วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2561



เช้าวันต่อมา...

ฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าดูแจ่มใสมากกว่าทุกวัน คงเพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันเอาอยู่แต่พะวงกับเรื่องของรุ่นพี่ และคาดหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ฉันเริ่มคิดและปลงกับมันได้ ฉันจะใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้มค่า อยู่กับมุนอา กับฮีโระ สำหรับรุ่นพี่เราอาจจะบังเอิญได้เจอ และทักทายกันบ้าง นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉัน

“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ”

ฉันกดปิดนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวเพื่อไปโรงเรียน

“ฮ้า วันนี้อากาศดีจังเลยนะ ฮีโระ”

“มาแปลกแฮะวันนี้ ใช่ฮารุจริงหรือปล่าวเนี่ย”

ฮารุเอามือมาพัดตรงที่หน้าของฉัน ในขณะที่เราเดินออกมาเจอกันที่หน้าบ้าน

“ไม่รู้สินะ บางทีฉันอาจจะเป็นคนใหม่ก็ได้ เพราะว่าฉันมีฮีโระ กับมุนอายังไงล่ะ”

ฉันหันไปยิ้มให้กันฮีโระ

“ยิ้มหวานแบบนี้มันคืออะไรกันเนี่ย ไม่คุ้นเลยแฮะ”

ฮีโระทำหน้าแดงก่อนจะดึงกระเป๋าจากมือของฉันไปถือ และเร่งเดินนำหน้าฉันไป บางทีเขาก็ดูน่ารักในแบบฉบับของเขาเหมือนกันแฮะ

“อะไรกันเนี่ย เขินเหรอ หน้าแดงเชียว”

“เขินอะไร ผมเนี่ยนะ ไม่ได้เขินสักหน่อย”




ในขณะที่ฉันและฮีโระกำลังเดินเข้าโรงเรียนอยู่นั้น ฉันก็บังเอิญได้สบสายตากับรุ่นพี่เข้า วันนี้ฉันไม่เหมือนเมื่อวานแล้วนะคะรุ่นพี่ ฉันอยากเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งไม่ทำให้รุ่นพี่ต้องเป็นห่วงฉันอีก ฉันก้มหัวพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับรุ่นพี่เล็กน้อย รุ่นพี่ไม่ได้ยิ้มกลับมาให้ฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เข้มแข็งขึ้นได้แล้วจริงๆ

“โห เปลี่ยนไปมากจริงๆนะเนี่ย ไปทำอะไรมาหรือปล่าวเนี่ย”

“ปล่าวสักหน่อย อยู่ดีๆก็ปลงได้ละมั้ง ฮะๆๆ”

ก่อนที่ฉันและฮีโระจะทันได้เดินขึ้นตึก พวกเราก็บังเอิญเดินสวนกับซอลฟาอีกครั้ง

“ไง สาวน้อยนักดนตรี”

“สวัสดีค่ะ”

ซอลฟากล่าวทักทายฮีโระแค่เพียงเล็กน้อยก่อนเดินจากไป

“ซอลฟา เอ่อ.. อรุณสวัสดิ์นะ”

“เอ๊ะ...”

ซอลฟานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป ตอนที่พวกเรายังคุยกันได้ ฉันไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าเธอจะเป็นคนที่ดูร้ายกาจ แม้ว่ามาถึงตอนนี้ระหว่างพวกเราจะมีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป แต่ว่า... เมื่อมาลองนึกดูดีๆแล้ว สิ่งที่เธอทำไปก็เพราะเธอชอบรุ่นพี่มาก และแม้ว่าเธอจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนเธอก็ยอมทนได้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกลียดเธอ และเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของเธอเคยคุยกับฉันในวันนั้นแล้ว ฉันคิดว่ามันน่าจะมาจากใจที่หวังดีของเธอจริงๆ

“ฮารุเป็นแบบนี้ ผมก็กลัวเหมือนกันนะเนี่ย คนที่ไม่เคยแม้กระทั่งจะสบตา เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

ฮีโระยังคงทำท่าทางเหมือนกับว่าเขายังไม่ค่อยเชื่อนัก จนพวกเราขึ้นห้องเรียนมุนอาก็รออยู่ที่ริมหน้าต่างแล้ว

“ดู ดูสิ ยัยนั่น เริ่มแต่เช้าเลยนะ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ทำไมถึงได้เกาะติดรุ่นพี่เป็นตังเมแบบนี้นะ สงสารก็แต่รุ่นพี่ ดูสิ ทำหน้าอย่างกับโดนบังคับขืนใจยังไงยังงั้น”

“ยืนบ่นอะไรอยู่คนเดียวน่ะมุนอา”

“อ่าว ฮีโระ ฮารุ หวัดดี มาดูนี่สิ ยัยซอลฟา มาประกบรุ่นพี่ตั้งแต่เช้าเลยทำอย่างกับว่าชีวิตนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นแหละ”

“อ๋อ พวกเราเจอเธอตั้งแต่ตอนจะขึ้นมาแล้วล่ะ”

ซอลฟากำลังเดินไปหารุ่นพี่ ถ้าเปิดใจกว้างสักนิด พวกเขาก็ดูเหมาะสมกันดีนะ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ

“ฮารุ นี่ยังจะยิ้มได้อยู่อีกเหรอ”

“บางทีเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันน่ะ ยังไงซะแค่ได้มองรุ่นพี่ก็มีความสุขแล้ว มันเป็นความหวังที่มากที่สุดที่ฉันได้รับแล้วล่ะ”

ฮีโระกับมุนอา มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาจะรู้ไหมนะ การที่ฉันดีขึ้นได้แบบนี้ หากไม่มีพวกเขาฉันคงไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไงแน่ๆ



ตอนพักเที่ยงของวันนั้น ราวกับว่าโชคชะตากำลังทดสอบความอดทนของฉัน จึงทำให้ฉันวนเวียนไปเจอภาพเดิมๆอีกครั้ง

“รุ่นพี่ลองทานนี่ดูสิคะ”

“อ๋อ ขอบใจนะ”

ซอลฟากำลังป้อนขนมให้กับรุ่นพี่ มุนอาทำท่าจะเดินเข้าไปหาพวกเขา แต่ฉันจับมือห้ามเธอไว้ได้ทัน

“ทำไมล่ะ น่าสนุกดีออก ไปนั่งกินด้วยกันทั้งหมดนี่เลยสิ”

“ไม่เอาน่า ปล่อยพวกเขาเถอะ ถ้าเธอทำแบบนั้น จะกลายเป็นฉันเองนะที่ต้องอึดอัด”

“ป่ะๆ นั่งตรงนู้นกันดีกว่าพวกเรา เรื่องบางเรื่องปล่อยผ่านไปซะบ้าง เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ”

ฮีโระดันมุนอาไปนั่งที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งของโรงอาหาร ขอบใจนะฮีโระ นายเหมือนจะรู้ใจฉันไปหมดซะทุกอย่าง

“ฉันไม่เข้าใจอะไรเธอเลยจริงๆนะ ฮารุ ทำไมถึงต้องยอมยัยนั่นขนาดนั้นด้วย มีอะไรให้เธอต้องกลัวฮะ”

“ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวหรอก”

“งั้นทำไมไม่เจอกันซึ่งๆหน้าสักครั้งนึงละ เอาให้มันรู้กันไปเลยว่ารุ่นพี่จะเลือกใคร”

“ถ้าทำแบบนั้น แล้วฉันจะมีความสุขจริงๆนะเหรอ”

ฉันย้อนถามมุนอา เธอทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงบางเบาว่าเธอเข้าใจแล้ว ฉันหันไปมองรุ่นพี่กับซอลฟาอีกครั้ง ไม่มีความน้อยใจ ความสงสัย หรือความรู้สึกใดๆอีกแล้ว และฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาจะมีความสุขกันจริงๆสักที ฮีโระอาสาออกไปซื้อไอศครีมให้ฉันกับมุนอา ก่อนที่ฉันจะได้ตักไอศกรีมเข้าปาก กระดาษแผ่นหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“หืม??”

“งานคอนเสิร์ตของโรงเรียนมะรืนนี้ค่ะ”

ซอลฟายื่นบัตรคอนเสริตมาให้ฉัน เธอส่งมาให้ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ

“แปลว่า... เธอจะให้พวกเรา... ไปยังงั้นเหรอ”

“มาให้ได้ละกันค่ะ”

เธอยัดมันใส่ในมือของฉันแล้วเดินจากไป มันหมายความว่ายังไงกันนะ ทำไมเธอถึงได้อยากให้ฉันไปงานคอนเสิร์ตของเธอด้วย คำถามมากมายพรั่งพรูอยู่ในหัว

“ไปเถอะน่า นักดนตรีคุณภาพเชิญขนาดนี้ อย่ามัวมาคิดมากเลย ยังไม่ต้องคิดหรอกว่ามันหมายถึงอะไร”

“นี่ ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรหรือเปล่าเนี่ย ทำเพื่อ... ฉันงงไปหมดแล้วนะ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แล้วนี่อะไรอีกละเนี่ย”

มุนอามองตามซอลฟาที่เดินจากไป และเธอก็บ่นออกมาไม่หยุด ฉันเองก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็คงต้องเลิกคิดเหมือนที่ฮีโระพูด เมื่อถึงวันนั้นฉันก็คงจะเข้าใจมันเอง

ฉันเก็บตั๋วคอนเสิร์ตเอาไว้ในกระเป๋า วันมะรืนนี้จะมีงานจะจัดขึ้นที่โรงเรียน ในวันนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกังวลชอบกล



“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ”

“เอ๋... เดินห่างกันแค่นี้ ทำไมต้องโทรหากันด้วยละฮีโระ”

“รับเถอะน่า”

ระหว่างทางที่ฉันและฮีโระเดินกลับบ้านพร้อมกัน จู่ๆเขาก็เดินช้าลงจนทิ้งระยะห่างจากฉันไปมาก แถมโทรหาฉันและให้ฉันรับสายของเขาด้วย ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วนะ

“ฮัลโหล ว่าไงเหรอฮีโระ เล่นอะไรอยู่เนี่ย”

“หวัดดีฮารุ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”

“เอ๋...”

เพราะเขาถามอะไรฉันแปลกๆ ฉันจึงหยุดเดินและหันไปมองเขา แต่เขาก็ปัดมือแล้วทำท่าบอกให้ฉันหันกลับไป

“เอ่อ... อื้ม ฉันสบายดี”

“ทางเดินกลับบ้านยังดูสวยดีเหมือนตอนที่เราเคยมาเดินด้วยกันอยู่ไหม”

“ตอนนี้ก็ยังเดินด้วยกันอยู่นี่ ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันทั้งร่มรื่นและสบายตาสุดๆไปเลย”

“ถ้าวันหนึ่งเราได้เจอกัน เราไปเดินเล่นด้วยกันบ่อยๆนะ”

“ไม่ตลกเลยนะฮีโระ เล่นอะไรเนี่ย”

ฉันหันขวับไปหาฮีโระ แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอให้ฉันคุยผ่านโทรศัพท์อยู่ดี

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราก็จะยังจดจำกันและกันได้ใช่ไหม ไม่ว่าผมจะห่างจากฮารุแค่ 5 ก้าว 10 ก้าว 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร หรือไกลแสนไกล”

“แม้ว่ามันจะดูน้ำเน่าไปหน่อย แต่ฉันก็จะตอบอย่างมั่นใจว่า แน่นอน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ต้องจำฮีโระได้แน่นอน”

“ดีจัง ผมคิดถึงฮารุนะ คิดถึงจริงๆ”

“ฮีโระ พอได้แล้วน่า ยิ่งคุยฉันจะยิ่งรู้สึกแปลกไปทุกที นี่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ทำตัวแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”

ฉันหันไปทำท่าทางดุฮีโระ เขาเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วกระโดดเหย๋งๆมาเดินข้างๆฉัน

“ก็เห็นในทีวีทำแล้วมันดูเท่ห์ดี ก็เลยอยากลองทำบ้าง ฮารุสนุกไหม ฮะๆๆ”

“เพี๊ยนไปแล้วจริงๆด้วย”

ฮีโระเดินหน้าหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน

“อ่าว ไม่เข้าบ้านเหรอ”

“ก็รอส่งฮารุเข้าไปก่อน กลัวว่าจะเจอพวกโรคจิตไง นี่ผมคุ้มครองเต็มที่เลยนะเนี่ย”

“ฮีโระนั่นแหละ น่ากลัวยิ่งกว่าพวกโรคจิตอีก”

ฉันพูดพลางหัวเราะ เพราะฮีโระทำท่าหน้าเหวอซะจนฉันอดขำไม่ได้



ในเย็นวันนั้นหลังจากที่ทานข้าวเย็นแล้ว ฉันหยิบบัตรคอนเสิร์ตที่ซอลฟาให้ออกมาดู

“Salfa wonder Concert

คอนเสิร์ตสุดแสนประทับใจจากนักร้องน่ารักที่จะทำให้ทุกหัวใจกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง”

เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ฉันเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างกระจก อีกฝั่งหนึ่งของกระจกใสทำให้มองเห็นไปถึงห้องของฮีโระ เขากำลังนั่งฟังเพลงจากหูฟังของเขาเหมือนเคย และเมื่อเขาเห็นฉันก็โบกมือและส่งรอยยิ้มมาให้ ฉันนิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่คิดว่าเขาจะหันมาพร้อมกับที่ฉันหันไปพอดี ฉันโบกมือให้เขา

.........................................................................................................................................................................................................................

