แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รักหวานแหวว แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ รักหวานแหวว แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560


รุ่นพี่ส่งฉันกลับบ้านก่อนที่จะเย็นตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่

“ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาและวันที่สนุกๆแบบนี้นะคะ ฉันจะดูแลเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างดีเลย”

ฉันกอดตุ๊กตาของรุ่นพี่ไว้แน่น

“อย่าลืมดูแลมันดีๆอย่างที่สัญญาไว้กับผม แล้วก็อย่าลืมดูแลตัวเองดีๆด้วย”

รุ่นพี่เอามือจับผมของฉันเบาๆ เขาดูเป็นผู้ใหญ่และใจดีกับฉันมากๆ ในอีกมุมหนึ่งเขาก็ดูเป็นเด็กน้อยที่สดใสด้วย ฉันพยักหน้ากับคำพูดของรุ่นพี่นิดๆ

“งั้นผมกลับก่อนนะ”

“กลับบ้านดีๆนะคะ”

รุ่นพี่เดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้ม เขาหันกลับมาโบกมือให้ฉันครั้งแล้วครั้งเล่า อาจจะเพราะฉันคิดไปเองหรือยังไงไม่รู้สินะตอนที่ลากับรุ่นพี่ ฉันรู้สึกเหมือนเราจะจากกันยังไงยังงั้น ฉันหวังว่าสิ่งที่ฉันคิดจะไม่เป็นความจริง แม้ว่าลึกๆในใจของฉันจะแอบใจหายอยู่ก็ตาม

“เขาจะไม่จากฉันไปไหนหรอกใช่ไหมเจ้าเด็กน้อย”

ฉันจับเจ้าเด็กน้อยชูขึ้นบนท้องฟ้าแล้วดึงกลับมากอดอีกครั้ง ตอนนี้เจ้าเด็กน้อยเปรียบเหมือนเป็นของล้ำค่าที่ฉันต้องรักษา เพราะนอกจากจะเป็นตัวแทนของรุ่นพี่แล้ว มันยังเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของความรักของเราด้วย

.....................................................................................................................................................................................................................

รุ่งเช้าของวันจันทร์ ฉันตื่นขึ้นมาอย่างสดชื่นโดยไม่ต้องพึ่งนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฮีโระ

“อรุณสวัสดิ์เจ้าเด็กน้อย หวังว่าเธอคงจะชอบบ้านใหม่นะ วันนี้ฉันต้องไปเรียนแต่ฉันจะกลับมาอยู่เป็นเพื่อนเธอทุกๆเย็นเลยนะ”

ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวและรีบออกมารอฮีโระที่หน้าบ้าน หวังว่าจะให้เขาดีใจที่เห็นฉันสามารถตื่นเช้าได้ แต่ทว่าฉันยืนรอนานเท่าไหร่ฮีโระก็ไม่ออกมาสักที ฉันจึงลองเดินเข้าไปเรียกที่หน้าบ้าน แต่บ้านก็ล็อคกุญแจไว้ เขาตื่นเช้ากว่าที่ฉันคิดอีกเหรอเนี่ย ฉันจึงทำได้แต่เดินคอตกไปจนถึงโรงเรียน

ที่หน้าโรงเรียนตอนนี้ยังไม่ค่อยมีคนมา แต่รุ่นพี่ก็คงมายื่นรอทักทายน้องๆอยู่ที่หน้าโรงเรียนเป็นปกติ

“เอ่อ สวัสดีค่ะ รุ่นพี่” ^^

ฉันทักทายรุ่นพี่พร้อมกับยิ้มให้ แต่ว่า... กลับมีบางอย่างที่ผิดปกติและดูแปลกไปจากเดิม รุ่นพี่ไม่ได้สบตาและไม่ได้แม้แต่จะหันมามองฉันบ้างเลย เขากลับมาเมินเฉย เหมือนก่อนหน้าที่เราจะได้คุย มีอะไรเกิดขึ้นกับรุ่นพี่หรือเปล่านะ เหล่าสายตาของพวกรุ่นพี่คณะกรรมการทำให้ฉันจำใจต้องเดินผ่านรุ่นพี่ไปอย่างทำอะไรไม่ได้ ทำได้เพียงก้มหน้าก้มตาเดินเข้าโรงเรียนมาด้วยสีหน้าที่ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าอะไรดี ระหว่างทางที่เดินมา ฉันเพิ่งสังเกตุเห็นว่าที่พื้นถนนนั้นมีเศษกระดาษสีขาวมากมายตกอยู่ที่พื้น

“ฉันเกลียดเธอ”

กระดาษพร้อมข้อความ ค่อยๆปลิวลงจากบนตึก ทุกคนต่างหยุดอยู่กับที่และแปลกใจกับข้อความนั้น

“นี่มันอะไรกันเนี่ย ข้อความพวกเนี้ย”

“บ้าไปแล้วแน่ๆ ใครเป็นคนทำกันนะ ไร้สาระจริงๆเลย”

แม้ว่าจะเป็นเพียงข้อความสั้นๆ แต่ก็ทำให้ฉันเก็บมาคิดหนัก นี่จะหมายถึงฉันหรือเปล่านะ หรือว่าฉันแค่คิดไปเอง แต่การจะทำใบปลิวเป็นร้อยๆแผ่นได้แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะ แสดงว่าคนนั้นคงจะเกลียดคนนั้นมากแน่ๆ ฉันเก็บกระดาษแผ่นหนึ่งพับใส่ในกระเป๋าแล้วเดินเข้าห้องเรียน ตอนนี้ไม่มีอะไรให้น่าตกใจเท่าเรื่องของรุ่นพี่อีกแล้ว หลังจากที่ฉันขึ้นไปถึงห้อง มุนอาก็กระโจนเข้าใส่ฉันและซักถามถึงเรื่องใบปลิวนั่น

“ฮารุ เห็นแผ่นใบปลิวพวกนั้นหรือยัง นี่มันคงไม่ได้ความถึงเธอหรอกใช่ไหม”

“เอ่อ ฉันก็ไม่แน่ใจ”

ฉันเอากระเป๋าวางที่โต๊ะตัวเองและเดินไปนั่งที่โต๊ะของฮีโระซึ่งอยู่ใกล้ริมหน้าต่าง ที่ตรงนี้ฉันสามารถมองเห็นรุ่นพี่ได้อย่างชัดเจน ฉันพิจารณาอย่างเต็มที่ว่าฉันไม่ได้ตาฝาดไป เท่าที่ฉันดูรุ่นพี่ก็ยังดูยิ้มแย้มแจ่มใสเหมือนทุกวัน แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกว่ามันแปลกๆไปนะ มันแปลกตรงที่ว่าเมื่อวานนี้เขายังยิ้มให้ฉัน แต่พอถึงอีกวันเขาก็กลายเป็นแบบนี้แล้ว ฉันนึกถึงคำพูดของรุ่นพี่ที่พูดออกมาเมื่อวานอีกครั้ง “ขอโทษนะ ผมอาจจะเป็นพวกที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันพรุ่งนี้ผมอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ฮารุไม่เคยรู้จักก็ได้” เขาพูดอะไรแปลกๆราวกับว่าในวันพรุ่งนี้พวกเราจะไม่เหมือนเดิมอีก ฉันนั่งคิดอยู่นาน ฉันต้องการคำตอบว่าเพราะอะไร แต่นึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออก

“เอ้า ทำไมมานั่งโต๊ะของฮีโระล่ะ ฮั่นแน่ ที่แท้ก็แอบมามองรุ่นพี่นี่เอง แล้วฮีโระล่ะไปไหน ไม่มาพร้อมกันเหรอ”

มุนอาเดินมาที่ริมหน้าต่างข้างๆฉันและถามถึงฮีโระ

“อ่อ ฉันคิดว่าเขาน่าจะมาถึงโรงเรียนก่อนฉันนะ มุนอามาโรงเรียนเช้ากว่าคนอื่นนี่นา ยังไม่เจอฮีโระเหรอ”

“ไม่นี่ ตอนฉันมายังไม่เจอใครนะ อ้าว นั่นไง มาแล้ว ฮีโระ”

มุนอารีบวิ่งไปหาฮีโระทันทีที่เจอเขา และซักถามเป็นการด่วนว่าเขาไปที่ไหนมา ฉันหันไปดูพักหนึ่งก็เห็นฮีโระยื่นบางอย่างให้กับเธอ

“นั่นมัน พวงกุญแจที่ฉันให้มุนอานี่ ทำไมไปอยู่กับฮีโระได้ล่ะ”

ฉันผละสายตาจากการมองรุ่นพี่เปลี่ยนมาสนใจพวกกุญแจของมุนอาแทน

“ผมเจอมันตรงทางเดินน่ะ อ่ะ”

“เอ่อ ขะ ขอบใจ ว่าแต่ฮีโระมาตั้งแต่เมื่อไหร่เหรอ เห็นฮารุบอกว่าฮีโระน่าจะมาก่อน แต่ตอนเช้าฉันไม่เห็นเจอใครเลย”

ทำไมวันนี้ทุกคนดูแปลกๆกันหมดเริ่มตั้งแต่รุ่นพี่ ตอนนี้มาจนถึงมุนอาที่พูดตะกุกตะกัก และฮีโระที่เช้านี้ไม่เห็นทักทายแบบสดใสเหมือนทุกทีแต่กลับเย็นชาซะยิ่งกว่าน้ำแข็งซะอีก ฉันยืนดูสองคนคุยกันโดยที่ไม่ได้พูดอะไรแทรก

“ไม่รู้เหรอ ว่าผมก็มาพร้อมกับตอนที่ใครบางคนกำลังโปรยกระดาษพวกนั้นน่ะ”

“เอ่อ นายพูดอะไรของนายน่ะ ฮีโระ ฉะ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ”

จู่ๆสีหน้าของมุนอาก็ถอดสีและขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ว่าแต่พวกเขากำลังพูดถึงกระดาษอะไรกันเหรอ ทำไมตอนนี้ฉันถึงได้สับสนไปหมด

“นี่มัน...เรื่องอะไรกันเหรอ”

ฉันถามด้วยสีหนน้าที่งุงงและไม่เข้าใจ

“กระดาษที่ฮารุพับมันไว้ในกระเป๋าน่ะ ถ้าอยากรู้ถามมุนอาดูเองสิ”

“หมายความว่ายังไงเหรอ ฉันไม่เข้าใจ”

ทำไมฉันต้องไปถามมุนอาเกี่ยวกับกระดาษนั่นด้วย ฉันหยิบกระดาษที่ฉันเก็บเข้าไว้ในกระเป๋าออกมาดูอีกครั้ง มันเป็นกระดาษที่มีข้อความเขียนว่า “ฉันเกลียดเธอ” แล้วมันจะเกี่ยวกับเธอได้ยังไง

“เธอโกหก ไม่ใช่ข้อความที่มุนอาเป็นคนทำหรอก และฉันก็ไม่ได้อยากจะรู้ด้วย”

ฉันโยนกระดาษแผ่นนั้นทิ้งต่อหน้าฮีโระ ฉันไม่อยากจะเชื่อและไม่มีวันเชื่อ ไม่ว่าฉันจะถูกใครทำอะไรหรือแกล้งฉันมากขนาดไหน ขอเพียงแค่ฉันยังมีเพื่อนอย่างมุนอา มีฮีโระ รุ่นพี่และพ่อกับแม่ที่เข้าใจฉัน ฉันก็ไม่อยากจะไปค้นหาตัวของคนทำเลยสักนิด

“บางครั้งความจริงก็เป็นเรื่องยากที่เราจะยอมรับ แต่ผมก็ไม่อยากให้เรื่องมันต้องยาวไปกว่านี้ มันไม่ใช่แค่ครั้งนี้ แต่ก่อนหน้านั้น...”

“พอซะทีเถอะฮีโระ อยากให้พวกฉันเข้าใจผิดกันยังงั้นเหรอ เธออยากให้มุนอาเกลียดฉันจริงๆนะเหรอ ฉันไม่อยากฟังฮีโระขอร้อง อย่าพูดอะไรอีกเลย”

ฉันเดินออกมาจากห้องทันที ไม่เคยคิดเลยว่าตลอดมาฮีโระจะสงสัยมุนอา ไม่อยากจะคิดว่าหลายๆครั้งที่เขามาโรงเรียนก่อนก็เพื่อจะมาจับผิดมุนอาอย่างนั้นเหรอ เขาทำแบบนี้ได้ยังไง มุนอาเป็นเพื่อนของฉันนะ และเราก็เป็นเพื่อนรักกันมานาน ฉันจะกล้าคิดว่าเธอเป็นคนทำได้ยังไง และถึงแม้มีเพียงเศษของความรู้สึกที่คิดว่าจะเป็น ฉันก็จะไม่สนใจมันหรอก เพราะยังไงฉันก็ยังอยากเป็นเพื่อนของเธอ ฉันเดินตามหามุนอาไปทั่วโรงเรียน เธอไปอยู่ที่ไหนกันนะ ในเวลาแบบนี้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวมากๆเลยใช่ไหม มุนอา ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน ฉันวิ่งไปจนทั่วแต่กลับไม่เจอเงาของเธอเลย หรือว่าจะเป็นที่นั่น...

