เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้าวกล่องที่เตรียมไว้ให้ฉันและฮีโระให้ฉันไปที่โรงเรียนด้วย และตอนนี้ฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของฮีโระแล้ว ดูจากนาฬิกาตอนนี้ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า อีกประมาณยี่สิบนาทีหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น ฉันคิดว่าฮีโระน่าจะออกมาและเขาก็คงจะรู้สึกแปลกใจมากๆที่วันนี้ฉันตื่นเช้าได้ แค่คิดว่าได้เจอหน้าฮีโระตอนนั้นแล้ว เขาก็จะตกใจไม่น้อย
ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านอย่างนั้นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนออกมาจากบ้าน หรือว่าวันนี้เขาตื่นสายหรือปล่าวนะ ฉันเริ่มเอะใจเล็กน้อย จึงได้เดินไปที่หน้าประตูและลองเคาะเรียกเขาดู แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ ฉันเริ่มเดินไปที่ข้างๆบ้าน ห้องของฮีโระอยู่ทางด้านขวาของประตูฉันจึงลองเดินไปดู และฉันเห็นฮีโระกำลังนอนอยู่ มันอะไรบางอย่างที่แปลกไปนะเขาเป็นอะไรหรือปล่าว ฉันเรียกเขาผ่านหน้าต่างกระจกและพยายามเคาะซ้ำๆแต่ดูเหมือนว่าเสียงของฉันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ ฉันจึงรีบหยิบโทรศัพท์กด 1 แล้วโทรออกทันที ฉันลองชะโงกหน้าหาโทรศัพท์ของฮีโระดูมันน่าจะอยู่แถวๆนั้นนะ เอ๊ะ มันอยู่บนเตียงที่ฮีโระนอนอยู่นี่นา สายหลุดไปแล้วฉันจึงโทรไปใหม่อีกครั้ง ฮีโระเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เขาค่อยๆเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับโดยที่มีรู้ว่าฉันยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องเขานี่เอง
“ฮีโระ เป็นอะไรหรือปล่าว นี่ฉันเองนะฮารุ ลุกมาเปิดประตูบ้านใหญ่ฉันหน่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ”
“อ่อ ฮารุเหรอ ผมไม่เป็นไรฮารุมีอะไรเหรอ”
“ไม่เป็นไรได้ยังไง ฉันเห็นแล้วว่าฮีโระไม่สบาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ”
ฉันใช้กำปั้นทุบลงบนกระจกหน้าต่างห้องของฮีโระด้วยความโมโหที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดื้ออย่างนี้มาก่อน แม้ตัวเองจะไม่สบายหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็มักจะบอกแต่ว่าไม่เป็นไรและคอยเอาแต่ดูแลคนอื่นๆ
ฮีโระหันมาตามเสียงที่ฉันทุบประตู เขาตกใจมากที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนั้นและถามว่าฉันมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่
“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ลุกมาเปิดประตูให้ฉันก่อนเถอะน่า”
ฉันพูดอย่างร้อนใจ ยิ่งฉันได้เห็นว่าหน้าเขาซีดขนาดนั้นฉันก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่สบายจริงๆ ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะที่เขาไอแถมตอนเย็นก็ไม่ได้มากินข้าวที่บ้านฉันด้วย