เช้าของอีกวันได้ผ่านเข้ามา ฉันไม่ได้เจอกับซอลฟาแม้แต่น้อย แต่ถ้าจะให้เดา ฉันคิดว่าเธอคงจะยุ่งๆอยู่กับการเตรียมงานคอนเสริตในวันพรุ่งนี้แน่ๆ ตอนเช้าฉันได้เจอกับรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนอีกครั้งฉันทักทายเขาก่อนที่จะเดินจาก สายตาของรุ่นพี่ยังคงดูเศร้า แม้ว่าฉันจะพยายามที่จะทำเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่...ฉันก็ยังคงรับรู้ได้ว่ารุ่นพี่จะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่กำลังลำบากใจแน่ๆ

ฉันเดินมาจนถึงห้องเรียนในตอนเช้าพร้อมกับฮีโระ ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องงานคอนเสิร์ตของซอลฟา พวกเขาดูตื่นเต้นกันมากเลยทีเดียว

“นี่ๆพวกเรา ไปดูด้วยกันเถอะ น้องสาวน่ารักคนนั้นน่ะ จะมีคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้แล้วนะ แกอ่ะแอบชอบมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เฮ้ๆ พูดให้มันดีๆหน่อย น้องเขามีแฟนไปแล้วเว้ย ใครจะกล้ายุ่ง เป็นถึงแฟนของประธานโรงเรียนเชียวนะแก พูดอะไรระวังปากหน่อย ก่อนงานจะเข้าฉัน”

“แหม ทำปากดีไปได้ ก่อนหน้านี้ก็ยังขายขนมจีบให้น้องเขาอยู่เลย ไปกันเถอะ อยากดูจริงๆ”

และพวกผู้หญิงก็กำลังพูดถึงซอลฟาอยู่ด้วยเหมือนกัน

“เธอจะไปมั้ย คอนเสิร์ตยัยนั่นน่ะ”

“ที่จริงฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรยัยนั่นอยู่แล้ว ริอาจมาชอบรุ่นพี่ แต่ว่า... ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไร ไปก็ได้”

ในระหว่างที่ฉันกำลังเพลินกับการแอบฟังเพื่อนๆพูดถึงงานคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาเคาะที่หน้าห้อง

กลุ่มแชวอนกับเพื่อน กวักมือเรียกให้ฉันออกไป

“นี่ พรุ่งนี้น่ะ จะไปกับเขาด้วยหรือปล่าว”

“หมายถึงงานคอนเสิร์ตนะเหรอ มีบัตรแล้วล่ะ ก็คงต้องไปแหละนะ”

“ยัยนั่นให้มาใช่มั้ย แน่ใจเหรอว่ายัยนั่นจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรน่ะ”

แชวอน ดึงลูกอมแคนดี้ออกมาจากปากก่อนที่จะบอกเตือนฉันเรื่องที่จะไปงานคอนเสิร์ตของซอลฟา

“ถ้าพวกเธอเป็นห่วงฉัน ก็ไปด้วยกันสิ”

“ฮะๆ อะไรนะ เธอพูดว่าอะไรนะ”

เพื่อนของแชวอนหัวเราะออกมาดังลั่น ราวกับว่าเรื่องที่ฉันพูดดูน่าตลกมากๆ

“ใครเป็นห่วงเธอ พวกฉันเหรอ ไม่มีทางหรอก ก็แค่... กลัวว่าเธอจะไม่ทันคนต่างหาก”

“คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง”

“เธอนี่มันโลกสวยเกินไปมั้ยห๊า พูดกับเธอแล้ว ฉันอารมณ์ขึ้นแฮะ เตือนแล้วนะไม่เชื่อเอง เกิดอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษว่าพวกฉันเป็นคนทำละกัน ไปกันเถอะพวกเรา”

แชวอนเอามือมาแตะที่ไหล่ของฉันเบาๆก่อนที่จะชวนเพื่อนๆของเธอเดินจากไป ก่อนที่จะลับสายตา ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันถึงเรื่องบัตรคอนเสิร์ตว่าจะต้องซื้อที่ไหนด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะมีเพื่อนที่จริงใจเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้วสินะ

ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะเรียน มุนอาสงสัยว่าพวกนั้นมาหาฉันทำไม

“ยัยนั่นมาทำไมอ่ะ ดีกันแล้วเหรอ”

“ก็ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อยนี่”

“เฮ้ย ได้ไง อย่าไปสนิทกับยัยนั่นมากนะ ฉันไม่ยอมด้วยนะ”

มุนอาทำท่าฟึดฟัด

“ไม่มีใครที่จะสนิทกับฉันเท่ากับเธอได้หรอกน่า”

“จริงๆนะ อย่าโกหกกันนะ แล้วงั้น... ฮีโระ”

“เอ่อ... ฮีโระเหรอ นั่นสินะ งั้นขอเป็นตำแหน่งเดียวกับมุนอาได้มั้ยล่ะ”

“ได้ไงกันล่ะ ที่ 1 นะ มันต้องมีแต่คนเดียวสิน่า จะมีสองคนได้ไงกัน”

มุนอาทำท่าแก้มตุ่ยและเริ่มจะงอนฉันเข้าให้แล้ว ฮีโระเดินมานั่งที่โต๊ะและจู่ๆก็พูดขึ้นว่า

“ไม่เป็นไร ผมขอเป็นที่ 2 ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ในลิสต์ที่ฮารุวางไว้”

เขายิ้มจนตาหยี๋ให้กับฉัน ที่ 2 เหรอ ฉันเริ่มคิดแย้งขึ้นมาในใจ ฮีโระก็ดีกับฉันมากขนาดนี้ฉันจะเห็นว่าเขาเป็นที่ 2 ได้ยังไงกันนะ





The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 18 - เธอคนนั้น

เช้าวันต่อมา... ฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าดูแจ่มใสมากกว่าทุกวัน คงเพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันเอาอยู่แต่พะวงกับเรื่องของรุ่นพี่ และค...

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561



ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจอ่อนให้กับมุนอาแน่

“ฮารุ บอกให้ยัยนี่เลิกตามพี่ทีได้ไหม”

เสียงรุ่นพี่อินซาพูด กึ่งหัวเราะที่มุนอาพยายามทำหน้าตาน่ารักใส่

“รุ่นพี่ก็ยอมใจอ่อนสักทีเถอะค่ะ ฉันรู้นะคะว่ายังไงรุ่นพี่ก็ยังรอมุนอาอยู่น่ะ”

“รอเหรอ ไม่หรอกน่า สาวๆมาชอบพี่ตั้งเยอะ แต่พี่แค่อยากตั้งใจเรียนมากกว่า ใครจะไปรอคนซื่อบื้ออย่างยัยนี่กัน”

ว่าแล้วรุ่นพี่ก็เอามือยีหัวของมุนอาจนยุ่ง เห็นแล้วก็ทำให้นึกถึงตอนที่ฉันได้อยู่กับรุ่นพี่ ความรู้สึกแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

“ว่าแต่ฮารุ โอเคใช่มั้ย ขอโทษนะที่ซอลฟาเป็นต้นเหตุให้ฮารุต้องเลิกกับชินน่ะ”

“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ เพียงแค่... บางครั้งฉันเองก็ยังเผลอคิดถึงรุ่นพี่ขึ้นมา แต่ว่าที่ฉันได้มองรุ่นพี่อยู่อย่างนี้ก็ดีมากๆแล้วล่ะค่ะ”

ฉันบอกรุ่นพี่อินซาและพยายามยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจ แม้ว่าในใจจะยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าอาจจะมีวันที่เราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็เถอะ

“รุ่นพี่ชินน่ะ เป็นคนแรกที่ฮารุชอบเลยนะ นายน่ะไม่รู้บางเลยเหรอว่า ฮารุน่ะมองแต่รุ่นพี่ชินมาตั้งปีกว่าแล้วนะ ทำไมยัยนั่น เอ่อ... ฉันหมายถึงซอลฟาน่ะ ทำไมถึงได้มาทำแบบนี้ ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าฮารุชอบรุ่นพี่ชินล่ะ คิดแล้วมันก็น่าโมโหนะ ถึงจะเป็นน้องของนายก็เถอะ”

มุนอาทำท่าค้อนใส่รุ่นพี่อินซา ส่วนรุ่นพี่อินซาก็ทำท่าทางเหมือนกับมีเรื่องอัดอั้นบางอย่างอยู่

“เฮ้อ... ขอโทษนะฮารุ พี่รู้นะว่าเราอ่ะชอบชินมาก จริงๆแล้วซอลฟาเขา...”

“พี่!!!”

ก่อนที่รุ่นพี่จะทันได้พูดอะไรสักอย่างออกมา ซอลฟาน้องสาวของเขาก็โผล่มาซะก่อน

“มาได้เวลาจริงๆนะ”

มุนอาพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าเมินใส่ซอลฟาที่วิ่งมาเกาะแขนรุ่นพี่อินซา

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ฉันคิดว่าเรามีอะไรต้องคุยกันหน่อยแล้ว”

แล้วซอลฟาก็ลากแขนรุ่นพี่ไป เหลือทิ้งไว้แค่ปริศนาบางอย่างที่พวกเราทั้งสามคนก็ยังไม่เข้าใจ มีอะไรบางอย่างที่รุ่นพี่อินซาอยากบอกพวกเรา ว่าแต่มันคืออะไรนะ ฉันอยากรู้จังเลย

และแล้วพวกเราก็ไม่ได้คำตอบจากรุ่นพี่ ฉันและฮีโระเดินกลับบ้านพร้อมกัน พวกเรายังคงต้องการรู้เรื่องนั้นอยู่ดี

“ฮีโระว่ารุ่นพี่อินซากำลังจะบอกอะไรกับพวกเราเหรอ”

“นั่นสินะ เรื่องบางเรื่องที่เหมือนเป็นความลับละมั้ง”

ฮีโระทำท่าครุ่นคิด และตัวเขาเองก็เอาแต่ทำท่านับไม้นับมือตั้งแต่เดินออกมาจากโรงเรียนแล้ว

“นับอะไรอยู่เหรอ”

“อ๋อ เปล่า ก็แค่นับเลขเฉยๆ ฮะๆ”

เขายิ้มกลบเกลื่อนแล้วก็วิ่งกลับบ้านไป

ช่วงดึกของคืนวันนั้นฉันก็ได้รับข้อความจากฮีโระ

Hero Message : ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี สู้ๆนะ

...................................................................................................................................................................................................................

เช้าของวันต่อมาฉันกับฮีโระเดินไปโรงอาหาร เพราะวันนี้พวกเราออกมาสาย ทำให้ไม่ทันได้กินข้าวเช้า พวกเราจึงไปหาซื้อขนมปังกัน แต่แล้วก็ได้เจอกับซอลฟาที่นั่น เธอกำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้

“เฮ้ นี่สาวน้อย เธอคงไม่ได้จะร้องไห้หรอกใช่ไหมนั่นน่ะ”

ฮีโระถือแซนวิชกับนมรสแตงโม เดินตรงไปหาโต๊ะที่ซอลฟาอยู่ ฉันจึงเดินตามเขาไป

“ร้องไห้อะไรกัน นี่รุ่นพี่จะเล่นมุขอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเนี่ยนะจะร้องไห้”

ซอลฟาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่มันชัดเจนมากเลยนะซอลฟา

“เหรอ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง งั้นขอนั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ”

ฮีโระเอาแซนวิชกับนมวางไว้บนโต๊ะก่อนที่จะขยับม้านั่งออก เขาพยักเพยิดให้ฉันนั่งด้วย ฉันควรจะเดินไปจากตรงนั้นถ้าหากว่าฉันอึดอัด แต่ว่ามีบางอย่างทำให้ฉันอยากอยู่ที่นั่นต่อ

“ว่าแต่... ทำไมวันนี้มานั่งกินคนเดียวล่ะ ปกติเธอจะตัวติดกับรุ่นพี่เป็นปลาท่องโก๋เลยไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมเหรอคะ รุ่นพี่เขาก็แค่ไม่ค่อยว่าง ว่าแต่แล้วรุ่นพี่ฮีโระกับรุ่นพี่ฮารุมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ ทำไมต้องมาจ้องหน้าฉันเหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้กับรุ่นพี่ยังงั้นแหละ”

ซอลฟาหลบสายตาจากฉัน และตักข้าวในจานใส่ปากต่อ

“รุ่นพี่ไม่ว่าง หรือ... เขาไม่อยากมาด้วยกันแน่”

ฮีโระยังคงสอบสวนเหมือนเธอเป็นผู้ต้องสงสัย เขายัดขนมปังใส่จนเต็มปาก และตามด้วยนมรสแตงโม จนแก้มของเขาบวมเป่ง

“ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับรุ่นพี่สองคน ไม่ใช่เหรอคะ ขอตัวนะคะ”

ซอลฟาลุกขึ้นจากโต๊ะและหยิบจานข้าวกับแก้วน้ำขึ้น มันคงน่าอึดอัดที่จะนั่งอยู่ต่อ เหมือนฉันตอนนี้ที่ทำได้แค่ฟังทั้งสองคนคุยกัน

“ถ้ามันเหนื่อยนัก ก็หยุดเถอะ อย่าฝืนไปต่ออีกเลย”

จู่ๆฮีโระก็พูดขึ้น ทำให้ซอลฟาหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้น น้ำเสียงของเขาไม่ได้โกรธหรือประชดประชันอะไรทั้งสิ้น มันเป็นน้ำเสียงที่ดูเห็นอกเห็นใจมากกว่า จนทำให้ซอลฟาต้องหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง

“แล้วรุ่นพี่ล่ะคะ ถ้ามันต้องเหนื่อยขนาดนี้แล้ว ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่หยุดล่ะ”

ซอลฟาพูดขณะที่น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง เธอเดินจากไป แต่ฮีโระยังคงเงียบ เขาจ้องมาซอลฟาที่เดินจากไปอยู่อย่างนั้นโดยาไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันได้แต่สะกิดเขาที่กำลังเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“นั่นสินะ ทำไมผมถึงไม่หยุดนะ”