ฉันวิ่งขึ้นมาบนดาดฟ้า มุนอาอยู่ที่นั่นจริงๆ เธอกำลังนั่งกอดเข่าอยู่ตรงนั้น

“อย่าเข้ามานะ อย่าเข้ามาใกล้ฉัน”

มุนอาตะโกนออกมา เสียงของเธอเหมือนกับคนที่กำลังร้องไห้ มันทำให้ฉันอดเศร้าไปด้วยไม่ได้

“ถึงแม้ว่าฉันจะเป็นเพื่อนของเธอ เธอก็จะไม่ยอมให้ฉันเข้าไปหาเธอเลยเหรอ”

มุนอาค่อยๆหันมาชำเลืองดูฉัน

“เพราะเธอ ฉันถึงได้...”

“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆที่ทำให้เธอต้องเหนื่อยขนาดนี้”

ฉันเดินเข้าไปกอดเธอจากด้านหลัง ตอนนี้ฉันได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอชัดขึ้นและน้ำตาของฉันมันก็เริ่มทำงานโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกัน

“ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอจริงๆ ไม่ว่าใครๆก็เอาแต่สนใจเธอเพียงแค่คนเดียว ทั้งรุ่นพี่ ทั้งฮีโระ เธอแย่งทุกอย่างไปจากฉัน เธอได้ทุกอย่างที่ฉันไม่เคยได้ และสำคัญฉันเกลียดเธอ เพราะเธอมีฮีโระอยู่ข้างๆแต่เธอก็กลับไม่สนใจเขาแม้แต่น้อย ฉันเกลียดเธอจริงๆที่เห็นว่าเธอยังมีความสุขดี ฉันเกลียดเธอ”

มุนอาพูดทั้งน้ำตาในขณะที่ฉันยังคงกอดเธออยู่อย่างนั้น ในตอนนี้แม้ว่าฉันจะรู้ความจริงๆที่น่าตกใจว่าเป็นมุนอาเองที่แอบขุ่นเคืองกับฉัน แต่เมื่อได้ฟังเธอพูด ฉันเองก็มีส่วนผิดที่ทำให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยวด้วยเหมือนกัน ไม่ว่าเธอจะไม่ชอบใจหรือทำอะไรต่อมิอะไรที่ไม่ดีต่อฉัน ฉันก็คงจะโกรธเธอไม่ลง และฉันเองก็รู้สึกผิดต่อเธอจริงๆ

“ถึงเธอจะเกลียดฉัน แต่ฉันขออยู่เป็นเพื่อนที่เธอเกลียดไปจนกว่าเธอจะหายเกลียดฉันจะได้ไหม”

มุนอาไม่พูดเอาอะไร เธอเอาแต่กุมหน้าตัวเองร้องไห้และเสียงนั้นมันเศร้ามากๆ

“มุนอาเพื่อนของฉัน เธอมีแต่รอยยิ้มที่สดใสและกล้าหาญสำหรับฉันเสมอ ฉันชอบแววตาที่มุ่งมั่นของเธอนะ มันเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยทำได้ และขอโทษที่ฉันทำให้เธอรู้สึกแย่ ขอโทษจริงๆ”

มุนอาหันหน้ามาหาฉัน เธอคงโมโหมาก แต่แล้วเธอก็โผเข้ามากอดฉันก่อนที่จะร้องไห้โออย่างหนักออกมา

“ยัยคนบ้า ทั้งๆที่ฉันทำร้ายเธอ แต่เธอก็กลับมาขอโทษฉัน”

มุนอาตีที่หลังฉันเบาๆ ฉันรู้ว่าเธอคงรู้สึกแย่เอามากๆ

“ขอโทษ ฉันขอโทษจริงๆ ฮารุฉันขอโทษ”

ฉันโอบไหล่เธอเบาๆในขณะที่เธอเอาแต่ร้องไห้ออกมา ฉันคิดว่าเธอคงจะเป็นทุกข์กับเรื่องพวกนี้มากๆ

“ฉันก็ขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องเป็นทุกข์แบบนี้ ฉันขอโทษจริงๆ”

ข้างบนดาดฟ้าพระอาทิตย์ยามเช้ากำลังสาดแสงเกิดเป็นเงาของเราสองคนขึ้นเบื้องหลัง ฉันขอให้แสงแดดอ่อนๆนี้ช่วยปลอบใจให้พวกเราเข้มแข็งขึ้นด้วยเถอะ

และทั้งเช้าฉันกับมุนอาเราโดดเรียนกันทั้งคู่ ในขณะที่ทุกคนกำลังเรียนอยู่นั่น ดาดฟ้ากลายเป็นสถานที่ที่ทำให้ฉันและมุนอาได้ระลึกถึงความหลังต่างๆที่เราได้พบเจอมาด้วยกัน มุนอาขอโทษฉันในทุกๆเรื่องที่เธอทำ ทั้งเรื่องนมที่เธอเป็นราดมันบนโต๊ะ และเรื่องกระดาษที่โปรยในวันนี้ แต่ฉันก็บอกเธอแบบขำๆไปว่านั่นทำให้ชีวิตของฉันมีสีสันมากขึ้น ส่วนเรื่องที่ฉันถูกขังนั้นมันยากที่พวกเราจะเอ่ยขึ้นมาได้และฉันเองก็ไม่อยากจะพูดถึงมันอีก ฉันจึงไม่ได้ถามถึงเหตุผลว่าทำไมเธอถึงได้ทำแบบนั้น แต่หลังจากเรื่องราวต่างๆได้ผ่านไป เราสามารถเปิดใจพูดคุยเรื่องต่างๆกันได้มากขึ้น ฉันเล่าให้เธอฟังถึงเรื่องที่ได้ไปเที่ยวกับรุ่นพี่ รวมถึงเรื่องระหว่างฉันกับรุ่นพี่ที่มีบางอย่างที่แปลกไปในวันนี้ให้เธอฟังด้วย

“บางทีฉันเองก็อาจจะได้รับการโทษ เหมือนที่มุนอาว่าก็ได้ เพราะฉันเป็นแค่คนที่ได้รับแต่ไม่เคยได้สนใจคอนรอบข้างเลย เพราะฉันปล่อยให้เธอต้องรู้สึกโดดเดี่ยว และไม่ค่อยได้สนใจฮีโระเท่าไหร่ด้วย”

“เธอ หมายความว่ายังไง รุ่นพี่กลับมาเฉยชากับเธออีกแล้วเหรอ”

“อื้ม ฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่าเพราะอะไรเหมือนกัน ทั้งๆที่เมื่อวานก็ยังดีอยู่แท้”

“สาบานได้ แม้ว่าฉันจะบอกว่าเกลียดเธอ แต่ฉันไม่เคยอยากให้เธอกับรุ่นพี่ต้องมาเป็นแบบนี้นะ”

“มันไม่ใช่ความผิดของมุนอาหรอก”

มุนอานั่งฟังอย่างรู้สึกผิด เธอไม่คิดว่าในวันที่เธอได้ทำเรื่องที่เลวร้ายลงไป จะเป็นการตอกย้ำให้ฉันยิ่งรู้สึกแย่ แต่ฉันก็ปฏิเสธและบอกเธอไปว่าฉันไม่ได้คิดว่าเป็นความผิดเธอจริงๆ และเธอยังเปิดใจถึงเรื่องฮีโระว่าเธอชอบเขามาก แต่ความจริงที่เธอรู้คือ เขาคิดกับเธอแค่เพื่อนเพราะเขามีคนที่ชอบอยู่แล้ว ตอนนี้เธอก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เธอจึงอยากชอบเขาไปอย่างนี้เรื่อยๆจนกว่าความรู้สึกเหล่านี้จะค่อยๆจืดจางไป

“พวกเราจะยังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมได้ใช่ไหม”

มุนอาเอ่ยถามขึ้น ฉันสัมผัสได้ถึงความกังวลในน้ำเสียงของเธอ

“ไม่เหมือนเดิมหรอก... เพราะพวกเราจะสนิทกันมากขึ้น และเราจะรักกันมากกว่าเดิมต่างหาก” ^^




The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ


>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 14 : คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก

รุ่นพี่ส่งฉันกลับบ้านก่อนที่จะเย็นตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ “ขอบคุณสำหรับตุ๊กตาและวันที่สนุกๆแบบนี้นะคะ ฉันจะดูแลเจ้าเด็กน้อยเป็นอย่างดี...

วันพุธที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560



รุ่งเช้าของวันเสาร์ เนื่องจากนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฮีโระไม่ได้ตั้งปลุกในวันเสาร์อาทิตย์ ปกติในวันหยุดแบบนี้ฉันจะได้นอนตื่นสายยาวๆโดยไม่มีใครรบกวน แต่ก็มีเรื่องที่น่าแปลกอยู่ 2 เรื่องนั้น อย่างที่หนึ่งคืออยู่ดีๆฉันก็อยากจะตื่นให้เช้ากว่าปกติ และเรื่องที่น่าแปลกเรื่องที่สอง ในขณะที่ฉันกำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่

“ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง”

แม่ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปเปิดประตู

“นี่ เป็นเธออีกแล้วเหรอ ฉันว่าฉันได้พูดจนชัดเจนดีแล้วนะ”

“ผมขอเวลาแค่วันนี้วันเดียวครับ แล้วผมจะพาเธอมาส่งก่อนจะเย็น”

“นี่เธอ... หวังว่าเธอคงจะไม่ลืมคำพูดของตัวเองนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”

เสียงแม่กำลังสนทนากับใครบางคนที่หน้าบ้าน พ่อกระซิบบอกกับฉันว่า

“พ่อเข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเราก็หวังว่าลูกคงจะเข้าใจเราในสักวันหนึ่ง ลูกก็รู้ว่าพ่อกับแม่รักลูกขนาดไหน เราไม่อยากจะเห็นลูกต้องเสียใจหรอก”

“หมายถึงอะไรคะพ่อ หรือพ่อกับแม่คิดว่ารุ่นพี่ไม่ดีเหรอคะ”

“สายตาของพ่อดูแค่แปบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่มันมีเหตุผลที่มากกว่านั้น ซึ่งลูกควรจะค้นพบมันด้วยตัวเอง”

พ่อหยุดพูดและรีบตักข้าวต้มต่อเมื่อเห็นว่าแม่เดินกลับเข้ามาแล้ว

“มีคนรอลูกอยู่ที่หน้าบ้าน แม่ไม่ได้เห็นดีด้วยหรอกนะ แต่ลูกต้องกลับมาก่อนจะเย็น”

แม่พูดเชิงเป็นการออกคำสั่ง ฉันชักสงสัยว่าคนๆนั้นเป็นใคร หลังจากที่ฉันเก็บจานเสร็จจึงรีบเดินออกไปดู

“รุ่นพี่... มาได้ไงคะเนี่ย”

ฉันแปลกใจมากเมื่อเห็นรุ่นพี่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกไม้ช่อที่ไม่ใหญ่นัก แต่มันน่ารักมากในสายตาฉัน รุ่นพี่ยิ้มน้อยๆและส่งดอกไม้มาให้ฉัน

“ไปเที่ยวกันนะ”

ฉันรับดอกไม้จากรุ่นพี่ แม่เปิดประตูออกมาอีกครั้ง และตะโกนบอกฉัน

“ฮีโระออกจากบ้านแต่เช้าทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์ ถ้าลูกไม่ใช่คนใจดำ ลูกน่าจะตามไปดูว่าเขามีปัญหาอะไรหรือปล่าว”

แม่กลับเข้าบ้านและประตูก็ปิดลง ฮีโระไปที่ไหนตั้งแต่เช้ายังงั้นเหรอ ฉันหันมองไปทางรุ่นพี่ซึ่งกำลังมองมาที่ฉันเหมือนกัน น่าแปลกนะที่อยู่ดีๆรุ่นพี่ก็มาชวนฉันออกไปเที่ยว ฉันยังคงมองรุ่นพี่อยู่แบบนั้น เพราะยังไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ดีว่าสิ่งที่ฉันเหมือนจะคิดและฝันเอาเอง ว่าในสักวันหนึ่งเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน มันจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงได้ในวันนี้

