ในตอนเย็นขอวันนั้น หลังจากที่ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว ทั้งฉันและฮีโระ เดินไปส่งมุนอาที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่เธอขึ้นรถไปแล้ว พวกเราก็ได้เจอกับรุ่นพี่ที่เดินสวนมาพอดี โชคดีที่ฮีโระรีบทักทายรุ่นพี่ก่อนที่ความอึดอัดระหว่างพวกเราจะครอบงำ
“โอ๊ะ รุ่นพี่กำลังจะไปไหนเหรอครับ ไม่ได้ซ้อมบาสหรอกเหรอครับวันนี้ โห ของกินเพียบยังกับจะมีปาตี้เลยนะครับ”
ฉันเหลือบมองไปในมือของรุ่นพี่ เขาหิ้วถุงขนม น้ำ และผลไม้มากมายอยู่ในมือ
“อ่อ พอดีวันนี้หยุดซ้อมน่ะ พรุ่งนี้ซอลฟาจะมีคอนเสิร์ต เขาก็คงจะเหนื่อยกับการเตรียมงานมาก ก็เลยอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”
“อ่อ พวกผมก็ได้บัตรด้วยนะ ยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่คอนเสิร์ตนะครับรุ่นพี่”
“อ่อ เหรอ”
รุ่นพี่ทำท่าแปลกใจเล็กน้อย และเดินจากไป หลังจากที่พวกเราเดินออกมาได้สักพัก ฮีโระก็ถามฉันบางอย่างกับฉัน
“กับรุ่นพี่นะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”
ฮีโระเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ถามฉัน
“อืม... ตอนนี้รู้สึกยังไงกับรุ่นพี่น่ะเหรอ ถ้าจะให้พูดมันก็น่าเขินอยู่หรอกนะ และอาจจะฟังดูไม่ดี แต่ว่า... ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดี เพียงแต่ว่า... บางครั้งความรักที่จริงใจก็อาจจะไม่ต้องสมหวังตลอดไปนี่นะ ฮะๆๆ”
ฉันพูดออกมาพร้อมกับตลกตัวเองเล็กน้อย ที่จริงก็อายนะที่ต้องพูดแบบนี้ต่อหน้าฮีโระ แต่มันก็เป็นความจริงที่ฉันต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้
“ว้าว เดี๋ยวนี้ฮารุของเรา โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะเนี่ย”
ฮีโระ ดึงมือข้างหนึ่งของเขาออกจากกระเป๋ากางเกงและมาขยี้หัวของฉันจนยุ่ง
และหลังจากนั้นพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตัวเอง ฉันแอบตื่นเต้นเล็กน้อยกับงานคอนเสิร์ตของซอลฟาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ รู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษรออยู่ แต่ว่ามันคืออะไรกันนะ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องดี ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วล่ะ ฉันต้องสู้ ฉันต้องเข้มแข็ง
Hero Message : Strong Strong เข้มแข็งไว้นะฮารุ
ราวกับว่าเขาจะรู้ว่าฉันต้องการกำลังใจ ฉันแอบแง้มผ้าม่านจากหน้าต่างสอดสายตาไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ฮีโระยกมือขึ้นไฟท์ติ้งให้ฉันหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง
........................................................................................................................................................................................................................
เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ฉันมาสามารถลืมตาตื่นขึ้นเองได้โดยไม่ต้องเพิ่งเสียงปลุกจากนาฬิกาของฮีโระ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกตื่นเต้นกับคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในตอนเย็นของวันนี้มาก
“สวัสดีครับ คุณท้องฟ้า วันนี้น่ารัก สดใสจังเลยนะครับ ว้าวว อากาศสดชื่นมากๆเลย ต้องเป็นวันที่ดีๆมากแน่ๆเลยใช่ไหมครับ”
“ออกมายืนคุยคนเดียวอีกแล้วนะฮีโระ”
ฉันเดินออกมาจากบ้าน ก็เจอฮีโระยืนบ่นพึมพำอยู่แบบนี้ประจำ ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับท้องฟ้าจนกลายเป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว
“คุยกับฉันก็ได้ คุยกับท้องฟ้าเขาจะตอบเธอยังไงกันล่ะ”
“ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นความลับระหว่างผมก็คุณท้องฟ้าน่ะ”
ว่าแล้วฮีโระก็เดินมาดึงกระเป๋าถือจากมือฉันไป เขาก็มักจะทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกัน มายืนรอฉันที่หน้าบ้านทุกๆเช้า ทักทายคุณท้องฟ้า ช่วยฉันถือกระเป๋าและหาเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฉันฟังในตอนที่ฉันเครียด และซื้อไอศกรีมให้ฉันตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าอยากจะร้องไห้
ภายใต้เงาร่มไม้ที่เรียงรายทั้งสองด้านของทางเดิน เงาของคนสองคนได้เดินไปด้วยกัน ในตอนนั้นฉันไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาที่เป็นความสุขของพวกเรานั้น มักจะผ่านไปเร็วเสมอ
ในห้องเรียน ฉันหวังว่าคาบเรียนแต่ละคาบ จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ จากคาบคณิต มาคาบประวัติศาสตร์ กว่าจะถึงเที่ยงฉันก็ง่วงจนแทบจะหลับได้เลยทีเดียว
“ฮารุ เธอคิดว่าคอนเสิร์ตวันนี้จะมีอะไรยังงั้นเหรอ”
“ไม่รู้สิ แต่ก็อยากให้ถึงหกโมงเย็นเร็วๆเหมือนกันนะ”
“ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นกับมันมากนะ เผื่อใจเอาไว้หน่อยแล้วกัน ยังไงฉันก็ไม่ได้เชื่อใจยัยนั่นร้อยเปอร์เซ็นหรอก”
มุนอาพูดในขณะที่มือก็ตักไอศกรีมเข้าปากทีละคำทีละคำ
“แต่เวลาที่เรารออะไรสักอย่าง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าจังเลยเน้าะ ฉันไม่เคยจะต้องมารออะไรที่เหนื่อยแบบนี้มาก่อนเลย”
“เวลาของคนที่รอ กับเวลาของคนที่ไม่ได้รอ ผมว่ามันต่างกันจริงๆนะ และการรอ มันก็เหนื่อยมากด้วย แต่คนบางคนก็ยังเลือกที่จะรอ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก นอกจากรออยู่ต่อไป”
ฮีโระพูด แล้วหันมายิ้มให้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งทีเขาพูดออกมาคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึก ว่าแต่เขากำลังรออะไรอยู่กันนะ
“ทำยังกับว่าตัวเองก็มีเรื่องที่ต้องรออยู่ ยังงั้นแหละฮีโระ”
มุนอาพูดสวนขึ้นมาหลังจากที่ฮีโระพูดจบ
“คนเราทุกคน ต่างก็มีเรื่องให้รอกันทั้งนั้น เหมือนตอนนี้ที่ฮารุรอเวลาให้ถึงงานคอนเสิร์ต มุนอาก็ยังรอรุ่นพี่อินซาคืนดี ส่วนผม จะรออะไรดีนะ...”