ฮีโระพูดขณะถอนหายใจออกมา เขาบ่นพึมพำอะไรของเขากันนะ ฉันนั่งจ้องหน้าฮีโระอยู่นานโดยที่ไม่รู้ตัวจนกระทั่งฮีโระหันมามองหน้าฉัน จนทำให้ฉันสะดุ้ง

“เอ่อ... ฮีโระเป็น... อะไรหรือเปล่า”

ฉันได้แต่ถามแบบกระอึกกระอัก เพราะไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะหันมามองหน้าฉัน ฮีโระเผยรอยยิ้มบนมุมปากอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ปนกับความเศร้า

“บางทีการที่เรารักใครสักคน มันก็ยากนะที่จะตัดใจ ไม่ว่าตอนนั้นคนๆนั้นเขาจะรักใครอยู่ในใจ แต่ว่า...เราก็ยังคงมีแค่เขาคนเดียว ทำไมนะ ทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะมองไปดูคนอยู่รอบๆตัวบ้าง”

“เอ๋.. ถามฉันเหรอ... นั่นก็อาจจะเพราะว่า... เราจริงใจกับคนคนนั้น และเราก็หวังดีกับเขามาก จนไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เราให้เขาไปจะได้รับสิ่งตอนแทนไหม มันจะเป็นแบบนั้นละมั้ง”

ทุกครั้งที่ฉันได้เจอรุ่นพี่ ฉันไม่เคยแม้แต่จะคาดหวังสิ่งใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความเจ็บปวดตามมาจนได้สินะ

“สำหรับผมกับฮารุก็คงจะเหมือนกันสินะ พวกเราเป็นเหมือนเส้นขนาดที่ไม่มีทางจะมาพบกันได้”

“เส้นขนานอะไรกันล่ะ แต่ถึงจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันได้เจอกัน แต่ว่าพวกเราก็ยังเดินข้างๆกันได้นะ”

“เหรอ”

ฮีโระส่งยิ้มเจือนๆ ก่อนจะลุกไปโต๊ะที่ใกล้ถังขยะแล้วขว้างมันลงไปในถังอย่างแม่นยำ

หลังจากนั้นพวกเราก็ลุกไปเข้าเรียนตามปกติ พอมาถึงในห้องมุนอาก็เรียกฮีโระไปคุยด้วย ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน และในตอนพักเที่ยงของวันนั้นฮีโระก็หายไป เขาไม่ได้มากินข้าวกับพวกเราสองคน หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันกับมุนอาจึงขึ้นไปนั่งเล่นบนดาดฟ้า และฉันก็อดถามเรื่องฮีโระไม่ได้

“ฮีโระ เขาไปไหนกันเหรอ”

“ทำไมเหรอ เดี๋ยวนี้หัดสนใจคนรอบข้างบ้างแล้วเหรอ ฮิฮิ”

มุนอาแซวฉันก่อนจะพูดต่อ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เห็นรุ่นพี่อินซาฝากบอกมาว่าพักเที่ยงนี้ให้ไปหาที่โรงยิมน่ะ แต่ว่าจะคุยเรื่องอะไร ฉันไม่รู้หรอก”

“รุ่นพี่อินซาเหรอ แปลกนะทำไมเขาถึงเรียกฮีโระไปหากันล่ะ”

“นั่นสิ ฉันเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน”

ฉันกับมุนอา ยืนมองลองไปยังข้างล่าง เมื่อได้ยินมุนอาพูดถึงโรงยิมสายตาของฉันก็พลันมองไปหาโรงยิมอัตโนมัติ

“นั่นไงๆ ฮีโระเดินออกมาแล้ว ป่ะ เรารีบไปถามฮีโระกันดีกว่า”

“อื้อ”

มุนอาคว้าแขนฉัน แล้วดึงฉันวิ่งลงบันได พอมาถึงในห้องเรียนฮีโระก็นั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง

“นี่ สรุปว่าไงบ้าง หมอนั่นเรียกนายไปทำไมเหรอ”

มุนอาใช้มือตีที่ไหล่ของฮีโระเบาๆ เขาหันกลับมา

“หือ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่นา ก็แค่... บอกมาว่าอาจจะเปลี่ยนใจเรื่องเธอก็ได้อะไรประมาณนั้นแหละ”

“จริงเหรอ รุ่นพี่พูดยังงั้นจริงๆนะ”

มุนอาพูดพลางเขย่าฮีโระ และเขาก็เออ ออ ไปกับเธอ แต่ว่านายกำลังโกหกอยู่หรือเปล่าฮีโระ ฉันว่านายกำลังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกพวกเรา ฉันได้แต่มองสายตาที่เลื่อนลอยของเขา แม้ว่าอยากจะถามเอาความจริงสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาต้องมาลำบากใจที่จะตอบคำถามฉันอีก

ในตอนเย็นของวันนั้น ฮีโระบอกให้ฉันกลับไปก่อน เพราะเขามีเรื่องที่จะต้องไปทำ ฉันรับปากกับเขาว่าจะกลับก่อน แต่ว่าไม่ใช่วันนี้ ฉันอยากจะรู้อะไรบางอย่าง และอยากจะรู้ว่าเขากำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่

ฉันทำเหมือนเดินออกมาจากโรงเรียนราวกับว่าฉันกลับบ้านตามปกติ แต่เมื่อฮีโระหันกลับหลังไปแล้ว ฉันก็แอบเดินตามเขาอยู่ห่างๆ จนในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงโรงยิม ฉันแอบเดินตามเข้าไปเงียบๆ และแอบมองจากอีกมุม รุ่นพี่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกับซอลฟา ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มซ้อม ซอลฟากำลังเล่นกีต้าร์และร้องเพลงที่แสนไพเราะให้กับรุ่นพี่ฟัง รอยยิ้มของรุ่นพี่ที่ฉันไม่ได้เห็นมานาน ฉันคิดถึงจังเลยค่ะรุ่นพี่ แต่ว่า... ไม่รู้ว่าเพราะฉันแอบคิดไปเองหรือเปล่า ฉันแอบสังเกตเห็นว่า... รอยยิ้มนั้นดูเศร้าและไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย

ฮีโระเดินตรงไปหารุ่นพี่และซอลฟา ก่อนที่จะนั่งลง

“เฮ้อ วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษนะครับรุ่นพี่ แล้วเพลงก็เพราะซะด้วย”

“อ่อ ฮีโระ เอ่อ มีอะไรเหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่อารมณ์ดีอยากจะมานั่งดูรุ่นพี่ซ้อมบาสสักหน่อย นานแล้วนะครับที่ผมไม่มาที่นี่”

“อ่อ ยังงั้นเหรอ”

ฮีโระนั่งอยู่ข้างๆซอลฟา และอีกฝั่งหนึ่งก็มีรุ่นพี่นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ว่าฮีโระเขาจะมานี่ทำไมกันนะ

“เดี๋ยวมานะ คุยกันไปก่อนละกัน”

รุ่นพี่ลุกออกไป ตอนนี้เหลือแค่ฮีโระกับซอลฟาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“รุ่นพี่ฮีโระ วันนี้มีอะไรหรือปล่าวคะ รู้สึกเหมือนว่าจะบังเอิญ ไม่สิ เหมือนจะตั้งใจมาเจอฉันนะ”

ซอลฟาเลิกดีดกีต้าร์แล้วหันหน้ามาคุยกับฮีโระ

“เฮ้ ตั้งจงตั้งใจอะไรกัน ก็แค่บังเอิญผ่านมาก็เลยลองมาดู ไม่ได้คิดว่าจะเจอเธอสักหน่อย หรือว่า... ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพรมลิขิตก็ได้นะ ฮะๆๆ”

“ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ ต้องการอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลาที่ต้องเจอพวกรุ่นพี่อีก”

“อะไรจะขนาดนั้น นี่พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น เธอน่ะก็เป็นสมาชิกในแก๊งของพวกเรามาก่อนนิ ทำเป็นไม่เคยสนิทกันไปได้”

“ก็แค่เคย แต่พูดตามตรงฉันก็ไม่คิดว่าอยากจะสนิทกับพวกรุ่นพี่จริงๆหรอกนะคะ”

ซอลฟายังคงบ่ายเบี่ยงกับคำพูดของฮีโระ และพวกเขาก็ยังคงนั่งคุยกันอยู่อย่างนั้น

“เธอน่ะ จริงๆแล้วก็ไม่ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกใช่มั้ยล่ะ เธอก็แค่... อยากให้เขามาสนใจเธอบ้าง”

“ดูเหมือนจะรู้อะไรเยอะนะคะ แต่ว่า... รุ่นพี่ไปดูแลเรื่องของตัวเองก่อนเถอะค่ะ”

“ผมเหรอ ก็ทำอยู่นี่ไง เรื่องที่ผมควรจะทำ แต่ว่าเรื่องของเราน่ะ มันต่างกันนะ ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆ บางอย่างที่ทำแล้วมันดีกับตัวเองจริงๆ เราก็มีความสุขกับมันสิ แต่ถ้าทำไปแล้วมันเป็นทุกข์ แน่ใจเหรอว่ามันดีกับเราแล้วจริงๆน่ะ”

ซอลฟานั่งเงียบ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ผมน่ะ ก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอหรอก แต่ว่าถึงอย่างนั้นพวกเราก็มีความทรงจำและเรื่องดีๆต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ เพียงแค่... รู้จักยอมรับความจริงและ...ปล่อยวาง กับเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้”

“พอเถอะค่ะ”

“วันนี้เธอได้ตัวเขามา แต่ว่า... เธอไม่มีวันได้หัวใจของเขามาหรอก หยุดแค่นี้เถอะ เพราะคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็คือเธอนะ”

“ฉันบอกให้หยุดไงคะรุ่นพี่”

ฉันแอบเหลือบไปมองซอลฟา ใบหน้าของเธอดูเศร้ามาก และเธอพยายามกลั้นใจที่จะไม่ร้องไห้ออกมา

“ฉันน่ะไม่ว่ายังไงฉันก็ยอมได้ ฉันมีความสุข เห็นมั้ยคะว่าฉันมีความสุขดี”

ซอลฟาพูดมา แต่ครั้งนี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาออกมาได้อีกต่อไป เธอใช้มือกุมหน้าที่ขาดซีดของเธอ ฉันได้ยินเสียงเธอสะอื้นเบาๆ ฮีโระใช้มือตบไหล่ของซอลฟาเบาๆ ทำไมกันนะ ฉันถึงได้อยากร้องไห้ตามซอลฟาแบบนั้น พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องของรุ่นพี่ และถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันคิดว่าระหว่างรุ่นพี่กับซอลฟาคงเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ฉันรับรู้ได้ถึงความเศร้าเหล่านั้น เพราะตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่า หากไม่มีเรื่องของซอลฟาเข้ามา พวกเราจะยังกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า

“ผมเคยเข้าใจว่าเธอเป็นคนที่เข้าถึงยาก แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะ หัวใจของเธอน่ะบอบบางและอ่อนโยนมากกว่าที่เธอแสดงออกมาอีกนะ”

ฮีโระกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนว่าเขาเข้าใจซอลฟา แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าซอลฟานั้นมีบางอย่างที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ ตอนนี้ฉันไม่คิดอยากรู้ว่าฮีโระมาที่นี่เพื่ออะไรอีกแล้ว และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ฉันเองก็จะเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปให้ได้เช่นกัน ฉันจะไม่ถามรุ่นพี่ว่าเพราะอะไรถึงได้ออกห่างฉัน ฉันจะไม่ถามว่ามันเกิดขึ้นเพราะใคร เพราะตอนนี้ไม่ว่าฉันจะได้คำตอบแบบนี้ มันก็มีแต่จะทำให้พวกเราต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น ถ้าหากปล่อยให้มันผ่านไปเองมันน่าจะดีกว่า ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะกลับบ้านแล้วไปช่วยแม่ทำกับข้าวอร่อยๆเอาไปฝากฮีโระดีกว่า แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้ขยับตัว คนๆหนึ่งก็มายืนอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว เขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก

“มาทำอะไรที่นี่เหรอ”

“เอ่อ ก็แค่... ก็แค่... แค่ผ่านมาน่ะค่ะ”

“เหรอ”

รุ่นพี่พูดเสร็จก็รีบเดินผ่านฉันไป ฉันเดินออกมาจากโรงยิมอย่างช้าๆ ความห่างเหินของพวกเราทำให้ฉันใจหาย มันไม่น่าจะเกิดขึ้นหรือเป็นฉันเองที่ไม่ควรจะชอบรุ่นพี่ตั้งแต่แรกกันนะ แต่พอคิดในอีกแง่หนึ่ง ฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยๆพวกเรายังได้มีโอกาสที่จะพบเจอและทักทายกัน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม

ทางเดินกลับบ้านในเย็นวันนี้ มีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษไปจากเดิม อาจจะเพราะฉันได้ปล่อยวางบางอย่างที่หนักอึ้งออกไปแล้ว และได้มองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบๆตัวบ้าง ไม่แปลกเลยว่าทำไมฮีโระถึงมีความสุขที่ได้เดินกลับบ้าน ทุกครั้งฉันจะเห็นเขาร่าเริงและสดใส เขาชอบดอกไม้ ต้นไม้ สายลมและแสงแดด ซึ่งฉันไม่เคยได้สังเกตเลยว่ามันจะรู้สึกดีขนาดนี้

ระหว่างที่ฉันกำลังเพลินกับการชมต้นไม้ริมทาง ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตามหลังมา ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นฮีโระหรือเปล่า แต่ถ้าหากเป็นเขาจริง เขาก็น่าจะเรียกชื่อฉันสิ เพราะแค่เห็นข้างหลังเขาจำฉันได้แล้ว แถมตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย ฉันเร่งฝึเท้ามากกว่าเดิม แต่พอฉันหยุดเดิน เสียงฝีเท้าก็เงียบไปด้วย และเมื่อฉันเดินต่อ ฝีเท้านั้นก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันก็ตัดสินใจที่จะวิ่ง เพราะหากว่าเป็นโรคจิตหรือคนไม่ดีละก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะวิ่งหนีได้ มือๆหนึ่งก็เอื้อมมาจับแขนฉันไว้

“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ฉันพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากมือของคนปริศนาที่ตามมา

“หยุด หยุด... ก่อน แฮ่ก แฮ่ก”

เสียงหอบของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกระแวง ฉันพยายามดึงมือของจากแขนของคนๆนั้นอีกครั้ง โดยไม่ได้มองหน้าของเขา ฉันหลับหูหลับตาเอากระเป๋าฟาดไปที่มือของเขาเพื่อให้เขาปล่อยแขนของฉันจนในที่สุดเขาก็ปล่อยมือออกจนได้ ฉันจึง

รีบวิ่งออกมาอีกครั้ง

“โอ๊ย...เจ็บจริงๆเลย เฮ้อ คนใจร้าย!”