“เล่นจ้องกันซะขนาดนี้ ผมก็เขินเป็นนะ ไปกันเถอะ”

รุ่นพี่ยื่นมือมาจับมือของฉัน ฉันยิ้มและพยักหน้าให้กับรุ่นพี่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร สำหรับฉันคนที่ฉันได้แต่นอนแล้วก็อธิษฐานว่าคืนนี้ขอให้ฝันถึงเขา ตอนนี้เขากลับมาอยู่ต่อหน้าฉัน จับมือฉัน แล้วเราก็ได้เดินไปด้วยกัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่อยากจะเชื่อ และฉันคิดว่าฉันเองก็คงจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าคนที่ผ่านไปมาอาจจะคิดว่าฉันบ้า แต่ว่าฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีจริงๆ โชคดีมากๆขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่

“ขอโทษนะ ถ้ารู้ว่าเวลาที่ฮารุยิ้มแล้วจะสวยขนาดนี้ ผมน่าจะจับมือของฮารุไว้ให้เร็วกว่านี้”

รุ่นพี่พูดออกมาพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อย ฉันได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ที่จริงแล้ว ฉันแทบอยากจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะฉันเสียใจหรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ เพราะฉันไม่เคยคิดว่า รุ่นพี่จะหันมามองฉัน แค่สักครั้ง ฉันเองก็ยังไม่กล้าที่จะคิด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือนานกว่านี้ ฉันก็รอได้ค่ะรุ่นพี่

ฉันและรุ่นพี่เดินมุ่งหน้าไปยังที่หนึ่ง ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่พูดอะไรกันมาก แต่เพราะเมื่อวานนี้พวกเราเพิ่งทำประตูห้องพัง ฮีโระก็คงจะไปไหนไม่ได้ นอกซะจากว่าเขาจะไปที่โรงเรียน เมื่อมาถึงที่โรงเรียนพวกเราก็เห็นเงาของฮีโระที่งกๆเงิ่นๆกับบานประตูที่หลุดอยู่ โชคดีที่แค่เปลี่ยนบานพับไม่ได้เปลี่ยนทั้งประตู ฉันกับรุ่นพี่เดินไปที่ด้านหลังฮีโระที่ยังไม่รู้ตัว

“ทำอะไรเหรออยู่เหรอ”

ฉันแกล้งโผ่ลหน้าไปที่ด้านข้างฮีโระซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาตอกประตูอยู่จนเขาตกใจ

“เฮ้ย ฮารุเองเหรอ ตกใจหมดเลย มาได้ไงเนี่ย”

เขาถามขึ้นขณะที่มองตามมือที่ฉันชี้ไปทางรุ่นพี่

“พวกเรามาช่วยน่ะ เพราะยังไงซะมันก็เป็นฝีมือพวกเราไม่ใช่เหรอ”

รุ่นพี่พูดขึ้นพร้อมๆกับมองหาอุปกรณ์ที่จะมาช่วยฮีโระซ่อมประตู ฉันนั่งดูอยูห่างๆเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะพวกเขามากนัก

“อยากจะรู้จริงๆว่าเป็นฝีมือของใคร ตอนแรกก็กะว่าคงจะเป็นลุงภารโรงที่มาปิดห้องโดยที่ไม่ได้ดูคนซะอีก”

“แล้วไม่ใช่ลุงภารโรงหรอกเหรอที่ล๊อคประตูน่ะ”

“ผมไปถามแกเมื่อเช้า แกบอกว่าแกไม่ได้เป็นคนล๊อก แถมแกยังลืมล๊อคทุกห้องด้วย” = =

แล้วใครเป็นคนทำกันนะ ฉันเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกที แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาตัวคนทำได้ยังไง เฮ้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากจะรู้ว่าใครเป็นทำ ก็เพราะไม่อยากรู้สึกว่ามีคนเกลียดฉันมากถึงขนาดที่อยากจะแกล้งฉันขนาดนี้ แต่ฉันยังคงจดจำเงาของใครบางคนที่อยู่ข้างนอกตอนที่ฉันถูกขังได้ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ความรู้สึกที่เป็นคนคุ้นเคยก็ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด เหมือนจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็พูดไม่ออก และได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้มีใครที่รู้สึกแบบนั้นกับฉันอีกเลย เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ดูน่ากลัวมากๆ

“ในระหว่างนี้ ฮารุไปหาซื้ออะไรเย็นๆก่อนดีไหม ฮีโระคงหิวน้ำแล้ว เดี๋ยวผมจะช่วยเขาที่นี่”

“รุ่นพี่ก็ไปกับฮารุด้วยสิครับ ผมซ่อมตรงนี้เอง อีกสักแปบก็เสร็จแล้ว”

“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”

ฉันรีบลุกออกจากที่นั่งและเดินไปที่ตู้กดน้ำ อย่างน้อยๆฉันก็ได้ช่วยซื้อน้ำให้เขาพวกเขาแทนที่จะนั่งดูเฉยๆ

“เอาน้ำอะไรให้ฮีโระกับรุ่นพี่ดีนะ”

ส้ม สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ล กีวี่ มะนาว หรือน้ำมะพร้าวดี ถ้าเดาจากนิสัยสองคนก็เหมือนจะนิสัยคล้ายๆกัน ถ้ายังงั้น เอาเป็นฮีโระกีวี่ รุ่นพี่มะนาว แล้วของฉันก็เป็นแอปเปิ้ลดีกว่า ฉันหยอดเหรียญและกดเลือก แล้วฉันก็ได้น้ำผลไม้มาแล้วสามกระป๋อง ฉันเดินกลับเข้าไปที่โรงเรียน รุ่นพี่กับฮีโระอยู่ไม่ไกลจากที่ฉันยืนอยู่มากนัก พวกเขากำลังช่วยกันอย่างขมักขะเม้น แต่พอฉันมองจากไกลๆแบบนี้ รัศมีของพวกเขาเปล่งประกายและดูดีราวกับเป็นดารานายแบบเลยทีเดียว ถ้ามีใครบอกว่ารุ่นพี่กับฮีโระเป็นพี่น้องกัน ฉันจะต้องเชื่อแน่ๆ

“”น้ำเย็นๆมาแล้วค่ะ นี่มะนาวของรุ่นพี่ กีวี่ของฮีโระ ส่วนแอปเปิ้ลของฉันค่ะ”

ฉันจัดแจงหยิบน้ำผลไม้ออกมาแจกให้กับทั้งคู่ ตอนนี้ประตูซ่อมใกล้เสร็จแล้วสินะ ฮีโระซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นในขณะที่พัก

“รุ่นพี่กับฮารุไปกันเถอะ ที่เหลือเดียวผมจัดการเอง เหลือแค่ตอกตะปูตรงนี้อีกที่เดียว”

เขาชี้ตรงจุดที่ค้างอยู่

“เอางั้นเหรอ งั้นก็ฝากด้วยนะ ไปกันเถอะฮารุ”

รุ่นพี่ลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้ฉันจับและดึงฉันลุกขึ้น ฮีโระยิ้มให้ฉันพร้อมกับโบกมือในขณะที่ยังดูดน้ำผลไม้ที่ฉันซื้อให้ ที่จริงฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะที่จะได้ไปเที่ยวกับรุ่นพี่ แต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะทิ้งให้ฮีโระต้องอยู่เพียงลำพัง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันหันหลังกลับไปมองฮีโระอีกครั้ง หน้าเศร้าของเขาดูไม่เหมาะกับเขาเลยแต่พอเขาเห็นว่าฉันมองอยู่ เขาก็เผยรอยยิ้มและโบกมือให้ฉันอีกครั้ง พวกเราเดินออกมาจากโรงเรียนโดยที่ฉันไม่รู้ว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อ รุ่นพี่โบกรถเมลล์และพวกเรานั่งรถมาแถวๆตัวเมือง ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้คนมากมาย

“ฮารุเคยเล่นเกมส์ตู้มั้ย”

รุ่นพี่ถามขึ้นในขณะที่พวกเรายืนอยู่หน้าร้านเกมส์ตู้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาที่นี่ ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย ปกติที่ฉันเคยไปกับมุนอาก็แค่ร้านคาราโอเกะใกล้บ้านเท่านั้นเอง

“ป่ะ งั้นเราไปลองเล่นกันดูดีกว่า เห็นแบบนี้ผมเล่นเกมส์เก่งนะ”

รุ่นพี่รีบคว้ามือของฉันและมุ่งตรงเข้าไปในร้าน ตอนนี้ในร้านมีทั้งเด็กประถมและมัธยมปะปนกันไปหมด แต่ที่น่าแปลกใจคือมีเด็กนักเรียนผู้หญิงด้วย ซึ่งฉันเคยคิดว่าร้านเกมส์แบบนี้คงจะมีแต่เด็กผู้ชายมากันแน่ๆ

“น่าสนุกใช่ไหมล่ะ”

รุ่นพี่ในตอนนี้ดูสดใสมากๆ เขาจูงมือฉันไปที่ตู้ UFO ที่ฉันเคยเห็นบ่อยๆแต่เท่าที่เคยแอบมองคนอื่นเล่นมันไม่เคยมีครั้งไหนที่จะได้ตุ๊กตาเลยสักครั้ง

“นี่ๆเธอดูผู้ชายคนนั้นสิเธอ หล่อมากเลยอ่ะ”

“ไหนๆ เธอก็หลีกฉันหน่อยสิ ว้าย หล่อจริงๆด้วยอ่ะ เสียดายมีแฟนแล้ว”

“แต่แฟนก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่หรอกนะ ก็งั้นๆแหละ ฮะฮะ”

กลุ่มสาวๆที่ตอนนี้อยู่ในตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติพูดกันอย่างสนุกสนาน สำหรับฉัน ฉันก็ไม่เคยจะแคร์กับคำพูดของพวกเขาสักเท่าไหร่หรอก เพราะแค่ฉันได้มากับรุ่นพี่ก็ถือว่าฉันโชคดีมากๆแล้วล่ะ แต่รุ่นพี่จู่ก็หยุดเดินและพาฉันไปที่ตู้ถ่ายรูปที่พวกเธออยู่แทน

“ขอบคุณครับที่เห็นพวกเราในสายตา แต่จะดีมากๆถ้าพวกคุณจะไม่พาดพิงถึงเธอ เพราะเธอเป็นคนที่พิเศษมากๆสำหรับผม”

รุ่นพี่พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆให้ แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนจะดูดุนิดๆแต่ฉันคิดว่าพวกเธอคลั่งไคล้มากกว่าที่จะกลัวรุ่นพี่นะ

“อ่อ ขอโทษค่ะ คือพวกเราก็แค่พูดเล่นๆไม่ได้คิดอะไรจริงจัง อย่าซีเรียสเลยนะคะ เดี๋ยวหน้าหล่อๆจะดูไม่ดี”

ผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาหวานให้กับรุ่นพี่ รุ่นพี่จูงมือฉันกลับมาที่ตู้ UFO ตามเดิม แต่หูเจ้ากรรมฉันก็ยังคงได้ยินเสียงพวกเธอพูดกันลอยตามมาอยู่

“หล่อ แถมหยิ่งแบบนี้ สเป็คเลยล่ะ”

“ต๊าย สำหรับฉันขอแค่ได้หน้าตาแบบนี้ นิสัยยังไงฉันก็รับได้แหละเธอ เห็นแล้วอยากจะกรี๊ดสลบจริงๆ”

จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้ต่างจากพวกเธอนักหรอก เพราะตอนที่ฉันได้เจอรุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรก ฉันก็คิดว่านี่คงเป็นเทพบุตรมาเกิดซะมากกว่าจะเป็นมนุษย์ แต่ที่ฉันปลื้มต่อจากนั้นก็เห็นจะเป็นนิสัยของรุ่นพี่ที่ดีมากๆ (เหมือนกับหน้าตาของเขาเปี๊ยบเลย) ^^

“อืม ฮารุชอบตัวไหนเป็นพิเศษไหม”

“ฉัน...เลือกได้เหรอคะ”

“อื้ม เลือกได้ตามใจชอบเลย ผมอยากให้ฮารุเป็นของขวัญ”

“รุ่นพี่ใจดีกับฉันมากเกินไปหรือเปล่าคะเนี่ย บางทีฉันก็รู้สึกแปลกๆ”

ฉันพูดพลางเอามือเกาหัวเบาๆ เพราะจากคนที่เย็นชากับฉันมาก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เขาใจดีกับฉันสุดๆ ฉันควรจะเผื่อใจบ้างสักนิดดีไหมนะ

