วันอังคารที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2561



ในค่ำคืนของวันนั้น ที่หน้าบ้านของฮีโระ สว่างไสวไปด้วยดวงประทีปที่ถูกจุดตั้งแต่รั้วหน้าบ้านไปจนถึงประตู ฮีโระแอบเดินมาเคาะที่หน้าต่างห้องของฉันในกลางดึกเหมือนวันแรกที่เขาฝ่าสายฝนมาพร้อมกับเสื้อกันฝนสีแดง ฉันยังจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี





เราออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้านของฮีโระ ในตอนนี้มีหลากหลายความรู้สึกเข้ามาในความคิดของฉัน ทั้งช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน ช่วงเวลาแห่งความเศร้าและตอนนี้ช่วงเวลาของการลาจากกำลังใกล้จะมาถึงพวกเราเข้ามาเรื่อยๆ ฉันและฮีโระนั่งอยู่บนชิงช้าที่หน้าบ้าน พวกเรากำลังมองดูดาวด้วยกัน แม้ว่าจะไม่คุยอะไรกันมากมาย แต่ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ต่างก็กำลังพยายามจดจำช่วงเวลาดีๆที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันให้มากที่สุด




“เรื่องเธอคนนั้น ฮีโระคิดว่าจนถึงตอนนี้เธอจะจำฮีโระได้ไหม”

“ไม่รู้สินะ จริงๆแล้วผมอยากให้เธอจำผมได้ แต่ถ้าหากเธอจำผมไม่ได้จริงๆ ผมก็... ไม่คิดจะโทษเธอหรอก เพราะแค่ผมได้มีความทรงจำที่ดีกับเธอช่วงหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”




เขาพูดในขณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉันเดาว่าเขาคงเศร้ามากแน่ๆหากเธอจำเขาไม่ได้ แต่เขาเป็นคนดีขนาดนี้ ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะลืมเขาได้หรอก




“เอ๊ะ นั่นดาวตกนี่นา มาอธิษฐานกันเถอะ”

ฉันรีบบอกฮีโระ และกุมมือขึ้นมาอธิษฐาน "ขอให้ฮีโระได้เจอเธอคนนั้นและขอให้เธอจำเขาได้ด้วยเถอะค่ะ"




……………………………………………………………………………………………………………




ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ฉันไม่ได้ออกไปหาฮีโระตั้งแต่ตอนเช้า เพราะแม่บอกว่าเจอฮีโระยืนรถน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้านตอนออกไปจ่ายตลาดและชวนฮีโระมาทานข้าวด้วยกันแล้ว แต่เขาบอกว่าต้องเก็บของเลยไม่ได้มาทานด้วย แม่เลยคิดว่าเย็นนี้จะจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งให้กับฮีโระ พอตกตอนบ่ายฉันจึงช่วยแม่เตรียมของเพื่อทำกับข้าว ขณะที่ทำอาหารแม่ก็ถามฉันขึ้น




“เวลาที่ลูกอยู่ใกล้ฮีโระ ลูกรู้สึกอะไรหรือเปล่า”

“เอาอีกแล้วนะคะแม่ หนูบอกแล้วไงคะว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน”

“ลองคิดดีๆ ค่อยๆนึก ลูกไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ อย่างเช่นคุ้นๆหน้า หรือเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่ง”

“จะบอกว่าเป็นประมาณพรหมลิขิตอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ หนูไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”

“มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้นะ”




แม่ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ฉันอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่า ไม่ว่าแม่จะพยายามเชียร์ฮีโระมากขนาดไหน ฉันก็ชอบฮีโระไม่ได้จริงๆ เพราะความรู้สึกที่ฉันมีต่อฮีโระมันเป็นความรู้สึกเหมือนเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาเนิ่นนาน อาจจะรู้สึกแปลกกับบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่าผูกพันธ์กับฮีโระมากๆ แต่มันก็ไม่ใช่ความรักอยู่ดี หลังจากที่ฉันช่วยแม่เตรียมของเพื่อทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็นเสร็จแล้ว ก็ไปเรียกฮีโระที่บ้าน แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เปิดประตู จู่ๆประตูก็เปิดออก ฮีโระเป็นคนเปิดประตูเข้าพอดีทำให้ฉันตกใจจนแทบหัวใจจะวาย