เสียงของคนๆนั้นทำให้ฉันต้องสะดุด เขาไม่ได้เป็นคนร้าย แต่ว่าเขาคือ...

“ฮีโระ!!”

ฉันหันกลับไปมองเขา ก็พบว่าเขากำลังเอามืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือของตัวเองไว้ หรือว่าที่ฉันเอากระเป๋าตีเขาเมื่อกี้นี้...

“ฮะๆ ฮารุเนี่ย วิ่งหนีเอาเป็นเอาตายเหมือนกันนะเนี่ย”

ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเขา แต่เขาก็ยังมีหน้ามาหัวเราะฉันอีก

“ยังจะมาหัวเราะฉันอีกนะฮีโระ เล่นอะไรของฮีโระเนี่ย ทำไมไม่บอกฉันดีๆล่ะ แล้วเป็นอะไรมากหรืเปล่า”

ฉันรีบคว้าแขนของเขามาดู แขนของเขามีรอยแผลยาวแต่ไม่ลึกมาก น่าจะเพราะซิปกระเป๋าหรืออะไรสักอย่างที่ฉันกระหน่ำฟาดลงไปข่วนโดนแขนของเขา

“เลือดออกเลยนะเนี่ย ฉัน.. ฉันขอโทษนะฮีโระ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้เองจิ๊บๆ”

ฮีโระส่ายหน้าราวกับว่าเขาไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดจนแทบจะอยากร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ

“โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่นะฮารุ ห้ามร้องเลยนะ ห้ามร้อง”

ฮีโระทำท่าทำทางเพื่อปลอบฉันและไม่อยากให้ฉันร้องไห้แต่ว่า... ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันทำให้เธอต้องบาดเจ็บเพราะฉัน ฉันผิดเอง โฮ T-T

สุดท้ายฮีโระก็ต้องปลอบใจฉันยกใหญ่ กว่าจะทำให้ฉันเลิกร้องไห้ได้

“เฮ้อ ผมก็แค่อยากให้ฮารุระวังตัวบ้าง เวลาเดินกลับบ้านคนเดียวน่ะ มันอันตรายเพราะฉะนั้นก็อย่าได้กลับบ้านค่ำ บอกให้กลับบ้านไปก่อนตั้งนานแล้ว แต่ดูสิ เพิ่งมากลับเอาป่านนี้ ดื้อจริงๆเลย”

“ยังไงฉันมีฮีโระเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนอยู่แล้วนิ ทำไมต้องกลัวด้วยหละ”

“แล้วถ้าผมไม่อยู่แล้วล่ะ...”

คำพูดของฮีโระทำให้ฉันเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

“อ่ะ หน้านิ่วเลย คิ้วจะชนกันอยู่แล้ว ผมแค่ล้อเล่น แหม... แต่ถึงยังไงฮารุก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะรู้มั้ย”

ฮีโระใช้มือยีหัวฉันเล่นอีกแล้ว เวลาที่ฉันเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้ เขาก็มักจะทำลายสมาธิฉันด้วยการยีหัวฉันเล่น จนทำให้ฉันคิดไม่ออกทุกที

สุดท้ายแล้ววันนี้จากที่ฉันคิดว่าอยากจะทำกับข้าวไปให้ ก็กลายเป็นว่าฉันต้องหอบเอากล่องปฐมพยาบาลไปทำแผลให้เขาแทน และในค่ำวันนั้นฉันก็ได้ยินคำพูดแปลกๆจากเขา

“อยากให้มีวันดีๆแบบนี้ตลอดไปจังเลยครับ คุณท้องฟ้า”


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 17 : ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย

ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจ...

วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560






“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ อ่า ถ้าฉันได้ยินเสียงนี้แสดงว่าฉันตื่นสายแล้วใช่ไหมเนี่ย คงเพราะเมื่อวานฉันเพลียจริงๆก็เลยหลับอย่างเอาเป็นเอาตาย หลังจากที่ฉันอาบน้ำและแต่งตัวเสร็จฉันเดินมาที่หน้ากระจก

“อ่า... นี่มันคงดูไม่ค่อยดีนักหรอกนะ”

ฉันเอามือมาแตะๆตรงขอบตา ตอนนี้มันบวมอย่างมาก ฉันทำได้เพียงแต่แค่ถอนใจและหยิบแป้งฝุ่นมาปิดแค่บางๆเท่านั้น

นี่ก็ผ่านมาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วนะที่รุ่นพี่ไม่ยอมมองหน้า และไม่ยอมพูดคุยอะไรกับฉันเลย ในทุกๆวัน ฉันเหมือนเป็นเพียงแค่สายลมหรืออะไรสักอย่างที่เขามองไม่เห็น และนั่นมันทำให้ฉันปวดใจมากๆ ไม่ใช่แค่เพราะว่ารุ่นพี่ไม่ยอมคุยกับฉันเท่านั้นหรอกนะ แต่เพราะว่ารอยยิ้มที่สดใสของรุ่นพี่ได้หายไปด้วย ฉันจึงรู้สึกแย่และแอบร้องไห้อยู่ทุกวัน แต่ถึงอย่างนั้น ฉันทำได้เพียงแค่ปล่อยให้เวลาผ่านล่วงเลยไป และหวังว่ามันจะดีขึ้น

“ว้า วันนี้ตื่นสายจนได้สินะ ผมจำได้ว่าผมเจอว่าฮารุตื่นเช้าแค่วันเดียวเองนะ”

“ก็ฉันง่วงนี่นา”

“ไปๆเด็กน้อยไปโรงเรียนกันนะ”

ฮีโระหยอกฉันเล่น เขาหาว่าตอนนี้หน้าฉันเหมือนเด็กประถมที่มีตาชั้นเดียวก็ดูน่ารักไปอีกแบบ (แต่ฉันส่องกระจกดูแล้วไม่เห็นว่าจะน่ารักตรงไหนเลย)

“คนอะไร ขึ้แยได้ทุกวัน ดูสินี่ร้องไห้มาเป็นอาทิตย์แล้วนะ เลิกร้องได้แล้วน่า ร้องจนน้ำหมดตัวแล้วเนี่ย”

ฮีโระยังคงพูดถึงเรื่องที่ฉันร้องไห้ แล้วเขาก็ยื่นขวดน้ำมาให้ฉัน และฉันก็รับมันไว้ เป็นแบบนี้มาได้หนึ่งอาทิตย์แล้วสินะ

“ก็บอกแล้วไงเล่าว่าไม่ได้ร้องๆ”

“ดูสิ หน้าแบบนี้แล้วยังบอกว่าไม่ได้ร้องอีกนะ คนบ้าเท่านั้นแหละที่จะเชื่อ”

นอกจากฉันจะโดนฮีโระแซวทุกๆวันแล้ว ฉันก็มาเผชิญหน้ากับพวกจับผิดที่โรงเรียนอีก พอพวกเขาเห็นสภาพของฉันก็พากันเล่าต่างๆนาๆว่าฉันคงก็โดนรุ่นพี่ทิ้งและไม่สนใจแล้ว แต่ก็น่าแปลกที่ผ่านมาฉันทนกับเรื่องพวกนี้ได้ยังไง ฉันพยายามที่จะไม่สนใจและเดินเข้าโรงเรียนไป รุ่นพี่อยู่ที่หน้าโรงเรียนเหมือนทุกครั้ง ตั้งแต่วันนั้นฉันก็ไม่กล้าที่จะมองหน้ารุ่นพี่อีก ฉันเดินเข้ามาในโรงเรียนพร้อมกับฮีโระที่เดินตามหลังมา กลุ่มแชวอนยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนัก พวกเธอกวักมือเรียกฉันให้ไปหา

“ยัยหน้าจืดนั่นน่ะ ตามฉันมา”

แชวอนพูดขึ้นพลางหันหลังแล้วเดินเข้าห้องๆหนึ่งไป คงเพราะเรื่องของรุ่นพี่วนเวียนอยู่ในหัวฉันครั้งแล้วครั้งเล่า และครั้งนี้ก็เจอแชวอนเข้าพอดี ถ้าฉันสามารถดูแลตัวเองได้รุ่นพี่ก็อาจจะไม่เป็นแบบนี้ก็ได้ ฉันจึงตัดสินใจเดินตามพวกเธอเข้าห้องไป เนื่องจากเป็นตอนเช้ามันจึงดูไม่น่ากลัวเท่ากับตอนเย็นที่ฉันเจอมา เพื่อนของแชวอนเดินไปปิดประตูและล็อคกลอนไว้ ตอนนี้ในห้องมีเพียงฉัน และพวกของแชวอนอีกสามคน

“เป็นไง ดูน่ากลัวใช่ไหมล่ะ”

“แล้วไงเหรอ พวกเธอมีอะไรจะพูดกับฉันก็พูดมาเถอะ”

ตอนนี้ฉันไม่สนใจว่าพวกเธอจะบ่นอะไร แต่ฉันจะพยายามเป็นผู้ฟังที่ดีและฟังเธอบ่นจนกว่าจะพอใจก็แล้วกันนะ

“ดูจากสภาพเธอตอนนี้แล้ว ดูเหมือนคงจะถูกรุ่นพี่ทิ้งจริงๆซะแล้วใช่ไหมเนี่ย เหอะ ตื่นจากความฝันได้สักทีนะแม่ซิลเดอเรลล่า น่าสงสารจริงๆ”

ฉันนั่งฟังเธอพูดไปเงียบๆและพยายามจะไม่ต่อล้อต่อเถียงกับเธอ

“ถึงพวกฉันจะรู้สึกพอใจที่เห็นเธอในสภาพนี้ แต่เธอรู้ไหมว่าเพราะเธอ... พวกฉันถึงได้กลายเป็นพวกไม่ดีในสายตาคนอื่น”

“ทั้งๆที่พวกฉันไม่เคยเข้าไปยุ่งหรือทำร้ายเธอแม้แต่ครั้งเดียว พวกฉันเตือนเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่าให้ระวังตัวให้ดี แต่สุดท้ายพวกฉันก็ต้องมาโดนทุกนินทาว่าเป็นคนทำ เธอคิดว่ามันยุติธรรมแล้วเหรอ ห๊ะ”

ทั้งแชวอนและเพื่อนๆของเธอพากับรุมบ่นให้ฉันฟัง แต่เสียงของเธอมันค่อนข้างจะดังขึ้นไปหน่อยนะ แม้ว่าฉันจะรู้ดีว่าพวกเธอไม่ได้ทำแต่ฉันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้จริงๆ ตอนนี้ฉันเองก็ทำได้แต่แอบหวังว่ารุ่นพี่จะรู้ว่าฉันดูแลตัวเองได้และพวกแชวอนเองก็ไม่ใช่คนที่ทำร้ายฉันเช่นกัน

“แต่ก็ช่างเถอะนะ เรื่องที่ฉันเรียกเธอมาพูดจริงๆเป็นเรื่องระหว่างเธอกับรุ่นพี่มากกว่า เธอก็คงพอจะรู้นะว่าฉันไม่ชอบเธอ และถ้าเป็นไปได้ฉันอยากจะบอกว่าฉันเกลียดยัยหน้าจืดอย่างเธอมากกว่า แต่ว่า...”