“ผมก็แค่อยากทำดีกับฮารุให้มากๆ เพราะถ้าหากมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผมอาจจะไม่ได้ทำให้ฮารุอีกแล้วก็ได้”

รุ่นพี่พูดและพยายามฝืนยิ้ม มันมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูดนั้นหรือเปล่านะ รุ่นพี่ยังคงคะยั้นคะยอให้ฉันเลือกตุ๊กตาต่อไป ในตู้มีตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบ ทั้งตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาเด็กผู้หญิง ตุ๊กตาหน้าผลไม้ ฉันเลือกไม่ถูกจริงๆ อืม ตัวไหนดีนะ

“ฉันอยากได้ตัวที่รุ่นพี่เลือกให้ค่ะ เป็นตัวอะไรก็ได้ ถ้าได้จากรุ่นพี่ฉันก็ดีใจมากๆแล้ว”

“เอางั้นเหรอ อืม งั้นเอาเป็นตัวนี้ละกันนะ”

รุ่นพี่ชี้ไปที่ตุ๊กตาเด็กผู้ชายใส่หมวกและใส่ชุดเอี๊ยมน่ารักๆตัวหนึ่ง รุ่นพี่เริ่มหยอดเหรียญลงไป และเลื่อนให้ตรงตำแหน่ง ฉันยืนดูอย่างใจจดใจจ่อ

“ขอให้ได้ทีเถอะนะ”

รุ่นพี่พึมพำออกมา ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่ารุ่นพี่ก็มุมที่น่ารักๆแบบนี้กับเขาด้วย ตอนนี้ดูเหมือนรุ่นพี่จะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะจับเจ้าตุ๊กตาเด็กชายมาให้ได้ เครื่องเริ่มทำงานและหยุดตรงตำแหน่งที่เลือก มันค่อยๆเลื่อนลงมาที่ตุ๊กตาและจับตุ๊กตานั้นขึ้น

“มัน ขึ้นมาแล้วค่ะรุ่นพี่”

ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังส่งกระแสจิตอย่างรุนแรงไปที่ตุ๊กตาที่ตอนนี้รอแค่ให้มันปล่อยลงที่ช่องเท่านั้น แต่ว่า...แป่ว มันดันหลุดมือซะก่อนที่จะถึงช่องซะได้

“ว้า”

“ว้า”

พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะใหญ่ ความรู้สึกผิดหวังนี้เราสามารถรับรู้มันได้เหมือนๆกัน

“ครั้งนี้ขอให้ได้ทีเถอะ”

รุ่นพี่ดูเหมือนคนที่กำลังจะปลุกเสกคาถาลงในเหรียญเพื่อให้ได้ตุ๊กตายังไงยังงั้น เขาหยอดเหรียญและเลื่อนมือไปที่ตำแหน่งตุ๊กตาเด็กชายอีกครั้ง

“ตรงนี้แหละ”

รุ่นพี่กดปุ่มอีกครั้งเพื่อให้เครื่องหยุดตรงตำแหน่งและจับที่ตุ๊กตา และตอนนี้มันจับขึ้นมาได้แล้ว และระยะที่จะถึงช่องก็ใกล้มากขึ้น ฉันยกมือขึ้นมากุมโดยไม่รู้ตัว รุ่นพี่เองก็จ้องมันอย่างไม่กระพริบ และสุดท้า



ปึก!!!!!!!!!!

เสียงตุ๊กตาหล่นลงมาที่ช่อง

”เย้ พวกเราทำสำเร็จแล้วฮารุ”

ฉันและรุ่นพี่กระโจนเข้าจับมือกันด้วยความดีใจ จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีหน้าของพวกเราก็ใกล้กันมากๆ >///<

” ไหนขอดูหน่อยสิว่าตุ๊กตาเด็กน้อยของผมน่ารักไหม”

รุ่นพี่หยิบตุ๊กตาขึ้นมาจากช่องรับตุ๊กตาและเอามาเทียบหน้ากับตัวเอง

“ดูสิว่าหน้าเหมือนผมไหม ไว้เวลาที่ฮารุมีเรื่องไม่สบายใจ ให้ตุ๊กตาเด็กชายคนนี้เป็นคนรับฟังนะ”

รุ่นพี่ยื่นตุ๊กตามาให้ฉัน ฉันรับมันไว้แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหมือนรุ่นพี่แต่หน้าตาของมันก็น่ารักน่าชังทีเดียว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ รุ่นพี่เอื้อมมือมาจับที่หัวฉันเบาๆ

“กอดตุ๊กตาแบบนี้ ฮารุดูเหมือนเด็กเลยล่ะ น่ารักจัง”

รุ่นพี่พูดในขณะที่ทำท่าเขินไปด้วย รุ่นพี่จะรู้ตัวไหมนะว่ารุ่นพี่ก็น่ารักมากๆเหมือนกัน เราย้ายจากตู้ UFO ไปที่แท่นทุบตัวตัวตุ่นที่สลับกันโผล่ออกมาซึ่งพี่กับรุ่นพี่ช่วยกันทุบจนค้อนแทบจะหลุด พวกเราหัวเราะคิกคักกันก่อนที่จะแอบเอาค้อนอันที่เสียซ่อนไว้และย้ายไปเล่นขว้างลูกบอลให้โดนเป็ด แล้วก็ไปเล่นเกมส์เต้นที่ฉันเงอะงะที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา

“เราไปถ่ายรูปสติ๊กเกอร์กันก่อนกลับดีไหม”

“ดีเหมือนกันค่ะ”

ฉันตื่นเต้นมาก ในที่สุดฉันก็จะได้มีรูปของรุ่นพี่เก็บไว้ดู ไม่ต้องคอยจินตนาการอยู่ในความฝันอีกต่อไปแล้ว พวกเราเข้าไปในตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์แล้วโพสต์ท่าอยู่สามสี่ท่าซึ่งฉันคิดว่าทั้งฉันและรุ่นพี่ดูตลกๆทั้งคู่ แล้วพวกเราก็แบ่งรูปกันไว้คนละแผ่น

“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เวลาที่เรามีความรัก มันดีอย่างนี้เอง ถ้าเวลาหยุดอยู่แค่นี้ได้ ก็คงดี”

รุ่นพี่พูดขึ้นในขณะที่เรานั่งทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหาร

“สำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันเหมือนความฝันและน่าดีใจมากกว่ารุ่นพี่เป็นสิบเท่าเลยล่ะค่ะ”

“พูดแบบนี้เหมือนว่าให้ผมดีใจน้อยกว่าฮารุเลยแฮะ รู้ไหมว่าผม ก็...แอบมองฮารุมานานแล้วเหมือนกันนะ”

“จริงเหรอคะ O.O ฉันคิดว่ารุ่นพี่เกลียดฉันซะอีก”

“ขอโทษนะ ผมอาจจะเป็นพวกที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันพรุ่งนี้ผมอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ฮารุไม่เคยรู้จักก็ได้”

รุ่นพี่พูดราวกับว่าวันพรุ่งนี้เราจะไม่เหมือนเดิม ฉันหวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องตลกที่จะไม่กลายเป็นความจริง

พวกเรานั่งพูดคุยกันอย่างเนิ่นนานราวกับคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี หลากหลายเรื่องราวที่ต่างคนต่างก็อย่างจะเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่อยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และตอนนี้ฉันได้เห็นรุ่นพี่ในอีกแบบที่ฉันไม่เคยเห็น และได้รู้จักรุ่นพี่ในอีกมุมมองหนึ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตาจริงๆ รุ่นพี่บอกว่า ทุกๆที่ที่เขามอง มักจะเห็นฉันในนั้นเสมอ มันเหมือนโชคชะตาที่ทำให้เราใจตรงกันและฉันก็คิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ

รุ่งเช้าของวันเสาร์ เนื่องจากนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฮีโระไม่ได้ตั้งปลุกในวันเสาร์อาทิตย์ ปกติในวันหยุดแบบนี้ฉันจะได้นอนตื่นสายยาวๆโดยไม่...

วันเสาร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560



ฉันวิ่งมาถึงห้องแล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะ สำรวจดูใต้โต๊ะดูว่ามันอยู่ในนั่นหรือปล่าว แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีโทรศัพท์อยู่ใต้โต๊ะเลย ฉันก้มลงเพื่อมองลอดไปยังใต้โต๊ะคนอื่นๆแต่ก็ไม่เจอโทรศัพท์ บนพื้นมีเพียงความว่างเปล่า แต่แล้วในขณะที่ฉันกำลังง่วนอยู่กับการหาโทรศัพท์ เสียงบางอย่างก็ดังขึ้นอยู่ไม่ไกล

“ปังงงงง แกร๊ก” มันเป็นเสียงของประตูที่ถูกปิดลง ตามด้วยเสียงล๊อคกุญแจ ฉันหันกลับไปมองที่ประตูทั้งสองด้าน ปรากฏเงาของใครคนหนึ่งอยู่ข้างนอก

“ไม่นะ”

ฉันรีบวิ่งไปที่ประตูและเขย่าสุดแรง

“นี่ เธอเป็นใคร เปิดประตูเดียวนี้นะ เปิดประตู”

ฉันทั้งเขย่าและทุกประตูอยู่หลายรอบ ทุบจนรู้สึกราวกับว่ามือจะพองและร้อนพ่าวที่มือ เงาของใครคนนั้นได้หายไปจากหลังประตูแล้ว ฉันไม่รู้ว่าคนๆนั้นเป็นใครและทำเพื่ออะไร และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ควรจะทำยังไงด้วย

“มีใครอยู่ข้างนอกไหมคะ ฉันยังอยู่ในนี้ค่ะช่วยฉันด้วย มีใครอยู่ไหม”

ฉันตะโกนออกไปสุดเสียงแต่ก็ไม่มีใครตอบรับ ข้างนอกคงกลับบ้านกันไปหมดแล้ว ฉันจะทำยังไงดีฉันไม่อยากอยู่ในห้องนี้ทั้งคืนหรอกนะ

“ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยฉันด้วย ฉันติดอยู่ในนี้” ปัง ปัง ปัง ปัง

ฉันตะโกนสุดเสียงพร้อมกับทุบประตูอย่างเต็มแรง ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อยและกลัวมากๆ มือของฉันเริ่มบวมแดงขึ้น

ปัง ปัง ปัง “มี...ใคร...ได้ยิน...ฉัน...บ้างไหม... ช่วยด้วย”

ฉันทุบประตูครั้งแล้วครั้งเล่า และตะโกนซ้ำๆอยู่อย่างนั้นจนแทบจะหมดแรง ตอนนี้ฮีโระจะตามหาฉันไหมนะ หรือว่าเขาจะกลับบ้านไปแล้ว แต่ทำไมมีบางอย่างทำให้ฉันรู้สึกว่าฮีโระกำลังตามหาฉันอยู่นะ

“ฮีโระ ช่วยฉันด้วย” ฉันรวบรวมพลังแล้วทุบประตูอีกครั้ง ตอนนี้เวลาผ่านไปเกือบสิบห้านาทีแล้ว ฉันกลัวความเงียบและความมืดด้วยนะ ฉันไม่อยากอยู่แบบนี้จริงๆ

“ช่วย... ด้วย”

ตอนนี้ฉันกลัวจนกลั้นน้ำตาไว้ไม่ไหว ตะโกนจนเสียงไม่มีแล้ว แถมมือก็เจ็บมากด้วย แต่ฉัน... ก็อยากออกไปจากที่นี่

ทันใดนั้น..

