ที่พื้นและมีเลือดไหลออกมาจากหัวของเธอ ผมร้องเรียกหาแม่ให้แม่มาช่วย ไม่กี่นาทีคนที่อยู่ใกล้แถวนั้นก็โทรเรียกรถพยาบาล ฮารุก็ถูกส่งตัวเข้าโรงพยาบาล ผมตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก วันนั้นผมได้แต่ยืนดูรถพยาบาลมารับตัวฮารุขึ้นรถไป คุณพ่อและคุณแม่ของฮารุร้องไห้ด้วยความเป็นห่วง ส่วนผมยืนตัวสั่นเทาอยู่ตรงข้างถนนโดยที่มีแม่กอดผมไว้
“เธอ จะเป็นอะไรไหมครับแม่ ผม..ผม...กลัว”
ผมบอกกับแม่ในขณะที่จ้องไปยังถนนที่มีรถจักรยานคว่ำอยู่ตรงนั้น น้ำตาที่เกิดจากความกลัวและความตกใจไหลออกมานองหน้าของผม
“ไม่จ้ะ ฮารุจะต้องไม่เป็นไร”
แม่กอดผมไว้ ตอนนั้นผมตกใจมาก จนผมไม่รู้ว่าควรทำอะไรดี ผมไม่น่าพาเธอออกมาปั่นจักรยานเลย
หลังจากผ่านเหตุการณ์นั้น วันต่อมา แม่ของผมโทรไปหาพ่อแม่ของฮารุที่โรงพยาบาล ทันทีได้รับข่าว หมอบอกว่าเธอมีเลือดคั่งในสมองและต้องทำการผ่าตัดด่วน ผมไม่เคยรู้มาก่อนว่าแม่เป็นโรคหัวใจ หลังจากที่แม่ได้ยินแบบนั้น แม่ก็ถึงกับช๊อคและหมดสติไป ในวันนั้นเองแม่ก็ได้จากผมไปอย่างไม่มีวันกลับ
ผมไม่คิดเลยว่าในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน ผมจะต้องเจอกับความรู้สึกที่เศร้าและทรมานกับการใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ถึงสองครั้ง หลังจากที่แม่จากผมไป พ่อของผมที่เป็นนักการทูตก็กลับมารับผมไปอยู่ด้วยที่ต่างประเทศ ผมต้องไปโดยที่ยังไม่ได้ไปเยี่ยมเธอเลยแม้แต่ครั้งเดียว ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นอย่างไรบ้าง ผมรู้สึกผิดต่อเธอมากเหลือเกิน ผมได้แต่จดเบอร์โทรศัพท์พ่อของฮารุไว้ และโทรไปถามเป็นครั้งคราวจนรู้ว่าอาการของเธอดีขึ้น แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ติดต่อไปอีก
6 ปีต่อมา...
ผมได้รับข่าวจากโรงเรียนของผมว่าเปิดให้มีการสมัครนักศึกษาแลกเปลี่ยนกับโรงเรียนซองอึน ผมลองหาในอินเตอร์เน็ตทำให้ผมสืบทราบมาว่า... โรงเรียนซองอึนนั้นอยู่ในเขตที่ใกล้บ้านของคนๆนั้นที่ผมยังคิดถึงเขามาตลอด 6 ปี ซึ่งในตอนนั้นผมแค่อยากลองย้อนอดีตอีกครั้ง ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นยังไงบ้าง แล้วครอบครัวของเธอยังอยู่ที่นั่นไหม และถ้าหากเป็นไปได้ ถ้าหากผมได้เจอเธอ ผมก็อยากจะไถ่โทษที่ผมไม่สามารถดูแลเธอได้ในตอนนั้น ถึงแม้ว่ามันจะมีอะไรบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม ผมก็จะไม่คาดหวังอะไร
แต่แล้วในวันที่ผมไปรายงานตัวที่โรงเรียนซองอึน ผมก็ต้องแปลกใจและสะดุดกับเสียงของใครบางคนเข้า
“ฮารุ... วันนี้เธอยังไปที่ชมรมบาสอยู่เหรอ”
“อื้ม ก็ฉันชอบนี่นา”
ชื่อที่ทำให้ผมต้องหยุดชะงัก... “ฮารุ”
ถ้าผมไม่ขอมากจนเกินไป ผมหวังว่าเธอจะเป็นคนเดียวกันกับที่ผมเคยรู้จักเมื่อ 6 ปีก่อน
ผมจึงตรงดิ่งไปยังห้องรายงานตัวและถามถึงชื่อคนที่ผมจดจำมาแสนนาน และแล้วคำตอบที่ได้ เธอคือ...เด็กผู้หญิงคนนั้นจริงๆ และโชคชะตาก็เข้าข้างผม เพราะข่าวดีที่สุดสำหรับผมก็คือ ผมได้ย้ายไปเรียนอยู่ห้องนั้นด้วย จากชื่อที่มีตัวพยัญชนะเหมือนกันทำให้ผมได้นั่งอยู่ข้างๆเธอ มันเป็นอะไรที่วิเศษสุดๆ
ขอบคุณครับแม่ แม่คงอยู่บนท้องฟ้าแล้วคอยช่วยผมอยู่สินะ ผมจะเงยหน้าและมองท้องฟ้าแบบนี้เป็นการตอบแทนนะครับ ^^
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ...
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1 👈
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END