แชวอนยื่นหน้าของเธอมาใกล้ฉัน มองดูดีๆเธอจัดว่าเป็นคนที่สวยและผิวดีคนหนึ่งเลยทีเดียว

“ถ้าเธอชอบรุ่นพี่จริงๆละก็ เธอต้องทำให้รุ่นพี่กลับมาเป็นรุ่นพี่คนเดิมให้ได้ เพราะฉันเบื่อหน่ายเต็มทีที่รุ่นพี่ของฉันต้องทำหน้าตายเหมือนคนไม่มีความรู้สึกแบบนี้”

“แต่เธอไม่ชอบที่ฉันอยู่ใกล้รุ่นพี่ไม่ใช่เหรอ”

น่าแปลก ตลอดมาพวกเธอเอาแต่บอกให้ฉันอยู่ห่างๆจากรุ่นพี่ แต่ทำไมครั้งนี้เธอถึงเปลี่ยนใจได้นะ

“ถึงพวกฉันจะชอบรุ่นพี่มาก แต่พวกฉันก็ไม่ได้เป็นคนที่ชอบทำร้ายใครหรอกนะ บอกไว้เลยว่าพวกฉันแค่อยากเห็นรุ่นพี่มีความสุข ไม่ใช่เพราะอยากให้เธอมีความสุขหรอกนะจะบอกให้”

แชวอนพูดออกมาก่อนที่เธอจะหันหลังไป

“พวกเธอคงเป็นห่วงรุ่นพี่มากสินะ ฉันจะพยายาม”

ฉันเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้นดีพอๆกับพวกเธอจริงๆ เพราะตลอดมาการทำได้แค่มองมันเป็นอะไรที่น่าอึดอัด แต่หากวันไหนที่เรามองเห็นเพียงรอยยิ้มที่สดใสของเขา แม้จะได้แค่มองก็มีความสุขแล้ว

“ไม่ใช่แค่พยายาม ถ้าเธอชอบรุ่นพี่จริง เธอต้องทำให้พวกฉันยอมรับให้ได้ว่าเธอสามารถทำให้รุ่นพี่มีความสุข แต่ถ้าหากแค่นี้เธอทำไม่ได้ก็ถอนตัวไปซะ ฉันไม่ได้อย่างเห็นหน้าซีดๆของเธอนานเท่าไหร่นักหรอก”

“ฉันก็ไม่รู้ว่าฉันจะทำได้ไหม แต่ฉันก็จะพยายาม”

เพื่อนของแชวอนเปิดประตูออก “ถ้าเข้าใจก็ออกไปได้แล้ว อย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ ไม่อย่างนั้นเธอได้มีปัญหาแน่”

ฉันลุกขึ้นและเดินออกมา ฉันหันกลับไปบอกพวกเธอก่อนออกจากห้องอีกครั้ง

“แต่ที่ฉันทำน่ะ ไม่ได้ทำเพราะพวกเธอบังคับหรอกนะ แต่ฉันนะทำเพราะอยากเห็นรุ่นพี่มีความสุขจริงๆต่างหาก”

“หนอย ยัยหน้าจืด เดี๋ยวนี้ปากดีนักนะ”

ฉันลุกเดินออกจากห้อง เงาของใครบางคนอยู่ข้างหลังประตู ฉันแน่ใจว่าเป็นเขา เพราะความสูงและรูปร่างแบบนั้นจะเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจากรุ่นพี่

“ฉันเข้มแข็งพอที่จะดูแลตัวเองแล้วได้นะคะ” ^^

ฉันพูดและหันไปส่งยิ้มให้กับรุ่นพี่ที่ยืนอยู่ที่หน้าประตู เขาเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรออกมา ถ้าหากว่าที่พวกเราเป็นแบบนี้เกิดจากการที่ฉันดูแลตัวเองไม่ได้เลยพลอยทำให้รุ่นพี่ต้องทำแบบนี้ละก็ ฉันจะทำให้รุ่นพี่รู้ว่าฉันดูแลตัวเองได้และฉันก็อยากจะดูแลรุ่นพี่ให้ได้ด้วย

ฉันเดินกลับไปที่ห้องเรียนในขณะที่ฮีโระก็ยืนรออยู่ไม่ไกลนัก

“โอเคนะ”

“อื้ม อย่างน้อยๆฉันก็ได้เข้าใจพวกเธอมากขึ้น เธอก็ไม่ได้ต่างจากที่ฉันเคยเป็นหรอก”

เราเดินขึ้นไปห้องเรียน วันนี้มุนอาก็ยังดูซึมๆเล็กน้อย แต่ทั้งฉันและฮีโระก็พยายามที่จะพูดคุยกับเธอเยอะๆเพื่อที่จะให้เธอสบายใจขึ้น แม้รู้ว่าจะช่วยอะไรได้ไม่มาก แต่นั่นก็ทำให้เธอยิ้มออกมาได้บ้าง ความรู้สึกผิดในใจของเธอ ฉันรับรู้มันได้และฉันก็ไม่ได้คิดติดใจหรือโกรธมุนอาแม้แต่น้อย ความจริงฉันอยากให้เธอกลับมาร่าเริงเหมือนเดิมมากกว่า

“ขอโทษนะ ฉันรู้สึกผิดกับเธอจริงๆ ฉันทำผิดกับเธอไว้เยอะ แต่เธอก็ไม่เคยบอกเรื่องนี้กับใคร ฉันมันแย่จริงๆ ถ้าฉันไม่ได้ชดใช้ให้กับเธอ ฉันคงจะรู้สึกผิดไปตลอดแน่ๆ”

“ถ้าเธออยากให้ฉันมีความสุขจริงๆ ก็ลืมเรื่องพวกนี้ และกลับมาเป็นมุนอาคนเดิม แบบนั้นฉันถึงจะคิดว่าเธอได้ชดใช้แล้ว โอเคไหม ไหนยิ้มซิ”

ฉันพยายามปลอบมุนอา เพราะทั้งวันเธอเอาแต่พูดแบบนี้ซ้ำไปมา จนบางทีฉันก็รู้สึกสงสารเธอ ฉันไม่อยากให้เธอต้องมาจมอยู่กับความรู้สึกผิดต่อฉันไปตลอด

ตอนเย็นพอเลิกเรียนคาบสุดท้าย เธอก็รีบขอตัวกลับก่อน ทั้งๆที่ฮีโระบอกว่าจะไปส่งเธอขึ้นรถ แต่เธอก็ปฏิเสธและขอกลับคนเดียว

“มุนอา เธอคงไม่เป็นไรใช่ไหมฮีโระ”

“เราต้องให้เวลาเธอหน่อย บางทีมันก็ยากที่ลบความผิดที่เราเคยทำไว้ แม้ว่ามันจะได้รับการให้อภัยแล้วก็ตาม”

ฉันและฮีโระเดินไปที่โรงยิมด้วยกัน ตอนแรกฉันคิดเอาไว้ว่าฉันจะรอจนกว่ารุ่นพี่คนเดิมจะกลับมา แต่ตอนนี้ฉันทำใจและคิดใหม่แล้ว ฉันอยากฟังคำตอบของรุ่นพี่สักครั้ง แม้ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไรฉันก็จะยอมรัมมัน

“ถ้าอย่างนั้นวันนี้ผมไม่รอแล้วนะ”

ฮีโระพูดขณะที่เดินมาส่งฉันที่หน้าโรงยิม

“อื้ม วันนั้นฮีโระคงเหนื่อยมากสินะ ที่ต้องมารอฉันด้วย แต่วันนี้ไม่ว่าผลลัพท์จะเป็นยังไงก็ตาม ฉันจะยอมรับมัน เพราะฉะนั้นฮีโระ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอกนะ ฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ”

ฉันบอกกับฮีโระอย่างเข้มแข็ง แม้ในใจจะหวั่นกลัวเล็กน้อยว่าถ้าหากทุกอย่างต้องจบลงจริงๆ ฉันจะรับมันไหวหรือเปล่า แต่สิ่งที่ฉันควรจะทำตอนนี้คือ ทำให้รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิมให้ได้ ถ้าหากการที่เราต้องเลิกเจอกันจะทำให้รอยยิ้มของรุ่นพี่กลับมาฉันก็จะทำ เพราะความสุขของฉันคือการได้เห็นรุ่นพี่มีความสุข

ฉันเดินเข้าไปในโรงยิมและคิดเอาไว้ว่ายังไงวันนี้ฉันก็จะทำให้ดีที่สุด รุ่นพี่ยังคงไม่เลิกซ้อมง่ายๆราวกับว่าไม่อยากเจอฉัน ฉันยังคงเดินวนไปวนมาอยู่อย่างนี้ เพื่อรอเวลาที่ทุกคนจะเลิกและออกมาจากโรงยิม ตอนนี้ทุกคนเริ่มทยอยออกมากันแล้ว ฉันจึงค่อยๆแอบมองเข้าไปโรงยิมละหวังว่าเขาจะอยู่แถวๆนั้น

แต่แล้วภาพที่ฉันเห็นก็ทำให้ฉันถึงกับก้าวไม่ออก มีใครบางคนอยู่กับรุ่นพี่แล้ว และคนนั้นๆก็ไม่ใช่ใครคนอื่นแต่เป็น ซอลฟา

เธอกำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กๆให้กับรุ่นพี่ เขารับมันไว้ และเธอก็เดินเข้าไปกอดแขนเขา ดูท่าทางแล้วพวกเขาน่าจะสนิทมาก จนฉันคิดไม่ทันว่าพวกเขาไปสนิทกันขนาดนี้ตอนไหน หรือทุกครั้งที่ฉันมาที่นี่และเจอกับเธอก็เพราะว่าเธอก็มารอรุ่นพี่เหมือนกัน ไม่มีอะไรที่ทำให้ฉันเข้าใจได้เลย ฉันรีบหลบแล้วออกเดินออกมา ก่อนที่รุ่นพี่และซอลฟาจะเห็นฉัน ภาพที่ฉันเห็นนั้นทำให้ฉันแทบจะทรุดได้ทีเดียว พวกเขาดูเหมือนคนรักกันมากกว่าจะเป็นแค่คนรู้จัก แล้วคำพูดที่รุ่นพี่บอกกับฉันวันนั้นก็ย้อนกลับมาให้ฉันคิดอีกครั้ง “ขอโทษนะ แต่เราเลิกพบกันเถอะ” นี่คงเป็นคำตอบที่ฉันต้องยอมรับสินะ

“หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว”

เสียงใครคนหนึ่งเดินมาอยู่ข้างๆฉัน และเมื่อฉันกลับไปมองเขาก็รีบเอื้อมมือมากอดคอฉันไว้

“ก็บอกแล้วไงเล่าว่าอย่าร้องไห้ ผมไม่ชอบหรอกนะเวลาที่ฮารุเป็นแบบนี้น่ะ”

“ไม่ได้ร้อง ไม่ได้ร้อง ดูสิว่าฉันไม่ได้ร้องไห้สักนิดน่ะ”

ฉันหันหน้าไปมองฮีโระ ที่กำลังกอดคอฉันอยู่

“ไม่เชื่อหรอกน่า”

......................................................................................................................................................................................................................

สองอาทิตย์ผ่านไปอย่างช้าๆ ตอนนี้ที่โรงเรียนกำลังมีประเด็นร้อนมาใหม่ พวกเขาเพิ่งได้ข่าวสดๆร้อนๆว่ารุ่นพี่ชินกำลังคบอยู่กับสาวน้อยนักดนตรีของโรงเรียน ทุกคนต่างก็ชื่นชมว่าพวกเขาเหมาะสมกันดี คนหนึ่งก็นักกีฬา อีกคนก็นักดนตรี แถมหน้าตาดีทั้งคู่ แต่สำหรับฉันไม่รู้สึกทั้งยินดี หรือไม่ยินดีอะไรทั้งนั้น เพราะถึงยังไงฉันก็ต้องยอมรับให้ได้ว่า เรื่องระหว่างฉันกับรุ่นพี่มันจบลงแล้ว ไม่มีรอยยิ้มที่จะมอบให้กับฉัน ไม่มีคำพูดที่จะเอื้อนเอ่ยถึงกันต่อไป และฉันก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะไปนั่งดูรุ่นพี่ซ้อมบาสที่โรงยิมอีกแล้ว เรากลับมาสู่จุดเดิมที่พวกเราเคยอยู่ เหมือนเช่นเคยที่เราไม่รู้จักกัน และมีเพียงฉันเท่านั้นที่แอบมองรุ่นพี่อยู่อย่างนี้ แม้ว่ามันจะดูเหมือนเจ็บปวดแต่ว่า... อย่างน้อยๆฉันก็ดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่อีกครั้งแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะไม่ใช่สำหรับฉันก็ตาม

“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ ระหว่างเธอกับรุ่นพี่น่ะ”

“ไม่รู้สินะ แต่เป็นแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ไม่ต้องทำให้รุ่นพี่เป็นห่วงหรือหนักใจอีก”

“แต่ฉันทนเห็นไม่ได้จริงๆ เวลาที่รุ่นพี่น่ะอยู่กับผู้หญิงคนนั้น ว่าจะไม่พูดแล้วเชียว”

มุนอาทำหน้าไม่สบอารมณ์ ที่จริงแล้วฉันก็พอจะเห็นเธอออกอาการว่าไม่ชอบซอลฟาอยู่บ้าง แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ซอลฟา ก็ไม่ใช่คนไม่ดีนี่นา เธอก็ดูน่ารักดี”

ฉันพูดเพราะรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ และก็อดอิจฉาเธอไม่ได้

“น่ารักเหรอ เธอไม่คิดว่ายัยเด็กผู้หญิงคนนั้นจะน่ารังเกียจบ้างเหรอ เห็นอยู่ชัดๆว่ามาแย่งของของคนอื่นไป หน้าไม่อาย คราวก่อนก็กับรุ่นพี่อินซาทีแล้วนะ ครั้งนี้ยังจะมาแย่งรุ่นพี่ไปจากเธออีก ยัยนั่นคิดจะปั่นหัวฉันกับเธอตั้งแต่แรกแล้ว”

มุนอาพูดพร้อมกับนั่งกัดนิ้ว ตาจ้องเขม็งไปซอลฟา

“หมายความว่ายังไงเหรอ ที่ว่าแย่งรุ่นพี่อินซาน่ะ”

ที่จริงๆมันก็นานมาแล้ว ที่ว่าเรื่องของรุ่นพี่อินซากับมุนอาจบลง แต่เพราะฉันไม่เคยรู้เลยว่าพวกเราแยกทางกันเพราะอะไร จึงยังคงไม่เข้าใจว่า เรื่องที่มุนอาพูดนั้นเกี่ยวกับซอลฟายังไงด้วย

“ก็เพราะยัยนั่นแหละ ฉันถึงได้ขอเลิกกับรุ่นพี่อินซาน่ะสิ ที่จริงฉันก็ไม่อยากจะมารื้อฟื้นเรื่องพวกนี้หรอกนะ แต่มันทนไม่ไหวจริงๆ คิดดูสิว่าวันที่ฉันกับรุ่นพี่อินซานัดกันไปเที่ยว พอไปถึงที่นัด ฉันก็เจอกับยัยซอลฟาเดินกระหนุงกระหนิง กอดแขนกับรุ่นพี่ แถมไม่พอนะ พวกเขาลงมาจากรถคันเดียวกันซะด้วย เชื่อเลย”

“เธอแน่ใจเหรอว่าเป็นซอลฟาน่ะ”

“แน่ซะยิ่งกว่าแน่ซะอีก เพราะแบบนี้ไง ฉันถึงไม่ชอบขี้หน้ายัยนี่ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันละ แต่ก็แค่ไม่อยากพูดขึ้นมาเท่านั้นเอง จบก็คือจบ ฉันเองก็ไม่อยากจะยุ่งกับคนเจ้าชู้อย่างนายอินซาด้วย พูดแล้วอารมณ์เสียจริงๆเลย”

มุนอาทำหน้างอนๆราวกับว่า จริงๆแล้วเธอก็ยังคงคิดถึงเรื่องราวเก่าๆระหว่างเธอกับรุ่นพี่อินซาอยู่

“ดูเหมือนว่าพวกเราจะต้องอกหักเพราะคนๆเดียวยังไงยังงั้นเลยเน้าะ”

“เข้าไปรุมกันเลยดีมั้ย”

“ห๋า ใจเย็นๆก่อนมุนอา”

ฉันตบไหล่เธอเบาๆ

“ฉันล้อเล่นหรอกน่า”

และแล้วพวกเราก็ทำได้เพียงหัวเราะเบาๆกันสองคน แม้ว่ามันจะเจ็บปวด แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังโชคดีที่มีเพื่อนๆอยู่ด้วย พวกเราต่างก็ปลอบใจและดูแลซึ่งกันและกัน มันก็ไม่ได้มีอะไรที่เลวร้ายมากนี่นะ

................................................................................................................................................................................................................