“คูรูรุ คูรูรุ มีคนโทรมา ช่วยรับโทรศัพท์ทีครับ คูรูรุ คูรูรุ มีคนโทรมา ช่วยรับโทรศัพท์ทีครับคูรูรุ คูรูรุ มีคนโทรมา ช่วยรับโทรศัพท์ทีครับ” ครืด ครืด

เสียงที่เปรียบดังสวรรค์มาโปรดก็ดังขึ้น มันเป็นเสียงที่คอยปลุกให้ฉันตื่นในทุกเช้า ฉันรีบลุกตามหาต้นเสียง มันอยู่ใกล้ๆกับโต๊ะของฉัน ครืด ครืด เสียงสั้นและเสียงเรียกเข้านั้นยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ฉันรีบค้นใต้โต๊ะด้วยการดึงหนังสือของมาทีละเล่ม “คูรูรุ คูรูรุ มีคนโทรมา ช่วยรับโทรศัพท์ทีครับ”ครืด ครืด

“เจอแล้ว” โทรศัพท์ที่ฮีโระให้ฉัน ทำให้น้ำตาแห่งความกลัวและความดีใจไหลออกมาพร้อมกัน ฉันรีบกดรับโทรศัพท์ทันที

ติ๊ด “ฮารุตอนนี้อยู่ที่ไหนอ่ะ ผมรอตั้งนานไม่เห็นฮารุกลับมาเลย ผมเป็นห่วงนะ เรากลับบ้านกันเถอะ ฮารุ ฮารุ ได้ยินผมไหม เกิดอะไรขึ้น ตอบผมสิ”

“ฮีโระ ช่วยฉันด้วย”

ฉันกลั้นน้ำตาและพยายามพูดออกมาอย่างแผ่วเบา หลังจากที่ฉันบอกฮีโระ เขาก็รีบบอกฉัน

“ไม่ต้องกลัวนะ เดี๋ยวผมจะไปหาเดี๋ยวนี้แหละ”

แล้วฉันก็ได้ยินเสียงวิ่งและเสียงหอบเข้ามาในโทรศัพท์โดยที่ยังไม่ได้วางสาย เขาตั้งใจจะไม่วางสายเพื่อไม่ให้ฉันกลัวสินะ “ขอบคุณนะฮีโระ” ฉันนั่งลงข้างล่างใกล้ๆกับโต๊ะของตัวเอง ในมือตอนนี้กุมโทรศัพท์มือถือที่ฮีโระให้ไว้แน่น ก่อนที่จะปาดน้ำตาที่ไหลออกมานั้นออก สักพักก็มีเสียงใครบางคนอยู่ข้างนอก

“ฮารุ เป็นอะไรไหม ไม่ต้องกลัวนะ ผมอยู่ที่นี่แล้ว รอแปบเดียวผมจะพยายามเปิดประตูให้เดี๋ยวนี้แหละ”

ปัง ปัง ปัง ประตูถูกทุบและเขย่าอยู่หลายครั้ง แต่มันก็ไม่ถูกเปิดออก

“ฮีโระ เกิดอะไรขึ้นเหรอ”

เสียงใครอีกคนซึ่งอยู่ข้างนอกถามฮีโระขึ้น

“ฮารุติดอยู่ข้างใน ไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องบ้าๆนี่”

“ไหนขอลองดูหน่อย”

เสียงนี้ เสียงของรุ่นพี่นี่นา เขามาที่นี่ได้ยังไง ตอนนี้พวกเขากำลังช่วยกันพยายามพังประตูอยู่

“ฮารุ ได้ยินไหม ตอบผมหน่อย”

เสียงรุ่นพี่ตะโกนออกมา

“ค่ะ รุ่นพี่ ฉันไม่เป็นไร”

ไม่เป็นไร ฉันไม่เป็นไร เพราะฮีโระกับรุ่นพี่อยู่ที่นี่แล้ว เสียงเขย่าประตูยังคงดังอยู่อย่างนั้น

“ผมว่าเบาๆคงเอาไม่อยู่แล้วล่ะ ผมชักรำคาญไอ้ประตูบ้านี่เต็มทนละ โธ่เว้ย!!!”

ปัง ปัง ปัง ฮีโระดูเหมือนจะเริ่มโมโหมากขึ้นเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีแล้ว แต่ประตูก็ยังเปิดไม่ได้ ตอนนี้ความมืดเข้าปกคลุมเข้ามาเรื่อยๆ ฉันไม่สามารกลุกขึ้นจากที่ตรงนี้ได้เลย

“รุ่นพี่ ผมว่าไม่ไหวแล้วล่ะ หลีกไปก่อนครับ”

เสียงฮีโระผุดขึ้น เหมือนเขาจะเปลี่ยนมาทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่แค่การทุบ

“ปึ๊ง... ปึ๊ง....”

“โธ่เว้ย ทำไมมันไม่ยอมเปิดสักทีวะ”

เขาสบทขึ้นมาจนฉันสะดุ้งขึ้น ฉันไม่เคยเห็นฮีโระเป็นแบบนี้มาก่อน เสียงกระแทกประตูยังคงดังต่อไป

“เลือดนี่ ฮีโระ นี่มือนายกำลังเป็นแผลนะเนี่ย มาเดี๋ยวฉันช่วยอีกแรง มานับแล้วออกแรงพร้อมๆกันนะ”

“OKนะ 1 2 3” โครม!!!

เสียงประตูที่หลุดออก แสงสว่างที่ด้านนอกส่องเข้ามาในห้องที่มืดมิดที่ฉันอยู่ เงาของคนสองคนที่ยืนหอบอยู่ตรงนั้น และเมื่อประตูเปิดออก หนึ่งคนในนั้นเดินเข้ามาหาฉัน ตอนนี้ฉันพยายามปาดน้ำตาออกอีกครั้งแต่ฉันก็ไม่สามารถมองลอดผ่านน้ำตาพวกนั้นได้ มีใครบางคนเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆฉัน มือสองข้างกุมไหล่ฉัน

“ไม่เป็นไรนะฮารุ”

ภายในอ้อมกอดที่อบอุ่นนั้น ฉันรู้แต่เพียงว่าเป็นอ้อมกอดที่อบอุ่นมาก ฝ่ามือนั้นกำลังลูบผมฉันปลอบเพื่อปลอบใจ

“ไม่ต้องกลัวนะ ฉันอยู่นี่แล้วฮารุ เธอไม่เป็นไรนะ”

น้ำตาที่ไหลออกมาจนเหือดแห้งของฉันที่ตอนนี้ทำให้ฉันเริ่มมองเห็นเงาของใครบางคนที่หน้าประตูอย่างลางๆ คนๆนั้นกำลังหันหลังเดินออกไปช้าๆ


เปาะ แปะ เปาะ แปะ~~

ท่ามกลางสายฝนที่ค่อยๆโปรยปรายลงมาทีละน้อย ฉันกับรุ่นพี่กำลังเดินอยู่บนทางเดิน ตอนนี้สองข้างทางมีแสงไฟข้างถนนและไฟจากรถที่ผ่านไปมาเป็นครั้งคราว สายฝนยังคงโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย หากแต่เป็นเพียงละอองฝนบางๆทีมองผ่านๆมันก็ดูสวยงามดีเมื่อสะท้อนกับแสงไฟ

“ฮารุ ไม่เป็นไรนะ”

“ค่ะ ตอนนี้ฉันไม่เป็นไรแล้ว ขอบคุณรุ่นพี่มากๆนะคะ”

ตอนนี้บนทางเดินมีเพียงฉันและรุ่นพี่เพียงสองคน เพราะหลังจากที่ประตูถูกเปิดออก ฮีโระก็หายไป เขาไม่คิดจะอยู่เจอฉันสักหน่อยเลยหรือไงนะ

“แล้วรุ่นพี่รู้ได้ยังไงคะว่าฉันติดที่ห้องนั้น”

“ก็เพราะรอฮารุที่โรงยิมนานแล้วแต่ไม่เจอ หลังซ้อมเสร็จก็เลยคิดว่าจะลองออกมาตามหาดู แต่ก็เจอฮีโระเหมือนกำลังตกใจมาก ก็เลยคิดอยู่ว่าคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ ก็เลยลองวิ่งตามฮีโระมา”

จริงๆแล้วฉันต้องขอบคุณโทรศัพท์ของฮีโระที่ช่วยฉันไว้ ไม่อย่างนั้น ฉันคงไม่รู้ว่าเย็นนี้ฉันจะเป็นยังไง

“เรื่องฮีโระน่ะ ถามอะไรได้ไหม”

“มีอะไรเกิดขึ้นกับฮีโระเหรอคะ”

“อ๋อ ป่าวหรอก เพียงแค่อยากรู้ว่า... ฮารุกับฮีโระกำลังคบกันหรือเปล่า... ก็เท่านั้นเองอ่ะนะ”

รุ่นพี่หยุดเดินในขณะที่มือยังคงกางร่มสีเหลืองคันเดิม เขายิ้มเจือนๆ ดูเหมือนว่ารุ่นพี่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างอยู่

“เพราะถ้าฮารุคบกับฮีโระอยู่ ผมก็คงไม่อยากได้ยินคำตอบนั้นแล้วล่ะ”

รุ่นพี่ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง แต่ท่าทางเขากลับดูเศร้าลงไปทันที

“เอ่อ มันไม่ใช่แบบนั้นนะคะ สำหรับฉัน ฮีโระเป็นแค่เพื่อนที่ดีของฉันจริงๆค่ะ เขาดีต่อฉันมากๆ เราไม่ได้คบกันอย่างที่รุ่นพี่คิดหรอกนะคะ”

ฉันรีบบอกกับรุ่นพี่ก่อนที่จะถูกเข้าใจผิดไปมากกว่าเดิม

“จริงเหรอ”

“จริงสิคะ สัญญาได้เลย”

ฉันยกนิ้วนางขึ้นมาเหมือนเป็นการสัญญา ทำให้รุ่นพี่ดูสบายใจขึ้นเยอะ

“โล่งอกไปที” ^^

ไม่ว่าจะดูมุมไหน รุ่นพี่ก็มักจะดูดีอยู่เสมอ ยิ่งได้อยู่ใกล้กันแบบนี้มากเท่าไหร่ ฉันยิ่งรับรู้ได้ถึงความดีและสิ่งที่รุ่นพี่เป็น แม้ว่าก่อนหน้านี้ฉันจะชอบรุ่นพี่เพราะอะไรก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ารุ่นพี่เป็นยิ่งกว่านั้นและฉันก็รู้สึกชอบรุ่นมากกว่าใครๆ

“ที่จริงผมมีเรื่องสารภาพด้วย วันก่อนผมบังเอิญไปเจอฮารุที่กำแพงแห่งความหวังน่ะ ขอโทษน่ะที่แอบไปดูข้อความที่ฮารุเขียนไว้”

“รุ่นพี่... เห็นมันด้วยเหรอคะ คือ ฉันขอโทษค่ะ ฉันแค่...”

“ไม่หรอก จริงๆแล้วผมดีใจมาก ไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่...ทุกๆครั้งที่ผมหันไปก็มักจะเจอแต่ฮารุเสมอ จนผมทำตัวไม่ถูกและไม่รู้ว่าควรจะทำตัวยังไงด้วย มันเกิดขึ้นก่อนที่เราจะรู้จักกันด้วยซ้ำ และผมคิดว่าบางทีเราอาจจะคิดตรงกัน”

ตอนนี้ฉันเริ่มหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่า ช่วงเวลาของฉันที่เอาแต่เฝ้าแอบมองรุ่นพี่นั้นรุ่นพี่จะคิดเหมือนกับฉัน ภายนอกเขาดูเหมือนหมางเมินกับฉันมากๆ แต่จริงๆแล้วนั่นกลับเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่รุ่นพี่ก็มองเห็นฉัน

“ผมจะไม่รอคำตอบอีกต่อไป แต่ถ้าฮารุเชื่อใจผม จับมือผมแล้วเดินไปข้างหน้าด้วยกันนะ”

รุ่นพี่ยื่นมือข้างหนึ่งมาให้ฉัน เป็นความจริงที่เหมือนกับฝัน ที่ที่ฉันเดินอยู่ตรงนี้มีรุ่นพี่อยู่ข้างๆเราจับมือกันกลับบ้าน ในวันที่ฝนตกมีรุ่นพี่คอยกางร่มให้แบบนี้ ดีจัง

“ค่ะ”

ฉันยื่นมือที่สั่นเทาจับมือของรุ่นพี่ เป็นมือที่ใหญ่และอบอุ่นมากๆ เราเดินมาจนถึงที่หน้าบ้าน แม่ของฉันกำลังยืนรออยู่ เมื่อแม่เห็นฉันจึงได้รีบวิ่งออกมาหา

“ฮารุ วันนี้ทำไมกลับช้าแบบนี้ล่ะลูก ไปทำอะไรมา”

แม่รีบเข้ามากอดและซักถามฉันด้วยความเป็นห่วง รุ่นพี่ทักทายคุณแม่ทันทีที่เจอ

“แล้วนี่ใครเหรอ แม่คิดว่าลูกมากับฮีโระซะอีก”

“ผมเป็นรุ่นพี่ของฮารุครับ ขอโทษที่พาฮารุมาส่งช้า”

“เธอไม่ควรพาฮารุของเรากลับมาช้าป่านนี้ ถ้าเกิดอะไรขึ้นเธอจะรับผิดชอบได้เหรอ ฮารุเข้าบ้าน”

“แต่แม่คะ...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ”