“รีบๆมาเปิดประตูตอนนี้เลยนะก่อนที่ฉันจะพังประตูเข้าไป”
ฉันขู่ฮีโระอีกครั้งเพราะเขาเอาแต่บอกไม่เป็นไรๆ จนสุดท้ายเขาก็ลุกมาเปิดประตูบ้านอย่างที่ฉันบอก ฉันรีบเดินกลับมาที่ประตูหน้าบ้าน ประตูกำลังเปิดออกช้าๆ ฉันเริ่มเห็นหน้าฮีโระชัดมากขึ้น แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไปฮีโระก็ล้มลง
“ฮีโระเป็นอะไรหรือปล่าว”
ฉันรีบโผเข้าไปหาเขาที่ตอนนี้ดูเหมือนอ่อนแรงมากๆ ให้ตายเถอะนี่ทำไมตัวเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้นะเนี่ย ฉันประคองเขาให้ลุกขึ้นมาและใช้แรงฮึดสุดๆประคองเขาเดินไปที่ห้อง ฉันลองเอามือแตะที่หน้าผากของเขาอีกครั้งแม้จะไม่มีปรอดวัดไข้แต่ฉันว่าไข้ของเขาต้องขึ้นสูงผิดปกติแน่ๆเพราะตัวของเขาร้อนมากๆเหมือนว่าเราสามารถทอดไข่บนหน้าเขาได้เลยทีเดียว
“นายคงต้องไปหาหมอนะฮีโระ นายไม่สบายมาก ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล”
เพราะตอนนี้พ่อของฉันออกไปทำงานจึงไม่มีใครที่จะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลได้ ฉันจึงคิดว่าการโทรเรียกรถพยายาลน่าจะดีที่สุด ฉันยกโทรศัพท์มือถือและกดเบอร์ แต่ก็มีมือร้อนๆของฮีโระมาจับที่โทรศัพท์เอาไว้
“ผมไม่เป็นไร ขอร้องอย่าให้ผมไปโรงพยาบาลเลย” แค่ก แค่ก~~
เขาจับโทรศัพท์เอาไว้อย่างนั้นใขขณะที่ก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก
“แล้วถ้านายไม่ไปโรงพยาบาล นายจะหายไปได้ยังไงกัน”
ฉันตะโกนใส่เขายังงั้นทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะฉันเป็นห่วงเขามากนะสิ
“เดี๋ยวนอนพักสักแปบก็หาย”
“หยุดพูดและรอฉันอยู่ที่นี่นะเดี๋ยวฉันมา”
“ผมไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆนะ อย่าเรียกรถพวกนั้นมา”
เขายังคงคว้าแขนของฉันไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะกลัวการเขาโรงพยาบาลเหมือนกัน
“ฉันแค่จะกลับไปเอายาที่บ้าน ไม่เรียกรถพยาบาลหรอก”
“สัญญานะ”
ฉันยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญา หลังจากนั้นฉันก็กลับบ้านมาค้นที่ตู้ยาว่ามีอะไรบ้าง แม่ตกใจมากที่จู่ๆฉันก็กลับมา
“อ่าว นี่ลูกไม่ได้ถึงโรงเรียนแล้วหรอกเหรอ ละนี่ทำอะไรเนี่ย มีใครเป็นอะไร”
“ฮีโระเขาไม่สบายน่ะค่ะ ดูเหมือนจะมีไข้ขึ้นสูงมาก”
ฉันตอบแม่ในขณะที่ยังคงค้นหายาอยู่อย่างนั้น แต่แม่บอกว่าก่อนที่เขาจะกินยาเราควรจะหาอะไรให้เขากินก่อน แม่จึงเตรียมโจ๊กไว้ให้และบอกว่าต้องเช็ดตัวให้ไข้ลดลง ฉันหอบข้าวของพะรุงพะรังราวกับว่ากำลังจะย้ายบ้านมาที่บ้านของฮีโระทั้งโจ๊ก ยา ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว และเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างไม้กวาดและไม้ถูกพื้นมาด้วย เพราะจากที่ฉันได้เข้ามาในบ้านฉันก็พอจะรู้ว่าเขาไม่ได้ทำความสะอาดมานาน และคนไม่สบายควรจะได้อยู่ในห้องปลอดโปร่งและสะอาดมากกว่านี้ ฉันจัดแจงวางของทุกอย่างลงและประคองเค้าให้นั่งพิงผนัง