รุ่งเช้าของอีกวัน ในขณะที่ฉันกับฮีโระกำลังเอาการบ้านไปส่งที่โต๊ะห้องพักครู ฉันก็บังเอิญเจอกับซอลฟาเข้า เธอยิ้มและเดินเข้ามาหาฉัน ที่จริงแล้วฉันไม่ควรจะรู้สึกแบบนี้กับเธอเลย แต่ว่าฉันก็รู้สึกแปลกๆกับเธอไปแล้ว หลังจากที่ฉันได้รู้ว่าเธอก็ชอบรุ่นพี่เหมือนกัน

“สวัสดีค่ะรุ่นพี่ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นละคะ”

“อ่อ เอ่อ สวัสดี”

ฉันพยายามหลบสายตา เพราะไม่รู้ว่าควรจะพูดกับเธอว่ายังไงดี มีเรื่องหลายเรื่องที่ทำให้ฉันสับสน แต่กำลังคิดอยู่ว่าควรจะถามเธอออกไปตรงๆดีไหม

“พวกเธอดูเหมาะสมกันมากเลยนะ”

ฉันทำได้เพียงแค่พูดแบบนั้นออกไป ยังไงซะฉันก็เหมือนคนขี้อิจฉาสินะ

“ขอบคุณค่ะ ใครๆก็คิดกันแบบนั้น แต่ว่าฉันต้องขอโทษรุ่นพี่ด้วยนะคะที่ไม่ได้บอกก่อน เพราะฉันเองก็ไม่ได้อยากให้รุ่นพี่ต้องเสียใจหรอกนะคะถึงได้ปิดเอาไว้ แต่ว่า... ฉันอยากบอกรุ่นพี่เอาไว้อย่างหนึ่งนะคะว่า... ฉันไม่ได้เป็นคนแย่งพี่ชินไปจากรุ่นพี่ เพราะพี่ชินเป็นของฉันตั้งแต่แรกแล้ว เพราะฉะนั้นอย่าได้เข้าใจฉันผิดไปนะคะ”

“พี่ชินเป็นของฉันตั้งแต่แรก” อย่างนั้นเหรอ หมายความว่ายังไงกันนะ เวลาที่เธอพูด ฉันแยกแทบไม่ออกว่าเธอจริงใจมากแค่ไหน เพราะหน้าตาที่ดูใสซื่อและไม่มีพิษภัยของเธอทำให้ฉันคาดเดาอะไรไม่ได้เลย

“ก็ดีนะ พวกเราจะรอดูต่อไปว่าเธอมีจะความสุขได้นานแค่ไหนกัน เมื่อเขาเป็นของเธอตั้งแต่แรกก็น่าจะรักษาเขาไว้ดีๆสิ ไม่ใช่ปล่อยให้เขาไปหาคนอื่น”

ฮีโระพูดออกมา พร้อมกับดึงแขนฉันให้เดินออกมา ฉันเห็นซอลฟาที่พยายามปั้นหน้าให้ยิ้ม แต่ที่จริงแล้วตอนนี้หน้าของเธอเริ่มจะบูดเบี้ยวและดูโมโหที่ฮีโระพูดแบบนั้นมากกว่า

“ฉันเองก็จะรอดูเหมือนกันค่ะ ว่ารุ่นพี่ฮีโระจะยอมทนทุกข์แบบนี้ไปนานได้อีกแค่ไหนกัน”

ซอลฟาพูดพร้อมกับแสยะยิ้มให้กับฮีโระ ฉันขอเปลี่ยนคำพูดที่เคยว่าบอกเธอน่ารักตอนนี้เลย เพราะคนที่ฉันเจอตอนนี้ ดูไม่เป็นมิตรและไม่น่าไว้ใจอีกต่อไปแล้ว

“ทำไมเขาถึงบอกว่าเธอมีความทุกข์ล่ะ”

ฉันหันไปถามฮีโระ ที่ตอนนี้กำลังแบกการบ้านเดินตรงไปยังห้องพักครู

“ก็แค่เรื่องไร้สาระน่ะ อย่าไปสนใจเลย”

เขาพูด ในขณะที่ฉันสัมผัสได้ถึงความเศร้าในสายตาของเขา พวกเราเดินมาถึงห้องพักครูและเอาการบ้านไปกองรวมกันที่โต๊ะ ขณะที่คนกลุ่มหนึ่งก็กำลังเดินผ่านหน้าห้องพักครูเหมือนกัน

“สุดท้ายก็ทำตามสัญญาไม่ได้สินะยัยหน้าจืด เธอโอเคป่ะเนี่ย ดูเหมือนคนจะเป็นลมอยู่ละ”

แชวอนพูดออกมาตอนกำลังจะเดินสวนกัน

“ฉันเหรอ ตอนนี้ก็เริ่มทำใจได้บ้างแล้ว ว่าแต่... พวกเธอเป็นห่วงฉันเหรอ”

ฉันยิ้มให้กลุ่มแชวอน แม้ว่าเธอจะดูเหมือนเกลียดฉัน แต่ฉันว่าเธอน่าคบกว่าคนบางคนมาก

“ฮะๆ พวกฉันเนี่ยนะเป็นห่วงเธอ พวกเราก็แค่กลัวว่าเธอจะรับไม่ได้นะสิ ยืนให้ไหวก่อนเถอะยัยหน้าจืด”

“ก็เพราะสภาพเธอเป็นแบบนี้น่ะสิ เลยสวยสู้ยัยนักดนตรีคุณหนูนั่นไม่ได้น่ะ”

“หัดดูแลตัวเองซะบ้างสิ ถ้าไม่มีเธอพวกเราก็คงจะเหงาปากแย่ น่าเบื่อจะตาย”

ฉันอดยิ้มไม่ได้ เมื่อก่อนฉันเคยรู้สึกว่าพวกเธอเป็นคนน่ากลัวและดูอันตราย แต่ตอนนี้มันไม่เป็นแบบนั้นแล้ว

“ขอบใจนะ ยังไงฉันก็รู้สึกดีที่มีพวกเธออยู่น่ะ”

“ถ้าอยากขอบใจจริงๆ ก็เอารุ่นพี่กลับมาให้ได้สิ รอยยิ้มของเขาตอนนี้น่ะมันไม่ใช่ของจริงหรอก ถ้าเธอไม่ได้บื้อมากนักก็น่าจะดูออกนะ ไปกันเถอะ”

“หะ?”

ฉันแอบอึ้งไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินแชวอนพูดออกมาแบบนั้น พวกเธอพูดเสร็จก็เดินจากไป ทิ้งไว้ให้ฉันกลับเอามาคิดหนัก รอยยิ้มที่ไม่ใช่ของจริง มันคืออะไรกันนะ ฉันและฮีโระมองตามหลังกลุ่มแชวอนที่เดินจากไป

“บางทีพวกเขาก็ความรู้สึกไวใช้ได้เลยนะ”

ฮีโระพูดออกมา ส่วนฉันเองก็ยังงงๆ ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกเหนื่อยๆและเหมือนจะไม่มีแรงอย่างที่แชวอนว่าจริงๆ ไม่อยากจะทำอะไรที่มันดูไกลเกินเอื้อมอีกแล้ว แม้ว่าฉันจะยังคงชอบรุ่นพี่อยู่ แต่ว่าฉันคงไม่มีอะไรที่จะทำให้รุ่นพี่กลับมาหาฉันได้หรอก และฉันเองก็คงจะตัดใจและเลิกคาดหวังแล้วล่ะ ได้มองรุ่นพี่ไกลๆแค่นี้ก็พอใจแล้ว

ฉันและฮีโระ เดินกลับเข้ามาในห้อง มุนอากำลังนั่งจ้องบางอย่างอยู่ที่ริมหน้าต่าง

“ทำอะไรอยู่เหรอ”

“อ๋อ ฉันว่ามันแปลกๆยังไงอยู่นะ ดูนั่นสิ”

มุนอาชี้ชั้นให้ฉันดู ที่ใต้ตนไม้รุ่นพี่กับซอลฟานั่งอยู่ข้างกัน ถัดจากรุ่นพี่ก็มีรุ่นพี่อินซาอยู่ด้วย ว่าแต่มันน่าแปลกตรงไหนนะ

“สามคนนั้นจะมานั่งด้วยกันได้ยังไง ในเมื่อยัยนั่นทิ้งรุ่นพี่อินซาและตอนนี้ก็กำลังคบกับรุ่นพี่ชิน มันจะเป็นไปได้เหรอที่พวกเขาจะไม่รู้สึกอะไรเลยน่ะ ยัยนั่นน่ะจิ้งจอกตัวแม่เลยนะนั่นน่ะ”

มุนอายังไงคงบ่นต่อไป แต่ก็ทำให้ฉันอดสงสัยไม่ได้เหมือนกัน มันก็น่าแปลกเหมือนอย่างที่มุนอาว่า ถ้าหากว่าซอลฟาเป็นคนที่เธอบอกว่าเคยคบกันรุ่นพี่อินซาจริงๆ ทำไมตอนนี้เธอถึงมานั่งอยู่ข้างๆกับรุ่นพี่ชินและรุ่นพี่อินซาได้ละ

ตอนเย็นขณะที่พวกเรากำลังทำเวรห้องอยู่นั้น มุนอาก็บอกว่าอยากจะขอตัวไปทำอะไรสักอย่าง ซึ่งพูดไม่ทันขาดคำเธอก็รีบวิ่งออกไปจากห้องและวิ่งลงไปบันไดลงไป ฉันและฮีโระแปลกใจมาก ดูเหมือนเธอจะรีบไปไหนสักแห่ง

“วิ่งเร็วชะมัด ดูนั่นสิฮารุ”

ฮีโระมองดูที่หน้าต่าง และเรียกให้ฉันไปดู มุนอากำลังรีบวิ่งจ้ำอ้าว ตามใครสักคนไป แต่มองจากด้านหลังแล้ว นั่นมันรุ่นพี่อินซานี่นา นี่เป็นการคุยกันครั้งแรกในรอบปีหลังจากที่พวกเขาเลิกกันหรือเปล่านะ ฉันและฮีโระยืนสงสัยในขณะที่แอบมองพวกเขาอยู่ที่ริมหน้าต่าง

“ที่จริงพวกเขาก็ดูเหมาะกันดีออกนี่นะ”

“ฮีโระแอบหึงหรือเปล่าเนี่ย”

“หึงเหรอ ผมว่ามุนอาน่ะ แค่ยังไม่รู้ใจตัวเองมากกว่า คนเราน่ะไม่สามารถเลิกรักใครสักคนได้ง่ายๆหรอก”

ฮีโระพูดออกมาพร้อมกับถอนหายใจ พวกเรายังไงคงจ้องมุนอาและรุ่นพี่อินซา พวกเขาเดินไปด้วยกันที่ไหนสักแห่งที่ลับตาพวกเราไปแล้ว

“ที่จริง แม้ว่าฉันจะเชียร์ให้ฮีโระชอบมุนอา แต่ว่าจริงๆแล้วมุนอาก็ดูเหมาะกับรุ่นพี่อินซามากกว่าจริงๆแหละ ขอโทษนะ”

“ขอโทษอะไรกัน นี่ผมไม่ได้คิดอะไรกับเขาสักหน่อย ป่ะ ทำเวรๆ”

ฮีโระพูดพลางเอาไม้กวาดมาปัดที่ขาของฉัน พวกเราช่วยกันกวาดพื้น ถูกพื้นและเช็ดกระดานจนสะอาดเรียบร้อย หลังจากนั้นเกือบ 15 นาที มุนอาก็กลับมาพร้อมกับลมหายใจที่หอบแฮ่กๆ

“นี่ๆ พวกเธอ ฉัน... เฮ่อ ฉัน...”

“มีอะไรเหรอ ใจเย็นๆพักให้หายเหนื่อยแล้วค่อยพูดก็ได้”

ฉันพูดพลางเอากระดาษมาพัดให้เธอ

“คือ... รู้แล้วต้องเหยียบไว้เลยนะ ยัยนั่น ยัย... ยัยซอลฟา กับรุ่นพี่อินซา...”