จู่ๆ แม่ก็เกิดโมโหขึ้นเมื่อเจอรุ่นพี่ และบอกให้ฉันรีบเข้าบ้าน ฉันหันหลังไปดูรุ่นพี่ก่อนที่จะโดนแม่ดึงเข้าบ้านไปซะก่อน ขอโทษนะคะรุ่นพี่ที่ทำให้ถูกเข้าใจผิด รุ่นพี่ยิ้มให้ฉันแบบเจือนๆคงรู้สึกแย่มากแน่ๆ ฉันทำให้รุ่นพี่ต้องเสียใจในวันแรกที่เราได้จับมือกันซะแล้ว ขอโทษจริงๆค่ะ

“ฮารุ ทำไมต้องกลับมากับผู้ชายสองต่อสองดึกๆดื่นๆ แถมเป็นผู้ชายที่ไม่รู้จักมักจี่ด้วย”

“ไม่นะคะแม่ มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นิดหน่อยน่ะค่ะ และรุ่นพี่ก็มาช่วยไว้ มันไม่ใช่ความผิดของรุ่นพี่นะคะ และหนูก็รู้จักเขามานานแล้ว”

“ฮารุฟังแม่นะ ไม่ว่ายังไงต่อไปอย่าไปไหนมาไหนกับผู้ชายคนนั้นอีก ลูกรู้ไหมว่าแม่กับพ่อเป็นห่วงลูกมาก แล้วถ้าเกิดฮีโระเห็นเข้า เขาจะเสียใจขนาดไหน”

“แต่เราไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะแม่”

“เข้าห้อง อาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วออกมากินข้าว เราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้อีก แม่ถือว่าแม่พูดจบไปแล้วและลูกก็ต้องเชื่อฟังแม่ด้วย”

แม่ไม่ยอมฟังในสิ่งที่ฉันพูดบ้างเลย รุ่นพี่ไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย และฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรกับฮีโระทำไมเรื่องบ้าๆแบบนี้ต้องเกิดขึ้นด้วยนะ

โต๊ะอาหารเย็นนี้ดูจะเย็นชืดกว่ามื้อที่ผ่านๆมา ฉัน พ่อและแม่ไม่ได้พูดคุยถึงเรื่องฮีโระหรือรุ่นพี่เลย และฉันเองก็อยู่ในช่วงที่ไม่สามารถพูดอะไรได้ ฉันอยากให้แม่เปิดใจรับรุ่นพี่มากกว่านี้แล้วแม่จะรู้ว่าเขาเป็นคนที่ดีมากๆอีกคนหนึ่ง ข้าวคำสุดท้ายถูกตักเข้าปากแล้ว ฉันเก็บถ้วยของตัวเองเอาไปล้างแล้วเดินเข้าห้อง

“สักวันหนึ่งลูกจะรู้ว่าทำไมแม่ถึงห้ามไม่ให้ลูกคบกับเขา”

หลังจากนั้นแม่ไม่ได้พูดอะไรกับฉันต่อ อะไรที่ฉันจะได้รู้ต่อจากนี้เหรอ หรือว่ารุ่นพี่เป็นคนไม่ดียังเหรอ เป็นไปไม่ได้หรอก ฉันเชื่อใจรุ่นพี่ว่ารุ่นพี่จะไม่ทำแบบนั้น ฉันเดินเข้าห้องพร้อมกับปิดล๊อคประตูทันที ฉันรู้ว่าฉันไม่ควรจะแสดงออกว่าฉันโกรธกับแม่ แต่ตอนนี้มันเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยากจริงๆ

ฉันล้มตัวลงบนที่นอน และแล้วก็เพิ่งนึกถึงฮีโระได้ ตอนนี้เขากำลังทำอะไรอยู่นะ ตั้งแต่เกิดเรื่องฉันก็ยังไม่ได้คุยกับเขาเลย ฉันเปิดผ้าม่านที่หน้าต่างออก และมองออกไปที่บ้านของฮีโระ แสงไฟในห้องของเขาเปิดทิ้งไว้แต่ฉันไม่รู้ว่าเขาอยู่ไหน ฉันตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ที่เขาให้ขึ้นมาเพื่อจะโทรหาเขา แต่กลับเจอ 1 ข้อความที่ไม่รู้ว่าส่งมาตอนไหน

“Hero Massege: สุดท้ายก็สมหวังซะทีนะ ยินดีด้วยฮารุ” ^^

คนใจร้าย อุตส่าห์มาช่วยฉันแต่กลับไม่ยอมให้ฉันได้เจอเลย ฉันไม่เคยได้พูดแม้กระทั่งคำว่าขอบคุณด้วยซ้ำ แต่เขากลับอวยพรให้ฉัน ฉันเหลือบมองไปที่แสงไฟผ่านม่านห้องฮีโระไม่มีแม้กระทั่งความเคลื่อนไหวของเขาที่นั่น เขาไปอยู่ที่ไหนกันนะ

“Haru Massege: ขอโทษที่ฉันคอยสร้างแต่ปัญหาและขอบคุณที่ฮีโระยังคอยช่วยฉันมาตลอด เธอเป็นเพื่อนที่ดีของฉันจริงๆ”

ฉันปิดผ้าม่านลงหลังจากส่งข้อความเสร็จ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ต้องทำให้แม่เข้าใจรุ่นพี่ให้ได้ ฉันอุตส่าห์แอบมองรุ่นพี่มาตั้งนาน ได้โปรดขอให้รุ่นพี่อย่าได้เข้าใจผิดเลยนะคะ ฉันคิดว่าถ้าแม่ได้รู้จักรุ่นพี่เหมือนที่ฉันได้รู้จัก แม่จะไม่พูดแบบนั้นกับรุ่นพี่แน่นอน ฉันปิดไฟและล้มตัวนอนลงบนเตียง ถ้าไม่คิดเรื่องที่แม่เข้าใจผิดรุ่นพี่ผิด และเรื่องที่ฉันถูกขังในห้องเรียนนั้น ซึ่งฉันก็ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนทำเรื่องแบบนั้น แต่วันนี้ก็เป็นวันที่ดีมากๆสำหรับฉันเลยล่ะ

“ติ๊ด ติ๊ด” จู่ๆโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง มีรูปเตือนว่าฉันได้รับ 1 ข้อความใหม่

“สวยจัง นี่มันหิ่งห้อยนี่นา”

ข้อความที่ฉันได้รับจากฮีโระเป็นรูปภาพหิ่งห้อยระยิบระยับที่บินอยู่ท่ามกลางความมืด ท้ายรูปภาพมีข้อความแนบมาด้วย

“ของขวัญแห่งความยินดี ลองเปิดผ้าม่านดูสิ” ฉันลุกขึ้นจากเตียงโดยที่ยังไม่ได้เปิดไฟ เมื่อฉันเอื้อมมือไปเปิดผ้าม่านที่ริมหน้าต่างอีกครั้ง ข้างนอกปรากฏเป็นแสงระยิบระยับอยู่ริมหน้าต่างเป็นภาพที่สวยงามมากๆ เหล่าหิ่งห้อยที่เพิ่งหนีออกมาจากที่หลบฝนกำลังบินร่ายรำท่ามกลางความมืด

“นี่มันสวยยิ่งกว่าในรูปซะอีกนะเนี่ย”

ฉันเหลือบไปเห็นม่านที่ห้องของฮีโระเปิดทิ้งไว้ เขากลับมาแล้วสินะ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน

ฉันวิ่งมาถึงห้องแล้วตรงดิ่งไปที่โต๊ะ สำรวจดูใต้โต๊ะดูว่ามันอยู่ในนั่นหรือปล่าว แต่ก็ปรากฏว่าไม่มีโทรศัพท์อยู่ใต้โต๊ะเลย ฉันก้มลงเพื่อ...

วันอังคารที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

The secret of memory : ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
ภาพประกอบ : http://meefreephoto.blogspot.com


ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สายตาของคนในโรงเรียนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป แม้ว่าฉันกับรุ่นพี่จะไม่ได้ใกล้ชิดหรือคุยกันแม้แต่น้อย พวกเขาก็ยังคงจับตาดูฉันตลอดเวลา

และจากวันนั้นฮีโระก็อาสาจะเป็นเพื่อนเดินไปโรงเรียนและกลับบ้านด้วยกันทุกวัน จนตอนนี้ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ฉันรู้สึกว่าเราคงจะเริ่มสนิมกันและมันก็ดีไม่น้อยที่มีเพื่อนเดินไปด้วยกันและคุยกันระหว่างทาง

แต่ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วันเสาร์อาทิตย์มาถึงฉันก็มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที แม้ว่าระหว่างฉันกับรุ่นพี่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันก็ยังคงทำได้เพียงแอบมองเขาจากไกลๆ แต่ฉันก็ยังชอบและมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น แม้ว่าบางครั้งในจอภาพที่ฉันเห็นจะมีผู้หญิงคนอื่นด้วยก็ตาม

เย็นของวันศุกร์ หลังจากที่เข้าบ้าน จู่ๆฉันนึกถึงเรื่องที่ฮีโระพูดขึ้นตอนที่เราเดินกลับบ้านด้วยกันขึ้นมา

“แปลกนะ ทั้งๆที่ฮารุแอบชอบรุ่นพี่ แต่ผมก็ไม่เห็นฮารุจะทำอะไรให้เขารู้บ้างเลย”

“จริงๆแล้วฉันแค่อยากจะมองเห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่ แค่ได้มองรุ่นพี่ฉันก็มีความสุขมากแล้วล่ะ” ^^ ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว

“ถ้าเราชอบใครสักคนเราก็ต้องอยากให้เขารู้ว่าเรารู้สึกยังไงไม่ใช่เหรอ”

ฮีโระยังคงถามต่อ ดูเหมือนเขาจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก

“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันคงทำไม่ได้หรอก” เพราะฉันไม่มีความกล้ามากพอนี่นา ฮีโระ นายเองก็คงไม่รู้หรอกว่าถึงแม้ว่าฉันจะชอบรุ่นพี่มากเท่าไหร่ รุ่นพี่ก็คงไม่ชอบฉันหรอก ฉันเข้าใกล้รุ่นพี่ไม่ได้ เพราะฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้รอยยิ้มของรุ่นพี่หายไป มันเป็นแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาเรียนที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าแค่ได้มองรุ่นพี่ห่างๆก็ดีมากพอแล้ว

“การที่เราชอบใครสักคน โดยที่เขาไม่เคยรู้ ผมว่ามันเจ็บปวดมากนะ”

ฮีโระพูดเสียงเศร้าๆ ฉันสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่น้ำเสียงของเขาเบาลง เขามักจะก้มหน้าต่ำลงไปด้วย

“นายก็กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่เหรอ”

“มันก็นานมาแล้วล่ะ” รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าของเขา ฉันไม่รู้ว่าควรบอกเขาดีหรือเปล่า แต่อย่างน้อยๆเขาน่าจะได้รู้ไว้ว่ามุนอาชอบเขา

“มุนอาเป็นคนดีนะ เธอเป็นคนตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ และฉันคิดว่ามุนอาชอบนายนะ”

เขาฟังเงียบๆและไม่ตอบอะไร ฉันได้ยินเพียงเสียงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆของเขาเท่านั้น

“พรุ่งนี้วันหยุดแล้ว ไหนๆเธอก็ไม่ได้เจอหน้ารุ่นพี่อยู่ดี เราไปหาอะไรสนุกๆทำกันดีไหม” ^^

เขาเงยหน้าขึ้นและเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วก็...ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธคำชวนของเขาได้ เพราะเวลาที่เขาเศร้ามันดูไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย และถ้าหากฉันต้องปฏิเสธเขาฉันก็คงจะรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ฉันล้มตัวลงบนที่นอนและถอนหายใจเบาๆ

“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วล่ะ”

ฉันหลับตาลงและเผลอหลับไป จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแม่เรียกให้ไปทานข้าว ค่ำคืนของวันหยุดของฉันนั้นผ่านไปอย่างช้าๆ

รุ่งเช้า...

“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อฮีโระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับฮารุครับ”

“นี่เธอ...”

“ชู่วว์ เอ่อ ผมมาหาฮารุครับ วันนี้เรานัดกันไว้” ^^

เสียงใครบางคนกำลังคุยกับแม่ของฉัน และแน่นอนว่าต้องเป็นฮีโระอย่างแน่นอน แม่เข้ามาเรียกฉันที่ห้อง และบอกว่าเขารอฉันอยู่สักพักแล้ว แม่เข้ามาถามฉันเบาๆ...