“เฮ้.... ทีเรื่องของตัวเองล่ะไม่เคยจะบอกกับคนอื่นบ้างเลย แต่ทีเรื่องของคนอื่นฮีโระกลับรู้ไปหมดทุกเรื่อง เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิ อยู่ด้วยกันมากี่เดือนแล้ว เรื่องครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เรื่องตอนเป็นเด็กหรืออะไรก็ได้น่ะ”
“ฮะๆๆ นั่นสินะ บางทีผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจหรอกมั้ง”
ฮีโระยิ้มแห้งๆออกมา ถ้าฉันพอเดาได้ เขาอาจจะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องบางเรื่องก็ได้ ฉันจึงไม่อยากจะคะยั้นคะยอให้เขาต้องลำบากใจ
“แล้วนี่ก็จ้องฮีโระไม่กระพริบตาเลยนะ ฮารุ อย่าบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจมาชอบฮีโระแล้ว ไม่ได้นะ”
“ห๊า ฉันเหรอ ปล่าวสักหน่อย ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ”
“เฮ้อ... ที่จริงผมก็แอบหวังให้เป็นเหมือนที่มุนอาคิดนะ แต่ว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้แหะ”
“ตลกแล้วฮีโระเนี่ย”
ฉันใช้มือตีไปที่ไหล่ของฮีโระเบา เขาหัวเราะและเอามือมาลูบหัวฉัน เหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กๆ
“พวกเธอก็เป็นกันซะแบบนี้แหละ ป่านนี้คนอื่นเขาก็คงจะมองว่าพวกเธอน่ะกำลังคบกันไปหมดแล้วมั้ง ขนาดฉันรู้จักพวกเธอยังแอบคิดเลย”
“ไม่หรอกน่า”
ฉันพยายามบอกกับมุนอาไปอย่างนั้น แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะ บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก เวลาที่คิดถึงเรื่องฮีโระ แต่ยังไงฉันก็ไม่ควรจะคิดมาก เพราะว่าพวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนะ
หลังจากคาบบ่ายที่แสนน่าเบื่อผ่านพ้นไปได้ ฉัน มุนอา และฮีโระ ก็รีบไปหน้างานเพื่อรอประตูหอประชุมเปิด ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผู้คนเริ่มมาออกันที่ประตู ดูเหมือนว่าบัตรของซอลฟาจะถูกขายหมดเกลี้ยง หอประชุมของโรงเรียนน่าจะจุคนได้ประมาณ 1000 จากจำนวนนักเรียนในโรงเรียนของพวกเรา 1500 คน มีคนจำนวน 2 ใน 3 ของทั้งหมดโรงเรียนมาในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ฉันเคยคิดแค่ว่าซอลฟาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและหลายคนพูดถึง แต่ว่า... ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นที่รู้จักและมีคนชอบเธอมากขนาดนี้
หลังจากที่ประตูหอประชุมเปิด ฉัน ฮีโระและมุนอาก็ตรงไปยังที่นั่งตามบัตรที่ซอลฟาให้พวกเรามา และไม่คิดเลยว่าเธอจะเลือกที่นั่งด้านหน้าสุดให้กับฉัน ตอนนี้ที่นั่ง A15 ซึ่งอยู่เกือบตรงกลางเป็นที่นั่งของฉัน และถัดมา A16 และ A17 เป็นที่นั่งของฮีโระและมุนอา ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในหอประชุมและนั่งที่ของตนเองแล้ว ด้านบนของหอประชุม สตาร์ฟกำลังจัดแจงเตรียมและเช็คอุปกรณ์ต่างๆเพื่อความพร้อม ฉันเหลือบไปมองด้านของที่นั่งของฉัน A14 ยังคงว่างอยู่ แต่ถัดจากนั้นที่ A13 เป็นรุ่นพี่อินซา หรือว่า... ที่นั่งตรงนั้นจะ...
ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดอะไรมากไปกว่านั้น รุ่นพี่อินซาก็หันมายิ้มให้กับฉัน
“ขอโทษแทนซอลฟาที่ทำอะไรหลายๆอย่างให้เธอไม่สบายใจด้วยนะ แต่ว่าที่ตรงนี้ในวันนี้ เป็นที่สำหรับพวกเธอจริงๆ”
รุ่นพี่อินซาพูดพร้อมกับหันหลังไปโบกมือให้ใครคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามา ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกของรุนพี่อินซา
รุ่นพี่ชินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ และมานั่งที่ตำแหน่งที่นั่ง A14
“ขอโทษทีนะ มาช้าไปหน่อย”