“ซอลฟากับรุ่นพี่อินซา ทำไมเหรอ”

ฉันเริ่มชักจะอยากรู้สิ่งที่มุนอาอยากบอกเต็มที แต่ก่อนที่เธอจะทันพูดออกมา ก็กลายเป็นฮีโระเองที่พูดออกมาซะก่อน

“ซอลฟากับรุ่นพี่อินซาเป็นพี่น้องกัน ใช่มะ”

O.O “นี่นายรู้ได้ยังไง”

มุนอาทำท่าสงสัย ส่วนฉันเองก็ยังคงไม่เชื่อ พวกเขาพูดว่าอะไรกันนะ

“ใช่ ยัยเด็กซอลฟานั่นเป็นน้องของรุ่นพี่อินซา!!!”

มุนอาพูดอีกครั้ง และฉันได้ยินแน่ชัดแล้วว่าพวกเขาเป็นพี่น้องกัน งั้นก็แสดงว่าพวกเขาไม่ใช่แฟนกันอย่างที่มุนอาบอกน่ะสิ

“ถ้าอย่างนั้นที่เธอเลิกกับรุ่นพี่อินซาต้องเลิกกัน มันก็ไม่มีเหตุผลน่ะสิ”

“ก็คงประมาณนั้น นี่ฉันคิดมากไปเองเหรอเนี่ย โฮ TOT แถมฉันเองก็ยังเป็นคนไปบอกรุ่นพี่ด้วยว่า คนเจ้าชู้อย่างรุ่นพี่น่ะฉันไม่อยากจะยุ่งด้วยหรอก เชิญไปมีคนใหม่ได้ตามสบายเลย แล้วหลังจากนั้นก็เหมือนอย่างที่เธอรู้ แม้ว่าเขาจะพยายามขอคุยด้วยและอธิบายอะไร ฉันก็ไม่ยอมฟังเลย นี่ฉันทำอะไรลงไปเนี่ย” =..=

มุนอาทำท่าเสียใจต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เธอรู้ความจริงทั้งหมดก็ตอนที่เธอรีบวิ่งไปถามรุ่นพี่ จึงได้คำตอบจากรุ่นพี่อินซากลับมาว่า “ยัยโง่ ก็ฉันพยายามจะบอกเธอตั้งกี่ครั้งแล้ว แต่เธอเคยคิดจะฟังบ้างไหม แล้วทีนี่เป็นไงล่ะ อย่าบอกว่าที่ห่างกันมาเป็นปีนี่คิดจะกลับมานะ อย่าได้หวังเลย”

“ที่จริงฉันก็ไม่ได้คิดอะไรแล้วแหละนะ แต่ว่า...พอมารู้ความจริงแบบนี้ ฉันเองก็อยากกลับไปเหมือนกันนะ”

มุนอาก้มหน้าลงไปฟุบที่โต๊ะ ฉันกับฮีโระเองก็แปลกใจนะ แต่มุนอาน่าจะช๊อคมากกว่าฉันหลายเท่า แถมไม่พอเธอเองก็เป็นคนเข้าใจรุ่นพี่ผิดไปฝ่ายเดียวด้วย

“ชอบเขา ก็รีบกลับไปขอโทษเขาเถอะ อย่ามัววางฟอร์มอยู่เลย เวลาน่ะไม่คอยใครหรอกนะ รุ่นพี่อินซาเองก็ไม่เห็นจะคบใครเลยนี่”

“ฮีโระ”

ฮีโระพูดขึ้น ฉันว่าที่ฮีโระพูดก็มีส่วนถูกนะ เพราะที่ผ่านมาก็ไม่เห็นรุ่นพี่อินซาจะเคยคบใคร หลังจากที่เลิกกับมุนอาไปเขาก็เอาแต่เรียน เรียน กับเล่นบาสเท่านั้น หรือบางทีถ้าพวกเขาเป็นคู่กันจริงๆละก็ ฉันคิดว่ารุ่นพี่อินซาอาจจะรอมุนอาอยู่ก็ได้

“ขอโทษนะฮีโระ ที่ฉันต้องนอกใจนาย แต่ที่นายพูดมันก็ถูกแล้วล่ะ ฉันจะลองดู ฮึ่ม”

มุนอาทำท่าฮึดฮัด ในขณะที่ฮีโระเองหัวเราะออกมาเบาๆ เขาไม่เคยคิดน้อยใจที่มุนอาอยากกลับไปหารุ่นพี่อินซา และดูเขาจะมีความสุขมากกว่า แสดงว่าเขาก็ไม่ได้ชอบมุนอาตั้งแต่แรกอย่างนั้นเหรอ ฉันก็หลงเชียร์พวกเขาอยู่ตั้งนาน ยังไงฉันก็จะเป็นกำลังใจให้เธอนะมุนอา

The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 16 : ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน

“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ อ่า ถ้าฉันได้ยินเสียงนี...



ในตอนกลางวันของวันนั้น มุนอาขออยู่ตามลำพังสักพัก ฉันเข้าใจว่าเธอคงรู้สึกผิดอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ตัวฉันเองจะอธิบายให้เธอเข้าใจว่าฉันไม่ได้คิดมากเกี่ยวกับเรื่องเหล่านั้นก็ตาม ฉันเดินลงมาจากดาดฟ้าและกำลังจะไปที่โรงอาหาร ฮีโระตามหลังฉันมาอย่างช้าๆ แต่ที่ฉันทำกับเขาเมื่อเช้าก็ดูเหมือนจะแรงไปหน่อยนะ ฉันหยุดเดินและพูดกับเขา

“ขอโทษที่เมื่อเช้าฉันทำตัวแย่ๆกับฮีโระ ฉันแค่ไม่อยากจะได้ยินแบบนั้น”

ฮีโระเดินมาหยุดอยู่ข้างๆฉัน

“ไม่เป็นไร” ^^

เราเดินไปที่โรงอาหารด้วยกันเหมือนเคย ที่โรงอาหารรุ่นพี่และเพื่อนๆก็อยู่ที่นั่นด้วย ฉันยิ้มให้กับรุ่นพี่แต่เขากลับหลบสายตา ฉันกับฮีโระจึงไปยกถาดอาหารแล้วหาโต๊ะที่ว่างนั่งกัน

“ฉันว่า มีอะไรบางอย่างแปลกๆไปนะ ฮีโระรู้สึกไหม”

“เดี๋ยวทุกอย่างก็คงจะกลับมาสู่ปกติเองแหละ กินข้าวเถอะ”

ฮีโระทำเหมือนไม่สนใจที่ในสิ่งที่ฉันพูด เขาเอาแต่ตักข้าวเข้าปากไปเรื่อยๆเท่านั้น แต่ฉันเมื่อนึกถึงเรื่องรุ่นพี่ที่ตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากฉัน ฉันก็รู้สึกว่ากินข้าวไม่ค่อยลงซะแล้ว

“หรือบางทีรุ่นพี่อาจจะเกลียดฉันจริงๆแล้วก็ได้นะ” ^^:

“เป็นไปไม่ได้หรอกน่า” ฮีโระหยุดกินข้าวแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ

“นี่ผมต้องบอกฮารุจริงๆใช่ไหมเนี่ย”

ฮีโระทำหน้าคิดหนัก เหมือนเขามีบางอย่างจะบอกฉันแต่ก็บอกไม่ได้

“มีอะไรกันเหรอฮีโระ บอกฉันมาเถอะ ขืนเป็นแบบนี้ฉันคงกินข้าวไม่ลงแน่นอน”

ฉันวางช้อนลง และนั่งจ้องหน้ารอฟังคำตอบจากฮีโระ

“จริงๆแล้วรุ่นพี่เขา...ทำเพื่อฮารุนะ”

“แล้วทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยล่ะ รุ่นพี่ไม่สนใจฉันแม้แต่น้อย ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เรายังไม่เคยได้คุยกันฉันเข้าใจนะ แต่ตอนนี้ฉันรับไม่ได้หรอก”

“เขาคิดว่าทั้งหมดอาจจะเป็นฝีมือของ...แชวอนน่ะ เขาคิดว่าแชวอนทำร้ายฮารุเพราะเขา”

“หมายความว่ายังไง แชวอนเกี่ยวอะไรด้วย ฉันไม่เข้าใจ”

“แล้วฮารุจะทำยังไง จะเดินไปบอกรุ่นพี่ว่ามุนอาเป็นคนแกล้งทำเรื่องทั้งหมดเหรอ ผมรู้ว่าฮารุไม่อยากทำแบบนั้นหรอก ฮารุก็รู้ว่าเราอยู่ในสถานะที่พูดและทำอะไรไม่ได้ เชื่อผมเถอะ ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้สักพัก เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง”

แล้วเราสองคนก็ทำได้แต่นั่งกินข้าวแบบเงียบๆ สายตาของฉันในตอนนี้มีแต่หน้าของรุ่นพี่และรุ่นพี่ แม้คนที่อยู่ตรงหน้าของฉันตอนนี้จะเปลี่ยนไปมาก แต่ฉันจะเชื่อเหมือนที่ฮีโระพูดว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อเวลามันผ่านไป เพราะ ณ ตอนนี้ฉันกับฮีโระเองก็ไม่สามารถที่จะบอกกับรุ่นพี่ได้ว่าที่จริงเป็นเพียงความกังวลของมุนอา ที่ทำลงไปโดยที่เธอไม่ได้คิดและเธอก็ไม่ได้ตั้งใจที่จะทำแบบนั้นด้วย

“อ่าว รุ่นพี่ชิน วันนี้ไม่ไปนั่งกินข้าวกับรุ่นพี่ฮีโระกับรุ่นพี่ฮารุเหรอคะ”

เสียงหวานๆของสาวน้อยนักดนตรีดังขึ้นไม่ไกล เธอหันมาพร้อมกับยิ้มให้ฉันก่อนที่จะนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับรุ่นพี่ พวกเขาพูดคุยกันเรื่องอะไรนะ เห็นแบบนี้ฉันก็รู้สึกอยากจะไปนั่งที่ตรงนั้นบ้าง แม้ว่าฉันพอจะรู้จักซอลฟาบ้าง แต่ฉันเองก็แอบไม่สบายใจเหมือนกันนะ ท่าทางพวกเขาจะสนิทกันซะด้วยสิ

หลังจากที่กินข้าวกลางวันเสร็จ ฉันแวะซื้อขนมปังกับนมไปให้มุนอาที่บนดาดฟ้า แล้วเราก็มาเข้าเรียนในช่วงบ่ายด้วยกัน ไม่มีใครรู้ในสิ่งที่เกิดนอกจากฉันและฮีโระ ซึ่งพวกเราเชื่อใจกันและกันว่าจะไม่มีทางบอกใคร ฉันกับมุนอากลับมานั่งที่ของตัวเองเหมือนเดิม

“ช่วงเช้า ครูวิชาภาษาไทยและวรรณคดีบอกว่ามีนักเรียนสามคนโดดเรียน ครูคิดว่าพวกเธอรู้ตัวนะ”

และแล้วฉันและมุนอาก็ถูกให้มายืนขาเดียวอยู่ที่หน้าห้อง และที่น่าแปลกใจคือมีฮีโระอีกคนที่โดดเรียน แต่วินาทีนี้ไม่มีใครต้องการรู้ว่าเขาไปไหนมา

“พอพวกเราต้องมายืนขาเดียวแบบนี้คิดถึงตอนที่เรารู้จักกันใหม่ๆเลยเน๊าะ วันที่พวกเราโดนลงโทษด้วยกันแบบนี้น่ะ”

“นั่นน่ะสินะ”

ฉันพูดขึ้นเมื่อมันทำให้นึกถึงวันที่ฉันและมุนอารู้จักกัน มันเป็นวันที่เปิดภาคเรียนใหม่ พวกเราต่างมาจากคนละที่และต่างคนก็ต่างต้องการเพื่อน ฉันและมุนอาเลยแอบคุยกันในห้อง และถูกอาจารย์จับได้ เราจึงถูกลงโทษด้วยกัน

“คิดแล้วก็น่าตลกดีเหมือนกันนะ ”

ฉันกับมุนอาพูดคุยกันแบบเบาๆโดยมีฮีโระยืนฟังอย่างเงียบๆ หลังจากที่ครบเวลาสิบห้านาทีแล้วอาจารย์ก็เรียกพวกเรากลับเข้าห้องเรียนเหมือนเดิม ก่อนที่จะเข้าห้องฉันแอบได้ยินฮีโระพูดกับมุนอา

“ขอโทษด้วยสำหรับเรื่องเมื่อเช้านี้”

“เฮ้ย ไม่เป็นไรหรอก มันเกิดขึ้นก็เพราะฉันเองนี่นา ทำหน้าแบบนี้ไม่สมกับเป็นนายเลยนะ”

มุนอาพูดแซวฮีโระในขณะที่ตบไหล่เขาเบาๆ ฉันยิ้มออกมาได้เพราะคิดว่าอย่างน้อยๆความสัมพันธ์ของพวกเราก็กลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ และฉันหวังว่าระหว่างฉันกับรุ่นพี่ก็จะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้เช่นกัน

ตอนเย็นหลังเลิกเรียนฉันบอกกับฮีโระว่าอยากจะไปรอรุ่นพี่ซ้อมจนเสร็จ ฮีโระอยากอยู่เป็นเพื่อนฉันจนกว่ารุ่นพี่จะซ้อมเสร็จแต่ฉันบอกเขาว่าฉันอยู่คนเดียวได้ เขาจึงกลับบ้านก่อน

ตอนนี้ฉันกำลังมานั่งดูรุ่นพี่เล่นบาสอยู่ที่โรงยิมเพียงลำพัง ในใจก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อย ไม่สบายใจและไม่อยากให้ความรู้สึกแบบนี้ต้องอยู่กับพวกเราไปนานๆ แต่จะบอกกับรุ่นพี่ยังไงว่าไม่ต้องกังวลกับเรื่องพวกนั้นแล้ว เพราะต่อจากนี้ไปจะมีแต่เรื่องดีๆเข้ามา และฉันกับมุนอาเองก็พูดคุยปรับความเข้าใจกันดีแล้วด้วย ในขณะที่คิดเพลินๆอยู่นั้น เธอคนเดิมที่แอบทำให้ฉันรู้สึกอิจฉาตอนกลางวันก็มา