“ลูกกับเด็กผู้ชายที่ชื่อฮีโระเป็นแฟนกันเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าลูกสาวคนเดียวของเราจะมีแฟนที่หล่อและน่ารักขนาดนี้” ><

“ไม่ใช่นะคะแม่ เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ” -O-

แม่ดูจะมีความสุขที่คิดว่าลูกสาวคนเดียวกำลังจะมีแฟนจึงพยายามแซวฉันเรื่องฮีโระ แต่ฉันก็ไม่ได้เขินอะไร แม่คะเราเพิ่งเจอกันได้แค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วหนูก็มีคนที่ชอบแล้วด้วยค่ะแม่

“ขอโทษนะ ฉันช้าไปหน่อย”

เมื่อฉันเปิดประตูห้องออกมา ก็เจอฮีโระนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร วันนี้เขาดูแปลกตามากกว่าทุกวันกับชุดที่ดูเท่ห์มากๆในสายตาฉันและนั่นก็ทำให้ฉันแอบอึ้งอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในชุดลำลองที่มีเสื้อเชิร์ตสีขาวกับกางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยขาดเล็กน้อยและรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ หูฟังสีฟ้ากับกระเป๋าเป้สะพายหลัง แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับฉันเอาซะเลย นี่เขาสามารถไปถ่ายแบบได้เลยนะเนี่ย *-*

“โอ๊ะ” o.O เมื่อเขาเจอหน้าฉัน

“มะ มีอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความตกใจ เพราะเขาดูจะช็อคเล็กน้อย หรือว่าฉันจ้องเขามากเกินไปหรือเปล่านะ

“แต่งตัวแบบนี้แล้ว ดูเธอ....ตลกจังเลยนะ ฮ่า” >O<

“เอ๋.....” =[]=

จู่ๆ ฮีโระก็ระเบิดเสียงหัวเราะของเขาออกมา นี่ฉันตลกจริงๆเหรอเนี่ย แค่เสื้อยืดแขนยาวลายชมพูสลับขาวกับกระโปรงสีน้ำตาลเองนะ T.T

“ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น ที่จริงมันก็ดูโอเคดีนะ” ^_^

เขากลับมาพูดปลอบใจฉันด้วยท่าทางเขินอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าฮีโระจะพาฉันไปไหน แต่เขาบอกกับฉันว่า “มันอาจจะช่วยให้ความรักของฮารุสมหวังก็ได้นะ” เขาพาฉันขึ้นรถบัสและในระหว่างที่เรานั่งอยู่บนรถ ฉันเลือกที่นั่งด้านในชิดหน้าต่าง ฮีโระนั่งอยู่ที่นั่งติดกับฉัน

ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะแม้ว่าเราจะสนิทกัน แต่มันจะไม่รู้สึกแปลกหน่อยเหรอที่เราต้องมานั่งอยู่ข้างๆกันและใกล้กันแบบนี้ ถึงเราจะเป็นแค่เพื่อนกันก็เถอะ แต่ว่าคนอื่นก็อาจจะคิดว่าเรา เอ่อ... เป็นอย่างอื่นก็ได้นะ

“เธอเห็นคนนั้นไหม ด้านหลังเรานะ”

“เห็นสิ ฉันจะบ้าตาย เธอว่าเขาเป็นนายแบบหรือดาราหรือเปล่า”

“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่าผู้หญิงข้างๆน่ะ แฟนเขาหรือเปล่า”

“บ้าน่า ฉันว่าไม่น่าจะใช่หรอก ไม่เห็นจะเหมาะสมกันสักนิด”

แม้ว่าพวกเธอจะพูดกับเบาๆ แต่ฉันก็ได้ยินนะ = = สองสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าของฉันกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเธอหันมามองด้านหลังเป็นพักๆ ฮีโระส่งยิ้มให้กับพวกเธอเมื่อพวกเธอหันมา นั่นยิ่งทำให้พวกเธอยิ่งคลั่งมากยิ่งขึ้น

“เธอมักจะไม่ค่อยพูด ไม่ปฏิเสธ และยอมคนง่ายๆแบบนี้เสมอเลยเหรอ”

“อย่าเพิ่งคุยกับฉันได้ไหมฮีโระ” ฉันกัดฟันพูดให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้สองคนนั้นได้ยิน ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องไปแคร์คำพูดของพวกเธอด้วยนะ มันน่าอายตรงไหนถ้าฮีโระจะเป็นแฟนกับฉัน เอ่อ.. ฉันหมายถึงสมมุติอ่ะนะ เฮ้อ แต่ว่าฉันก็เสียความมั่นใจเป็นเหมือนกันนะ T.T เขาดูเด่นเกินกว่าที่จะมานั่งอยู่ข้างฉันจริงๆ ชุดธรรมดาไม่ได้ทำให้เขาดูเหมือนคนธรรมดาได้เลย

ฉันแกล้งเปิดหน้าต่างเพื่อให้สายลมผัดมาโดนหน้า และฉันก็จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงที่เขาคุยกับฉันด้วย ณ ตอนนั้นทำเป็นซะว่าเราไม่รู้จักและไม่ได้มาด้วยกันซะจะดีกว่า แต่แล้วสายลมก็ดันมาทำให้เสียเรื่องซะได้ เพราะมันดันพัดเอาผมยาวๆของฉันไปโดนหน้าของฮีโระซะได้

“เอ่อ ขอโทษ เอ่อ หมายถึง ขอโทษค่ะ”

ฉันพยายามพูดสุภาพกับเขา สมมุติเอาว่าเราไม่รู้จักกัน ฮีโระยังคงยิ้มสดใสและตอบกลับฉันเหมือนกับว่าเขาต้องการเล่นละครตามฉันยังไงอย่างงั้น

“พูดอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ”

เสียงซุบซิบนินทาเล็กๆน้อยๆได้เข้ามาในหูฉันอีกครั้ง พวกเธอคุยกันว่าฮีโระกับฉันไม่ใช่แฟนกัน และดูเหมือนทั้งสองคนต่างก็อยากจะรู้จักฮีโระซะด้วย แล้วพวกเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วหันมาคุยกับฮีโระ

“เอ่อ คือ...สวัสดีค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรพวกเราอยากรู้จักคุณได้ไหมคะ” ^^-

^^ ฮีโระยิ้มกลับไปอย่างใจดี เมื่อไหร่จะถึงป้ายที่พวกเธอจะลงหรือไม่ก็ป้ายที่ฮีโระจะลงสักทีนะ = = แล้วฉันทำไมต้องรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยเนี่ย

“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อฮีโระ แล้วพวกคุณล่ะ”

“อ่า ฉันชื่อ เฮมีค่ะ”

“ฉัน ฉัน ฉันชื่อ เซรินค่ะ คือเดี๋ยวพวกเราก็ต้องลงแล้วพวกเราขอ...เอ่อ.. เบอร์คุณด้วยได้ไหมคะ”

พวกเธอเป็นผู้หญิงนะทำไมถึงได้กล้ามากขนาดนี้ ฉันยังไม่กล้าสบตารุ่นพี่เลยด้วยซ้ำ T^T

“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะ คือผมไม่มีโทรศัพท์หรอกครับ”

“อ่า แย่จัง” T_T

ในที่สุดพวกเธอก็คงจะละทิ้งความพยายามสักทีสินะ หันกลับไปเถอะ ฉันทำตัวไม่ถูกจริงๆ เฮ้อ = = ฉันนั่งอย่างเงียบๆ

“ถ้ายังงั้นฮีโระ ฉันขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหมคะ คุณเป็นดาราหรือนายแบบอะไรทำนองนี้หรือปล่าว”

“ฮะๆ ไม่หรอกครับ ผมเป็นนักเรียน ม.ปลาย ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น” ^O^

ฮีโระหัวเราะออกมา และเขินกับคำชมของพวกเธอ เขาสนุกมากหรือไงนะกับการต้องคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้น่ะ

“อุ๊ย งั้นก็คงอายุพอๆกับพวกเราน่ะสิ อยู่โรงเรียนไหนเหรอคะ เผื่อพวกเราได้ผ่านไปแถวนั้น”

“โรงเรียนซองอึนครับ ถ้าผ่านไปแถวนั้นก็แวะไปเที่ยวบ้างก็ได้นะ” ^^

พวกเขาสนทนากันอย่างไม่ต้องคิดอะไรกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเขาก็ถ่ายรูปคู่กับทั้งสองสาว โดยให้ฉันเป็นคนถ่ายให้ =..= ดูพวกเธอจะดีใจอย่างแรง ฮีโระหันมาคุยกับฉันหลังจากที่เห็นฉันนิ่งอยู่นาน

“แล้วคุณละ อยากถ่ายรูปกับผมสักรูปไหม”

เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันและแหย่ให้ฉันตกใจเล่น ฉันยังคงไม่หันกลับไปและทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่สองสาวแถวหน้ายังคงหันมาดูฮีโระอยู่เป็นพักๆ และคำถามที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุดก็มาถึง

“ฮีโระ คุณมีแฟนหรือยังคะ คือพวกเราข้องใจนิดหน่อยน่ะค่ะ”

ไม่ใช่ว่าพวกเธออยากจะเป็นแฟนกับเขาหรอกเหรอ หันหลังมาบ่อยๆแบบนี้พวกเธอไม่เวียนหัวอยากอ๊วกบ้างหรือไง ฉันได้แต่คิดในใจ และนับหนึ่งถึงสิบไปจนจะครบร้อยรอบได้แล้ว

“อืม แฟนผมก็นั่งอยู่ข้างๆนี่ไง น่ารักไหม”

“เอ๋!!!!” เราอาจจะสร้างวงประสานเสียงได้ดี ถ้าหากฉันชวนสองสาวเข้าวง เพราะเราสามคนต่างพูดออกมาด้วยความตกใจและมันไม่น่าจะเชื่อ

เฮมี เซริน

( O.O )( O.O )

( O.O )( ^O^ )

ฉัน ฮีโระ

“ไม่น่าแปลกหรอกครับ ผมว่าเธอน่ารักและก็นิสัยดีมากๆ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ฮารุอย่างอลผมเลยนะ”

เขาหันกลับมาคุยกับฉัน แล้วเอามือมาหยิกแก้มของฉัน เขาทำหน้าเหมือนกับว่าเขาทำผิดมากๆที่ไปคุยกับสองสาวพวกนั้น นี่ๆเราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ

“เอ่อ... ฮีโระ พวกเราต้องลงป้ายหน้านี้แล้ว งั้นเอ่อไว้เจอกันนะคะ แล้วก็ไว้เจอกันนะคะคุณแฟน” ^^”

“ดะ เดี๋ยว!!!!!”

ฉันเอื้อมมือหมายจะห้ามพวกเธอและขอให้เธอฟังฉันก่อน แต่เฮมีและเซรินก็ยิ้มอย่างแหยๆแล้วลงจากรถไป เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่ทันได้บอกเธอเลย ฉันยังไม่มีแฟน T.T

“ฮีโระ นี่ นาย...”

“ผมว่าเธอน่าจะแสดงอารมณ์ที่รู้สึกออกมาบ้างนะ อย่างเช่นเวลาที่ดีใจก็หัวเราะออกมาดังๆ ยิ้มให้กว้างๆ แบบนี้ ^O^ เวลาที่เสียใจก็ร้องไห้โฮ TOT หรือเวลาที่โกรธก็น่าจะใส่อารมณ์ให้มันเต็มที่ไปเลย .\/.”

ยังจะมีหน้ามาบอกกันได้

.\/. ฉันหันหน้าไปหาเขา

“ฮารุทำได้แล้ว แสดงว่าเริ่มจะพัฒนาแล้วนะ” ^O^ เขายิ้มกว้างอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจมากที่เห็นว่าฉันสามารถแสดงอารมณ์ที่ฉันรู้สึกออกไปได้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอยากจะแสดงมันออกไป

“ผมแค่ไม่อยากให้ใครมาว่าฮารุ เพราะไม่ว่าคนที่โชคดีคนนั้นจะเป็นใคร แต่ผมก็คิดว่าฮารุเป็นคนที่ดีและเหมาะสมกับเขาแน่นอน” ^^

ฮีโระยิ้มออกมาอย่างใจดี ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้โกหกฉันหรอก และฉันก็คงจะโกรธเขาไม่ลงด้วย

“เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะรู้สึกอะไรก็ควรจะแสดงมันออกไปเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้บ้างนะ”

“เฮ้อ อื้ม” ^^ สุดท้ายแล้วฉันก็โกรธเขาไม่ลงจริงๆ ฉันพยายามแบะยิ้มออกมาให้กับฮีโระและเขาก็ยิ้มกลับมาให้ฉัน ผู้โดยสารขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันเมื่อเห็นฮีโระอีกครั้ง

“ฮีโระน่าจะไปเป็นดารา นายต้องดังมากแน่ๆ”

ฉันแซวฮีโระไปแบบนั้น เขาหัวเราะออกมาเบาๆ

หลังจากที่เรานั่งรถมาได้เกือบสองชั่วโมง...