รุ่นพี่ชินหันไปพูดกับรุ่นพี่อินซา ก่อนที่จะหันกลับมามองฉันและไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ประตูของหอประชุมได้ปิดลง และไฟในหอประชุมก็ถูกหรี่แสงลงช้าๆ ไม่นานนักที่เวทีและทั้งหอประชุมก็ถูกดับลงมือสนิท มีเพียงแสงของสปอตไลท์ที่ฉายมายังตรงกลาง ซอลฟาปรากฏตัวขึ้นที่กลางเวทีพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจของเธอและเก้าอี้ไม้หนึ่งตัว เสียงปรบมือต้อนรับการปรากฏตัวของซอลฟาได้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เธอยิ้มและทักทายผู้คนที่มาร่วมงาน
“สวัสดีค่ะทุกคน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานคอนเสิร์ตของซอลฟาในเย็นวันนี้นะคะ ฉันขอสัญญาว่าในเย็นวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้ทุกท่านมีหัวใจที่อบอุ่นพกกลับบ้านกันไปทุกคนแน่นอนค่ะ และสำหรับเพลงแรกที่ฉันจะร้องให้กับทุกท่านได้ฟังในวันนี้นั้นฉันจะขอเริ่มที่เพลง ครั้งแรกค่ะ เป็นเพลงที่ฉันแต่งขึ้นเองและมันเกิดจากความรู้สึกของฉันจริงๆ มาลองรับฟังกันดูนะคะ”
เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วหอประชุมอีกครั้ง เสียงดนตรีจากกีต้าร์ของซอลฟาดังขึ้นและเสียงอันไพเราะของเธอก็ตามมา
“ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมสายตาฉันจึงมีแต่เธอ
ครั้งแรกที่เราได้พบ สบตาครั้งนั้นที่เจอ
ก็บอกเสมอว่าคนนี้คือคนที่ใช่
แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างเป็นไป และคนที่ใช่ของเธอไม่ใช่ฉัน
มันปวดร้าวต้องรู้ เพราะว่าเรายังใกล้กัน
แต่ทำไมใจของฉัน มันเจ็บปวดเพียงนี้
อยากให้บอกเธอให้รู้ ว่าทุกนาทีที่ฉันยืนอยู่ ก็เพราะรักเธอหมดใจ
หากวันหนึ่งต้องไกล ก็ขอให้เธอรู้ไว้ และคนแรกและคนสุดท้ายคือเธอ”
เพลงครั้งแรกของซอลฟาทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเศร้าในตัวเธอที่เธอไม่เคยแม้แต่จะแสดงออกมา เป็นเพลงที่เธอแต่งให้กับรุ่นพี่สินะ
“อาจจะดูเศร้าไปสักนิดนะคะ แต่สำหรับเพลงที่เพิ่งได้ฟังกันไป ฉันอยากจะเล่าความเป็นมาสักเล็กน้อยนะคะ ฉัน... มีคนๆหนึ่งที่ชอบมาตลอด พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่ฉันยังอยู่ประถม และเขาก็เป็นเพื่อนของพี่ชายฉันค่ะ เขาทั้งอบอุ่นและดูใจดีกับฉัน แต่ว่า... ฉันก็เพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงความใจดีของเขาเห็นฉันเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังโลภและอยากให้เขามองฉันเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่อาจจะได้หัวใจของเขามา ดูเศร้าใช่มั้ยละคะ ฮะๆ งั้นเรามาฟังเพลงต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ เพลงนี้.....”
ซอลฟาร้องเพลงต่อไปของเธอและเล่าถึงที่มาที่ไปของแต่ละเพลงที่เธอเล่นในวันนี้ ทุกคนในหอประชุมฟังด้วยความตั้งใจ และรุ่นพี่เองก็ยังคงนั่งนิ่งและฟังเพลงของซอลฟาด้วยความสนใจเช่นกัน เพลงที่ซอลฟาแสดงผ่านไปเพลงที่สอง เพลงที่สาม จนมาถึงเพลงที่ 5 ซอลฟาร้องเพลงเกี่ยวกับความหอมหวานของความรัก ซึ่งเป็นความรักในแบบที่เธออยากเจอ ซึ่งในเพลงนี้ทกคนต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าลูกโป่งสีพาทเทลมากมายที่หล่นมาจากด้านบน ภายในลูกโป่งสีสดใสเหล่านั้นมีลูกกวาดที่แสนน่ารักอยู่ข้างใน
“ว้าว สุดยอดไปเลย มีลูกกวาดอยู่ในลูกโป่งด้วย”
“นี่มันสุดยอดเซอร์ไพรส์เลยนะเนี่ย”
แม้กระทั้งฮีโระเองก็ยังแปลกใจกับเซอร์ไพรส์ในครั้งนี้
“เหลือเชื่อเลยแฮะ ยัยเด็กคนนี้คิดอะไรแบบนี้ก็เป็นกับเขาด้วย”
แล้วเขาก็ดึงลูกอมออกมาจากลูกโป่งแล้วก็เกะมันออกมายื่นให้ฉัน ฉันรับมันแล้วหยิบใส่ปาก เราได้ฟังเพลงหวานๆที่สามารถรับรู้ความรู้สึกหวานไปด้วย มันเป็นสุดยอดเซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันเองหันไปมองรุ่นพี่ เขาเองก็ถือลูกโป่งใบนึงอยู่ในมือเหมือนกัน
“นี่คือ ความหวานในแบบที่ฉันอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้นะคะ เพราะในความรักที่แท้จริงความหวานของมันเราไม่อาจจะสัมผัสได้ด้วยร่างกาย แต่เราต้องสัมผัสมันด้วยใจ เอาล่ะค่ะเพลงต่อไป...”
เพลงในแบบฉบับของซอลฟายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ต
“อ่า น่าเสียดายจังเลยนะคะ มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็ใกล้ๆจะสองทุ่มแล้ว คอนเสิร์ตของฉันได้เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายแล้ว แต่ก่อนที่ทุกท่านจะได้รับฟังเพลงสุดท้ายที่สุดแสนจะพิเศษของฉันในวันนี้ ขอขอบคุณคนๆนึงที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้ฉันอยากจัดคอนเสิร์ตในวันนี้ขึ้นนะคะ สปอตไลท์ช่วยฉายไปที่ที่นั่งเบอร์ A14 ด้วยค่ะ”
ไฟได้ฉายมายังรุ่นพี่ที่ตอนนี้ได้ลุกขึ้น
“ขอบคุณค่ะ ฉันอยากจะบอกว่า... จริงๆแล้วสำหรับเพลงครั้งแรกที่ฉันได้ร้องไปนั้น คนๆนั้นก็คือรุ่นพี่ชินกิ ประธานโรงเรียนของเรานั่นเอง คิดว่าคงจะเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมละคะ”
ทุกคนในห้องต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยังคงยิ้มและปรบมือให้กับเธอ
“แต่ว่า... ก็เหมือนกับในเนื้อเพลงนั้นแหละค่ะ ความรักของฉันไม่ได้สมหวังแม้ว่าฉันจะพยายามมากสักเท่าไหร่ก็ตาม มันเป็นเวลาที่เนิ่นนานนะคะกว่าที่ฉันจะสามารถยอมรับความจริงในข้อนี้ได้ ต้องขอบคุณพี่ชายของฉันที่นั่งในที่นั่ง A13 และคนอีกคนนึงในที่นั่ง A16 พวกเขาช่วยดึงฉันขึ้นมาพบกับโลกความจริงและไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป ขอบคุณมากค่ะ”
“รุ่นพี่อินซา เป็นพี่ชาย ซอลฟาเหรอ ไม่น่าเชื่อ”
“น้องสาวก็สวย พี่ชายก็หล่อ ทำไมเราถึงมาจะรู้เนี่ย”
ซอลฟาก้มหัวและขอบคุณพวกเขา คนในห้องประชุมต่างฮือฮากันอีกครั้ง มันเป็นความจริงที่ว่าไม่เคยมีใครรู้ว่ามาก่อนเลยว่าซอลฟาเป็นน้องสาวของรุ่นพี่อินซา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ดูเหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พูดถึงพี่ชายให้กับทุกคนได้รับรู้ ฉันหันไปมองฮีโระผ่านความมืด เขาเองก็หันมายิ้มให้ฉันเช่นกัน
“จากนี้ไปฉันหวังว่ารุ่นพี่ชินกิจะมีความสุขและสามารถยิ้มออกมาอย่างสดใส เหมือนอย่างที่รุ่นพี่เคยเป็นและไม่ต้องฝืนยิ้มให้กับฉันอีกแล้วนะคะ และฉันอยากจะฝากใครอีกคนหนึ่งซึ่งเธอก็อยู่ที่นี่ด้วย...”
ซอลฟาหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดต่อ...
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ... 👈
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END