“นายต้องกินโจ๊กนี่ก่อนนะฮีโระ”
ฉันตักโจ๊กให้แต่เขาก็ไม่ยอมกิน
“เดี๋ยวผมกินเองได้”
เขาคว้าถ้วยโจ๊กออกจากมือฉันไป ฉันกลัวว่าเขาจะไม่มีแรงเพราะแค่จะยกช้อนขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าจะลำบากมากแล้วในตอนนี้ ฉันจึงดึงถ้วยโจ๊กกลับมาเหมือนเดิม
“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าฮีโระจะเป็นคนที่ดื้อมากขนาดนี้ แต่เพราะวันนี้นายป่วยนายจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใดๆกับฉัน”
เขาไม่พูดอะไรออกมาและยอมกินโจ๊กที่ฉันป้อนให้อย่างว่าง่าย แต่กินเข้าไปได้แค่ครึ่งถ้วยเขาก็บอกว่ากินเข้าไปไม่ไหวแล้ว ฉันจึงเอื้อมไปหยิบกระปุกยาให้เขากิน ก่อนที่จะให้นอนพักแล้วเขาก็หลับ ฉันจึงเตรียมกาละมังเล็กๆใส่น้ำและน้ำผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ ถึงแม้ว่าเราจะสนิมมากแต่เพราะฮีโระเป็นผู้ชายฉันก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีที่ต้องมาเช็ดตัวให้แบบนี้และฉันก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อนด้วย ฉันใช้ผ้าขนหนูและเช็ดหน้าให้เขาเบาๆ แม้นี้ตอนผ้าขนหนูจะเย็นแต่หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเสร็จผ้าขนหนูก็กลายเป็นอุ่นขึ้นทันที ฉันเช็ดหน้าและคอให้เขา ดูไปดูมาเขาเป็นคนที่หล่อแบบธรรมชาติสร้างมาจริงๆ ขนาดป่วยและหน้าเขาจะซีดเล็กน้อยรวมถึงผมที่ยุ่งเหยิงของเขาก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาน้อยลงไปเลย ไม่น่าแปลกที่มุนอาจะชอบเขามากๆ
หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยสิ่งที่ฉันต้องทำต่อไปนั่นคือการทำความสะอาด เพราะจากที่ดูตอนนี้มีขยะและฝุ่นเกลื่อนกลาดเต็มห้องของฮีโระไปหมด ฉันเปิดประตูหน้าต่างของเขาออกให้กว้างมากที่สุดเพื่อให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกแล้วเริ่มเก็บขยะที่ตกตามพื้น มันเป็นเศษกระดาษซะส่วนใหญ่แต่เพราะว่ามันถูกขยำแล้วฉันจึงคิดเอาเองว่ามันเป็นขยะไปแล้ว ฉันเก็บมันใส่ถุงดำที่เตรียมมาด้วย
“นี่มันตั๋วดูหนังนี่นา”
ฉันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้งขึ้นมาดู มันเป็นตั๋วดูหนังสองใบแต่มันเป็นของวันอาทิตย์ที่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่ไปดูนะ ฉันหยิบมันทิ้งลงในถุงดำและปัดฝุ่นบนโต๊ะแล้วเช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง ในห้องของฮีโระเป็นเพียงห้องเล็กๆไม่มีอะไรมากนอกจากโต๊ะคอมหนึ่งตัว ชั้นวางหนังสือและซีดีมากมาย มีที่ใส่ของอยู่บนผนัง โต๊ะวางโคมไฟที่มีของกระจุ๋มกระจิ๋มวางอยู่ตรงนั้น และมีเก้าอี้เอนหลังที่เขามักจะชอบไปนั่งริมหน้าต่าง ฉันค่อยๆทำความสะอาดตั้งแต่โต๊ะคอมที่รูปสมัยตอนเป็นเด็กๆของเขาวางอยู่ตรงนั้น
“นี่เขาหล่อมาตั้งแต่ตนเป็นเด็กเลยเหรอเนี่ย”
ฉันหยิบกรอบรูปขึ้นมาเช็ด แต่...