“ถึงแล้วครับ กำแพงแห่งความหวัง”


คนขับรถตะโกนบอก ฮีโระลุกขึ้นและบอกฉันว่าเรามาถึงแล้ว หลังจากที่ลงรถ ฉันรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอของธรรมชาติและผู้คนที่มากมาย เราเดินเข้าไปในซอยถัดจากถนนสายหลักที่เราเดินลงจากรถ ทางแยกด้านหน้ามีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปกันอย่างเนืองแน่น

สถานที่นั้นคือกำแพงแห่งความหวังที่ทั้งสองฝั่งถูกสร้างเป็นกำแพงทอดยาวคู่ขนานกันออกไป เป็นกำแพงสำหรับคนที่มีความหวังหรือความต้องการสิ่งใดจะพากันมาเขียนความหวังของตัวเองลงบนกำแพงนี้ แนวคิดของการสร้างกำแพงแห่งความหวัง ฉันว่ามันต้องมาจากกลุ่มวัยุร่นที่ชอบแอบมาพ่นสีเล่นที่กำแพงแน่เลย =..= ฉันเคยเห็นแต่ในทีวี และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินอยู่บนถนนสายนี้

“ว้าว นี่ดูยิ่งใหญ่กว่าที่เห็นในทีวีซะอีกนะเนี่ย ฮารุเคยมาหรือเปล่า”

“นี่เป็นครั้งแรกเลยล่ะ”

ฮีโระทำท่าตื่นเต้น เขามองดูรอบๆอย่างอัศจรรย์ใจดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาที่นี่เหมือนกัน เราสองคนเดินไปตามถนนที่อาจจะเบียดเสียดกับผู้คน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่มีความหวังลดละความพยายามที่จะมาเที่ยวที่นี่ ถนนนี้แห่งนี้ถูกปิดการจราจรเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนเดินเท่านั้น

สองข้างกำแพงมีแต่คนยืนประจำจุดที่พวกเขาอยากจะเขียนความหวังของพวกเขาลงไป มีร้านขายของตั้งอยู่ริมทางหลายร้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านน้ำดื่ม ร้านขายของที่ระลึก ราวกับว่าที่นี่มีเทศกาลยังไงยังงั้น ฮีโระบอกให้ฉันยืนรอ ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับสีช็อค

“สีชมพูเหรอ” สีที่เขายืนให้ฉันและในมือของเขาเป็นสีฟ้า

“ไปหาที่เขียนกัน” ฮีโระรีบคว้ามือของฉัน แล้วก็เดินหาพื้นที่ว่างบนกำแพง

“เขียนมันตรงนี้สิ ผมจะไปตรงนู้น” เขาชี้ไปยังกำแพงที่ห่างออกไปอีกช่วงหนึ่ง

“เขียนในสิ่งที่เธอหวังนะ” ^^

เขาบอกฉันและรีบไปเขียนความหวังของเขาที่กำแพงอีกช่วงหนึ่ง ฉันยืนอยู่หน้าพื้นที่ว่างที่พอมีนิดหน่อยนั้น “H&CH” ฉันเขียนเพียงประโยคสั้นๆ ก่อนที่จะหลับตาภาวนาบางอย่าง มันเป็นตัวอักษรย่อจากชื่อของฉันและรุ่นพี่ หลังจากนั้นฉันจึงรีบเดินไปหาฮีโระ แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากจะให้ฉันเห็นความลับของเขาเท่าไหร่

ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันน่าจะเขียนอะไรถึงเขาบ้าง ฉันเดินกลับไปที่เดิม ด้านล่างของชื่อรุ่นพี่ชินฉันได้เขียนอีกชื่อหนึ่งลงไป “Hero เพื่อนที่ดีของฉัน” ฉันหลับตาอธิฐานอีกครั้งและหวังว่าฮีโระจะสมหวังกับสิ่งที่เขาต้องการ หลังจากที่เขียนเสร็จฉันก็เดินไปหาเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้ฉันได้เห็นแม้แต่น้อยแถมยังพยายามเอามือของเขามาปิดตาฉันไว้อีก มันทำให้ฉันมองไม่เห็นทางและเดินไปชนผู้คนที่ผ่านไปมา จนฉันต้องดุเขา

“นี่ อย่าทำยังนี้สิ ฉันมองไม่เห็นทางเลย” .\/. ฉันทำเสียงดุใส่เขาและดูเหมือนเขาจะพอใจอย่างมาก และยังคงเล่นปิดตาฉันต่อ ฉันจึงพยายามแกะมือของเขาออก หลังจากที่แกะมือของเขาได้ฉันก็วิ่งไล่ตีเขายกใหญ่ ระหว่างที่วิ่งกันอยู่นั้นฉันรู้สึกได้ถึงรัศมีที่เปล่งประกายของฮีโระ เขาโดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย คนเหล่านั้นต่างก็คิดว่าเขาเป็นดารา บางคนก็ยกโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปของเขาด้วย

“เห็นไหมฮารุโกรธจริงๆด้วย ฮะ ฮะ”

เขาวิ่งและหัวเราะไปด้วยโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าจะมีใครจ้องมองเขาบ้าง ส่วนฉันเองก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ยังคงวิ่งไล่ตีเขาอยู่อย่างนั้น

“ฮ๊า เหนื่อยจังเลยแฮะ ฮารุวิ่งเร็วไม่เบาเลยนะ แถมมือก็หนักด้วย ไปเก็บกดที่ไหนมาเนี่ย” -O-

เขาล้อฉันพลางทำให้ฉันรู้สึกโมโหเขาขึ้นมาอีกครั้ง

“บางทีก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ การที่ได้แสดงอารมณ์บางอย่างที่เรารู้สึกออกไปน่ะ”

เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง สายลมอ่อนๆพัดโดนใบหน้าของพวกเรา ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทางบนถนนสายกำแพงแห่งความหวัง ฮีโระนั่งพักได้เดี๋ยวเดียวเขาก็วิ่งออกไปไหนสักแห่งโดยไม่บอกฉัน

ในระหว่างที่ฉันนั่งรอฮีโระก็เพิ่งจะได้สังเกตเห็นว่า ในที่ที่มีคนเยอะแยะแบบนี้ จะมีคนที่รู้จักเราอยู่ในนี้หรือปล่าวนะ พลันในใจก็นึกสนุกว่ามันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญมากๆหากมาเจอคนที่รู้จักในที่แบบนี้ นั่งคิดอะไรเพลินๆได้ไม่นานนักฮีโระก็กลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ

“หลังจากที่เด็กๆวิ่งเล่นเสร็จพวกเขามักจะอยากทานของเย็นๆเหมือนอย่างพวกนี้ใช่ไหม”

เขายื่นไอศกรีมโคนมาให้ และนั่งลงข้างๆฉัน ใช่แล้วล่ะ ถ้าหากว่าฉันยังเป็นเด็กฉันก็คงอยากจะได้ไอศกรีมแบบนี้เหมือนกัน หลังจากที่เราหายเหนื่อยแล้ว ฮีโระพาฉันไปเดินเล่นตลาดที่อยู่ห่างออกไปเกือบกิโล เขาบอกฉันว่าเขาดูในทีวีและว่ากันว่าถ้าหากใครมาถึงที่นี่แล้วไม่ได้มาเดินตลาดแห่งนี้ก็เหมือนมาเสียเที่ยว

พวกเราจึงค่อยๆเดินไปจนถึงตลาด ซึ่งตลาดแห่งนี้จะขายของสำหรับคนที่มีความหวังและความรัก ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นความรักแบบคู่รักเท่านั้น มีของที่ขายสำหรับเป็นของขวัญให้เพื่อน ให้คนรัก และให้คนในครอบครัว

“มีแต่ของที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยนะ นั่นเสื้อคู่ กระเป๋าคู่ รองเท้าคู่ แก้วน้ำคู่ มีอะไรที่ผมจะซื้อได้บ้างน้า”

ฮีโระบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ดูเหมือนเขาจะอยากซื้ออะไรบางอย่าง แต่เพราะมันเป็นของที่ต้องใช้คู่กัน เขาเลยไม่กล้าซื้อ

“ฉันซื้อคู่กับฮีโระก็ได้นะ ถ้ามีของที่อย่างได้น่ะ” ฉันบอกกับเขา

“ไม่เป็นไร ดูเหมือนจะยังไม่เจอของที่อยากได้” *-* เขาทำหน้าเหรอหรา แต่ฉันว่าเขามีบางอย่างที่อยากได้แน่นอน เมื่อเดินไปได้สักพัก ฉันก็เจอกับร้านที่ขายพวงกุญแจเล็กๆเป็นของกระจุ๋มกระจิ๋ม ในระหว่างที่ฉันกำลังเลือกอยู่นั้น

“ฮีโระว่าอันนี้น่ารักไหม” ฉันพูดและยื่นพวงกุญแจอันหนึ่งหมายจะให้ฮีโระดู แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันว่าเขาต้องแอบไปซื้อของบางอย่างที่อยากได้และไม่อยากให้ฉันรู้แน่นอน

“เอาสามอันนี้ค่ะ” ^^


ฉันยื่นพวงกุญแจที่เลือกเสร็จให้กับคนขายและบอกให้เขาแยกใส่ถุงกระดาษใบเล็กๆให้ พวงกุญแจสามอันที่ฉันซื้อฉันตั้งใจที่จะให้ รุ่นพี่ (ซื้อไปก่อน หวังว่าสักวันนึงจะมีความกล้าพอที่จะยื่นให้ด้วยตัวเอง) ฮีโระ และมากิ พวกเขาทั้งสามต่างก็เป็นคนที่ฉันนึกถึงเสมอ

พวงกุญแจของรุ่นพี่เป็นรูปร่มอันเล็กๆ ของมากิเป็นรูปหน้าผู้หญิงหน้าตาร่าเริง ส่วนของฮีโระเป็นรูปหูฟังที่บังเอิญมีสีฟ้าเหมือนกับของเขาพอดี ฉันเก็บพวงกุญแจทั้งสามอันไว้ในกระเป๋าก่อนที่ฮีโระจะกลับมาทัน

“ไปไหนมาเหรอ ฮีโระ” *O*

“หลงทางน่ะ อยู่ดีๆฮารุก็เดินเร็วขึ้นจนผมเดินตามแทบไม่ทัน” - -“

“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้ไปแอบซื้ออะไรคนเดียว”

“ไม่มีเลย ฮะๆ”

ดูท่าจะจริง เขายกมือทั้งสองให้ฉันดูว่าเขาไม่ได้ของอะไรมาเลยสักอย่าง หลังจากที่พวกเราแวะทานบะหมี่เสร็จก็ขึ้นรถกลับทันที ฉันไม่รู้ว่าเพราะบะหมี่สองถ้วยกำลังอืดอยู่ในท้องของฮีโระหรือว่าเพราะสายตาของวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งด้านหลังสุดที่เอาแต่จ้องฮีโระที่นั่งอยู่แถวหน้ากันแน่ เขาถึงได้บ่นว่าง่วงหลังจากขึ้นรถได้ไม่ถึง 5 นาทีแบบนี้ ฉันมองฮีโระที่นอนหลับในขณะยังใส่หูฟังอยู่

“ฟังเพลงอะไรอยู่นะ” ฉันเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าเพลงที่เขาฟังจะเป็นเพลงนี้แบบไหนกันนะ ฉันค่อยๆแอบเอาหูฟังออกจากหูของเขา แต่ก่อนที่ฉันจะได้ฟัง

หมับ... มือของเขาจับมือของฉันไว้

“เพลงนี้มันไม่น่าฟังหรอก อย่าฟังเลย”

ว่าแล้วเขาก็แย่งหูฟังไปจากมือของฉันและใส่กลับไปที่หูของตัวเองเหมือนเดิม

“คนใจร้าย”

ฉันบ่นเขาในขณะที่ทำหน้าโกรธ ฮีโระขำออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลง




The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



ติดตามอ่านตอนล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ Dek-d.Com The secret of memory
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 5 คำอธิฐาน

ภาพประกอบ : http://meefreephoto.blogspot.com ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สายตาของคนในโรงเรียนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป แม้ว่าฉันกับรุ่นพี่จะไม่...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com