“แอบมานั่งคนเดียวอีกแล้ว”

ซอลฟาวางกีต้าร์ลงและนั่งข้างๆฉัน

“ขอโทษเรื่องตอนกลางวันด้วยนะคะ แต่เพราะรู้สึกแปลกๆที่เห็นรุ่นพี่ไม่มากินข้าวด้วยกัน ฉันก็เลยอยากจะเข้าไปถาม ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ”

เธอยิ้มพลางขอโทษ ฉันก็กะว่าจะแอบโกรธเธอสักหน่อย แต่พอเห็นรอยยิ้มน่ารักๆนั้นเข้าก็กลับโกรธเธอไม่ลงเฉยเลย

“แล้วซอลฟาพอจะรู้ไหมว่าทำไมรุ่นพี่ถึงดูแปลกๆไป เขาดูเหมือนจะเกลียดฉันยังไงยังงั้นแหละ”

ฉันหันไปถามเธออย่างสนใจ บางทีอาจจะพอมีวิธีที่จะทำให้รุ่นพี่กลับมาคุยกับฉันได้เหมือนเดิมก็ได้

“อืม... นั่นสิคะ ตอนกลางวันที่ถามก็ไม่ยอมตอบอะไรเลย แต่ที่แน่ๆก็คงไม่ใช่เพราะว่าเกลียดรุ่นพี่ฮารุจริงๆหรอกค่ะ”

“ฉันก็หวังว่ามันจะเป็นยังไงแหละ เฮ้อ”

ฉันถอนหายใจเบาๆ และมองไปยังสนามบาส รุ่นพี่ชินยังคงซ้อมอย่างหนัก ข้างๆกันนั้นมีร่นพี่อินซาอยู่ด้วย ช่วงนี้ฉันไม่ได้เจอเขาเลย ได้ข่าวว่าเขาต้องเรียนภาษาอย่างหนักเพราะจะไปเรียนต่อต่างประเทศ รุ่นพี่อินซามองขึ้นมาที่ที่ฉันกับซอลฟานั่ง สักพักสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไป และรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะวิ่งมาหาฉันนะ

“เอ่อ รุ่นพี่คะ ฉันต้องไปซ้อมดนตรีแล้ว ไว้เจอกันใหม่นะคะ”

ซอลฟารีบลุกออกไปเหมือนกับว่ากำลังหนีใครอย่างนั้นแหละ ฉันเองก็ทำได้แต่นั่ง งงๆ กับคนสองคนที่สลับกันไปมา

“ฮารุ เมื่อกี้นั่งอยู่กับใคร”

“อ๋อ เอ่อ ซอลฟาค่ะ รุ่นน้องที่เป็นนักดนตรีไงคะ รุ่นพี่ มีอะไรหรือเปล่าคะ”

“ปะ เปล่า ก็แค่... ยังไงก็ดูแลตัวเองด้วยก็แล้วกันนะฮารุ”

“เอ๊ะ เอ่อ ค่ะ”

ฉันตอบไปแบบ งงๆ มีอะไรกันหรือเปล่านะ พอพูดจบรุ่นพี่อินซาก็วิ่งกลับไปซ้อมต่อ ทิ้งความงุนงงเอาไว้ให้ฉันได้กลับเอามาคิด

ฉันนั่งรอจนค่ำ ราวกับว่ารุ่นพี่จะไม่อยากเจอฉัน เขาจึงไม่ยอมเลิกซ้อมสักที แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังคงนั่งรอต่อไป จนในที่สุดพวกเขาก็เลิกซ้อม แล้วรุ่นพี่ก็เก็บของและกำลังจะเดินออกจากโรงยิม แม้จะเดินผ่านตรงที่ฉันนั่ง แต่รุ่นพี่ก็ยังคงทำเหมือนไม่เห็นฉัน และเดินออกไป

หนึ่งก้าว สองก้าว สามก้าว ฉันเดินตามหลังรุ่นพี่อย่างช้าๆ การที่ได้เดินตามรุ่นพี่อยู่ห่างๆแบบนี้ฉันก็รับรู้ได้ถึงหัวใจที่อบอุ่นของเขา

กึก~ รุ่นพี่หยุดเดินในขณะที่ฉันตามหลังเขา รุ่นพี่ไม่ได้หันหน้ามามองฉันแม้แต่น้อย ฉันได้ยินเพียงแต่เสียงที่บางเบาของรุ่นพี่เท่านั้น

“ขอโทษนะ แต่เราเลิกพบกันเถอะ ให้มันจบลงแบบนี้เถอะนะ”

ถึงแม้ฉันจะรู้ว่าสิ่งที่รุ่นพี่กำลังทำอยู่ตอนนี้เพื่อให้ไม่ใครคิดจะแกล้งฉันอีก แต่...ที่รุ่นพี่พูด มันทำให้ฉันต้องสะอึก ฉันรู้สึกราวกับว่าคำพูดของรุ่นพี่จะเป็นเรื่องจริง ตอนนี้มีเพียงฉันที่ยังยืนอยู่ตรงนี้ รุ่นพี่เดินจากไปพร้อมกับคำพูดที่บอกให้เราเลิกพบกัน ฉันหวังแค่ว่าเรื่องที่รุ่นพี่พูดจะไม่เป็นความจริง แต่ถึงจะคิดแบบนั้น ฉันก็รู้สึกเหนื่อยใจเหลือเกิน ฉัน... จะทำยังไงดี

“เธอดูน่ารักนะเวลาที่ไม่ร้องไห้น่ะ”

ฮีโระยืนอยู่ที่หน้าประตูทางออกโรงยิม เขาไม่ได้กลับบ้านหรอกเหรอ ทำไมเขาต้องมาอยู่ตรงนี้ในตอนที่ฉันกำลังเศร้าด้วย มันยิ่งทำให้ฉันกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่

“ฉันก็ไม่ได้ร้องไห้สักหน่อย”

ฮีโระเดินเข้ามาหาฉันอย่างช้าๆ ทำไมน้ำตาฉันต้องมาไหลเอาตอนนี้ด้วยนะ

“ผมรู้ว่าเธอไม่ได้ร้องไห้ แต่ก็... รับไปสิ”

ฮีโระยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉันโดยที่ไม่ได้มองหน้าฉันแม้แต่น้อยเขาเพียงแค่หันหลังให้ฉัน ก็ถือว่าฉันไม่ได้ร้องไห้แล้วสินะ ฉันปล่อยความอึดอัดทั้งหมดพร้อมกับน้ำตาที่ฉันไม่อาจจะหยุดให้มันไหลได้เบื้องหลังของฮีโระที่ปลอบใจฉันด้วยความเงียบสงบที่โรงยิมแห่งนี้

ฉันเดินกลับบ้านด้วยตาที่บวมเป่ง ทั้งตอนเช้าและตอนเย็น ฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ฉันดูขี้แยที่สุดเท่าที่เคยเป็น ฮีโระที่เดินอยู่ข้างๆก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันเดาว่าเขาอาจได้ยินที่รุ่นพี่พูด เราต่างคนต่างเดินจนมาถึงที่หน้าบ้านของฉัน

“เข้าบ้านแล้วพักผ่อนเถอะ”

“ขอบใจนะ ฉันสัญญาว่าวันพรุ่งนี้ฉันจะเข้มแข็งให้มาก”

ฉันเดินเข้าบ้าน หลังจากที่แม่เห็นฉันก็รีบซักถามว่าเกิดอะไรขึ้นและใครทำอะไรให้ฉัน ฉันทำได้เพียงแค่ตอบแม่ไปว่าไม่เป็นไรและปิดประตู

“เจ้าเด็กน้อย วันนี้รุ่นพี่ดูเปลี่ยนไปมากเลยล่ะ เขาดูเหมือนไม่ใช่คนเดิม เธอบอกฉันได้ไหมว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง” ฉันกอดตุ๊กตาเจ้าเด็กน้อยไว้นานแสนนานจนเผลอหลับไป

“ติ๊ด ติ๊ด~~ ติ๊ด ติ๊ด~~” ครืด~~~~ เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น มีข้อความส่งมาจากฮีโระเหมือนเช่นเคย ฉันเปิดโทรศัพท์ขึ้นมาดู นาฬิกาบอกเวลา 20.05 นาที

“Hero Massege: เปิดผ่านม่านออกสิ ผมมีอะไรจะให้ดู”

ฉันค่อยๆลุกขึ้นจากที่นอน คงเพราะวันนี้เสียน้ำไปเยอะทำให้ตาของฉันลืมไม่ขึ้นสักเท่าไหร่ แต่ฉันก็ยังพยายามลุกมาเปิดผ่านม่านดู ทันทีที่ฉันเปิดผ่านม่านออก ฉันกับถือต้องตกใจ เพราะมีบางอย่างอยู่ข้างนอกหน้าต่าง มันคือ...

เหล่าลูกโป่งนับสิบๆลูกหลากหลายสีสันถูกมัดรวมกันไว้ที่นอกหน้าต่างห้องฉัน ลูกโป่งทุกใบมีรูปหน้ายิ้มอยู่ ฉันมองไปที่หน้าต่างห้องของฮีโระ เขาที่นั่งอยู่ริมหน้าต่างก็กำลังมองมาที่ฉันเช่นกัน ฮีโระส่งยิ้มมาให้ฉันอย่างใจดี

ติ๊ด ติ๊ด~~ และตามด้วยข้อความอีกหนึ่งฉบับ มันคือรูปภาพที่ตลกปนน่ารักของฮีโระที่ถ่ายคู่กับลูกโป่งเหล่านั้น และใต้รูปถ่ายก็มีข้อความแนบมาด้วย

“ไม่ว่ายังไง ผมก็เชื่อว่าทุกอย่างจะดีขึ้น มายิ้มให้กำลังใจตัวเองกันนะ”

ข้อความและรูปภาพที่ฉันได้รับจากฮีโระ ทำให้ฉันยิ้มออกมาได้บ้าง ไม่ว่ายังไงฉันก็ต้องก้าวผ่านวันนี้ไปได้ ฉันเปิดกล้องจากโทรศัพท์ขึ้นมาและถ่ายรูปของฉันกับลูกโป่งหน้ายิ้มพวกนั้น แล้วกดส่งไปให้ฮีโระ

“ฉันยิ้มแล้วนะ เห็นรึยัง”

ฮีโระยิ้มพร้อมกับพยักหน้าเล็กน้อย เขามักจะเข้ามาในช่วงเวลาที่ฉันลำบากและไม่สบายใจเสมอ บางทีฉันก็คิดว่าเขาเปรียบเสมือนเทพบุตรอีกคนหนึ่งสำหรับฉัน คนที่เหมือนจะรู้ว่าฉันเศร้าในตอนไหนและก็มักจะโผล่มาตอนนั้นเสมอ ฉันค่อยๆดึงลูกโป่งที่ถูกถ่วงด้วยก้อนหินเข้ามาในห้องและปล่อยให้มันลอยติดอยู่บนเพดาน เพราะทุกครั้งที่ฉันเงยหน้าขึ้นไปจะได้เจอแต่รอยยิ้ม ฉันเดินไปที่หน้าต่างอีกครั้ง ฮีโระยังคงอยู่ที่นั่น เขายังคงนั่งฟังหูฟังอยู่ริมหน้าต่าง ฉันโบกมือให้เขาก่อนที่จะปิดผ้าม่านลง

“ขอบคุณนะ ขอบคุณจริงๆ”

ตอนนี้ฉันเริ่มมีกำลังใจขึ้นมาบ้างแล้ว แม้ว่าฉันจะไม่ค่อยเข้าใจว่าระหว่างฉันกับรุ่นพี่เกิดอะไรขึ้น และสิ่งที่ฉันได้ยินมันเป็นความจริงไหมแต่ว่าฉันจะต้องเข้มแข็งและยอมรับกับมันให้ได้

“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นอย่างไหนคือความจริงอย่างไหนคือเรื่องโกหก แต่ฉันก็เชื่อในตัวรุ่นพี่ว่าคงต้องมีเหตุผลที่ทำแบบนั้น และไม่ว่าจะต้องใช้เวลานานเท่าไหร่ฉันก็จะรอนะคะ รุ่นพี่”

ฉันหยิบเจ้าเด็กน้อยจากหัวเตียงมากอด ภาพของรุ่นพี่ที่เราไปเที่ยวด้วยกันผุดขึ้นมาอีกครั้ง ใบหน้าที่มีแต่รอยยิ้มที่สดใส บางครั้งก็ดีใจเหมือนเด็ก บางครั้งก็เป็นที่พึ่งที่อบอุ่น และบางครั้งก็ดูเย็นชาราวกับว่าเป็นคนละคน

“เวลาคงจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นจริงๆใช่ไหมนะ”

ฉันหยิบรูปถ่ายสติ๊กเกอร์ที่เราถ่ายด้วยกันขึ้นมาดู แม้ว่ามันจะดูตลกมากแต่มันก็เป็นรูปถ่ายใบแรกของเรา ในภาพที่รุ่นพี่และฉันยิ้มด้วยกันแบบนั้น ก็ดูเหมาะสมกันดีออกไม่ใช่เหรอ...

The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 15 : ความเชื่อใจ

ในตอนกลางวันของวันนั้น มุนอาขออยู่ตามลำพังสักพัก ฉันเข้าใจว่าเธอคงรู้สึกผิดอย่างมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ตัวฉันเองจะอธิบายให้เธอเข้าใจว่...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com