“ทำไมรูปนี้ถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนกับฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง”
ฉันพึมพำไปพร้อมๆกับทำความสะอาดไป น่าแปลกที่รูปของฮีโระตอนเด็กทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตา อ๋อ จำได้แล้วหน้าฮีโระคล้ายๆกับเด็กที่อยู่ในรูปที่อยู่ที่บอร์ดติดห้องฉันเลย เอ..แต่มันไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นหรอก ตอนเด็กๆทุกคนจะหน้าตาคล้ายๆกันหมดแหละ ฉันวางกรอบรูปลงที่เดิมและจัดการกับชั้นวางหนังสือและซีดีมากมายที่แอบแฝงไปด้วยฝุ่น
ฮัดเช้ย~~
ฉันเผลอจามออกมา แต่โชคดีไม่ได้เสียงดังมากนัก ฮีโระยังคงหลับต่อไปเพราะฤทธิ์ยาและร่างกายที่อ่อนแรงของเขา นี่เขาชอบฟังเพลงมากๆเลยนะเนี่ย ถึงได้มีซีดีเป็นร้อยๆในชั้นแบบนี้ ฉันเช็ดไปด้วยและดูของไปด้วย มันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมาก เมื่อฉันได้มาเห็นว่าห้องของฮีโระเป็นแบบนี้ ข้างเตียงมีขวดโหลอยู่ใบนึงที่ใส่รูปที่เราเคยถ่ายด้วยกันที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะและมีพวงกุญแจที่ฉันเคยซื้อให้ฮีโระอยู่ในนั้นด้วย ไม่น่าล่ะฉันถึงได้ไม่เห็นเขาเอาห้อยกระเป๋าเป็นเพราะเขาเอามันมาเก็บไว้ในกระปุกแบบนี้นี่เอง
แต่เอ๊ะมีบางอย่างอยู่ในนั้นอีกอย่างดูเหมือนมันจะเป็นยางลบนะ ฉันยกกระปุกขึ้นมาดูมีคนเขียนบางอย่างลงในนั้น “Hero เพื่อนที่ดีของฉัน” ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรักเขาสินะ ฉันวางกระปุกลงและคิดว่าจะกวาดห้องต่อ แต่ก็มีบางอย่างแว๊บขึ้นมาในหัว ฉันหยิบกระปุกแล้วเปิดมันออก ยางลบก้อนนั้นอยู่ในมือของฉัน ฉันพิจารณามันอย่างถี่ถ้วนมันน่าแปลกมากที่ตัวหนังสือนั้นฉันคิดว่ามันมีส่วนคล้ายกับฉันเล็กน้อย หรือว่าจะมีคนที่ตัวหนังสือเหมือนกันก็ได้ ฉันครุ่นคิดมันอยู่นาน แต่จะคิดว่าเป็นฉันที่ให้ยางลบนี่กับฮีโระ ฉันก็ไม่เคยให้นี่นา น่าแปลกจริงๆ ฉันเก็บยางลบเข้ากระปุกตามเดิมแล้วทำการกวาดถูห้องจนสะอาดเอี่ยม
สายลมอ่อนๆพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ผ้าม่านสีฟ้าอ่อนๆพริ้วไหวไปตามลม ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่ฉันคิดว่ามันคงเป็นตัวโปรดของฮีโระที่ข้างหน้าต่าง วิวตรงนี้ดูสวยกว่ามองจากห้องฉันเยอะ และจากตรงนี้ฉันก็สามารถมองเห็นหน้าต่างห้องของฉันได้สบาย ตอนนี้แสงแดดอ่อนๆเริ่มส่องผ่านเข้ามา วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากๆ ฉันหลับตาลงพร้อมๆกับสายลมที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเสียงนกร้องคลอเบาๆ บรรยากาศดีจัง
...........................................................................................................................................
แกร็ก แกร็ก~~
เสียงเหมือนใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่าง ฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าฮีโระกำลังนั่งจัดหนังสืออยู่
“อ่าว ตื่นแล้วเหรอฮารุ”
ฮีโระกำลังจัดหนังสือเข้าชั้นวางไป นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งเกือบชั่วโมงเชียวเหรอเนี่ย
“เธอยังดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นะ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง”
“ไม่เป็นไรผมเก็บเอง”
ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปช่วยฮีโระเก็บของ แต่เขาก็พยายามทำเองจนเสร็จ
“เธอยังไม่หายดีเลยนะ กลับไปนอนพักเถอะ”
ฉันพยุงฮีโระกลับมานั่งที่เตียง เขายังดูเหมือนเหนื่อย ฉันกลับมานั่งเก้าอี้ที่ริมหน้าต่างและหันหน้าเก้าอี้ไปทางเตียงของฮีโระ
“ฮารุทำเหมือนว่าผมเป็นคนป่วยโรงพยาบาลเลยนะ ไม่ต้องเฝ้าผมก็ได้ ผมดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ แล้วไม่ไปเรียนจะไม่เป็นไรเหรอ”
“ไม่ได้เป็นไรหรอกน่า แม่โทรไปลาที่โรงเรียนให้พวกเราแล้ว ฉันจะอยู่เฝ้าจนกว่าเธอจะหายดีนะ อ๊ะ... จริงด้วยแล้วตอนนี้ยังปวดหัวอยู่มั้ย”
“ก็ยังมึนอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ”
ฮีโระพูดในขณะที่ยิ้มออกมา เขาดูสดใสขึ้นบ้างแล้ว ฉันลุกขึ้นเอามือไปลองแตะหน้าผากเขาดูอีกครั้งหลังจากที่ได้กินยาและนานหลับไป ตัวเขายังดูร้อนๆอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้
“แต่ตัวเธอยังร้อนอยู่เลยนะ อย่าเพิ่งออกไปเดินเล่นหรือทำอะไรล่ะ วันนี้ฉันจะอยู่ดูแลฮีโระไม่ให้ทำอะไรที่ดื้ออีก”
ฉันนั่งกอดอกทำเหมือนจะออกคำสั่งกับฮีโระ เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกออกมาว่า
“รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนฮารุเป็น...แม่...ผมเลยล่ะ”
พอพูดถึงแม่ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฮีโระไม่เคยพูดเรื่องครอบครัว เรื่องแม่ หรือเรื่องอะไรก็ตามเกี่ยวกับตัวเขาให้ฉันได้รู้บ้างเลย
“แล้วแม่ของฮีโระล่ะ”
ฮีโระเงียบไป เขายิ้มเจือนๆเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป มีความรู้สึกบางอย่างบอกฉันว่าฉันไม่ควรจะถามเรื่องพวกนี้
“ขอโทษนะ ฉันจะไม่ถามเรื่องแม่ของฮีโระดีกว่า”
“ขอโทษนะที่ผมไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรให้ฮารุฟัง ไม่ใช่ว่าอยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ก็แค่... ถ้าหากไม่พูดออกมามันอาจจะดีกว่าน่ะ”
เสียงของฮีโระเศร้าลง เพราะเขาไม่สบายอยู่แล้วก็เลยทำให้หน้าตาของเขาดูเศร้าหมองลงไปอีก หากแม่ของเขาอยู่ด้วยที่นี่เขาก็คงไม่เป็นไข้และคงมีคนที่ดูแลเขา การที่เขาอยู่คนเดียวคงลำบากและเหงามาก ฉันไม่เคยได้มาดูเลยว่าเขาจะอยู่กินยังไงแม้ว่าบ้านของเราจะติดกัน นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างมากเมื่อรู้ว่าเขาป่วยและเก็บความเจ็บป่วยไว้กับตัวเองโดยไม่มีใครมาดูแล ฉันบอกให้เขานอนพักอีกสักแปบซึ่งเขาเองก็นอนอย่างว่าง่าย ฉันกลับมาที่บ้านและนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา มันทำให้ฉันเจ็บปวดและคิดว่าฉันน่าจะดีกับเขาให้มากกว่านี้นะ ฉันมองผ่านหน้าต่างห้องตัวเองไปที่ห้องฮีโระ เวลาที่เหลือนี้ฉันจะดูแลเธอเองนะฮีโระ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ...
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1 👈
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END
>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<
................................................................................................................................................................................The secret of memory : ตอนที่ 22 - ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้...