“นี่ ทำไมจู่ๆก็โผล่มายังงี้ล่ะ”

ฉันพูดออกไปพลางเอามือจับหน้าอกด้วยความตกใจ

“ฮารุนั่นแหละที่ทำให้ผมตกใจ พอผมเปิดประตูมาก็มีคนยืนอยู่ ผมก็แทบจะหงายหลังไปเหมือนกันนะ”

เรายืนเถียงกันอย่างนั้นสักพัก ฮีโระก็บอกว่า...

“ก่อนจะกินข้าว ผมขอเวลานิดหน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องที่อยากทำตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เรา...ไปฝึกปั่นจักรยานกันเถอะ”

“เอ๊ะ ฉัน..ปั่นไม่ได้หรอก มันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”

“มาเถอะน่า ผมจะดูแลไมให้ฮารุบาดเจ็บเอง”




จู่ๆเขาก็บอกให้ฉันขึ้นไปนั่งบนเบาะ แล้วบอกให้ฉันค่อยๆปั่นช้าๆ มองไปข้างหน้าและมือที่ควบคุมแฮนรถต้องมั่นคง ฉันทำตามที่เขาบอกโดยที่เขาไม่ได้ปล่อยมือออกจากรถและช่วยประคองจักรยานไปแบบนั้น ภาพในตอนนี้ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วนะ ทำไมเหมือนกับว่าฉันเคยฝึกปั่นจักรยานแบบนี้มาก่อนและใครเป็นคนที่สอนฉันล่ะ ทำไมฉันนึกไม่ออก ในระหว่างที่ฉันกำลังคิดฮีโระก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ดังจนฉันตกใจ




“ฮารุอย่าเหม่อสิ มันอันตรายนะ”

“อย่าเอ็ดสิ ตกใจหมดเลย ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง”

“ไม่ได้นะ ตอนขับรถจะใจลอยไม่ได้เด็ดขาดเพราะมันอันตราย”




ฮีโระดูจริงจังกับการสอนปั่นจักรยานให้ฉันมาก ทำไมเขาต้องทำหน้าขึงขังเหมือนกับว่าเคยเกิดอะไรไม่ดีกับเขามาก่อนยังงั้นแหละ หลังจากที่โดนฮีโระดุไปสองสามครั้งฉันก็ตั้งใจที่จะฝึกเต็มที่จนรู้สึกมั่นใจว่าสามารถปั่นได้เองแล้ว




“ฮีโระปล่อยมือเถอะ ฉันคิดว่าฉันขับเองได้แล้วล่ะ”

“แน่ใจนะ”

“อื้ม”




ฮีโระทำหน้าเหมือนยังเป็นกังวลแต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยมือ ฉันมองไปข้างหน้าและค่อยๆปั่นอย่างช้าๆแม้จะดูทุลักทุเลไปบ้าง แต่ฉันก็สามารถปั่นจักรยานได้แล้ว ฉันปั่นกลับไปหาฮีโระที่ยืนรออยู่ตรงทางเดินของสวนสาธารณะ แทนที่ฉันจะเห็นฮีโระ แต่ฉันกลับเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยิ้มและโบกมือให้ฉัน ฉันหยุดปั่นและมองกลับไปดูอีกครั้ง ฮีโระยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันนะ ฮีโระวิ่งเข้ามาหาฉันในขณะที่ฉันกำลังยืนสงสัยอยู่




“ฮารุ มีอะไรเหรอ”

“เปล่า แค่แปลกใจนิดหน่อย”

“แปลกใจ เรื่องอะไรเหรอ”

“เมื่อกี้ตอนฉันปั่นกลับมา ฉันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงที่ฮีโระยืน แต่พอฉันมองดูอีกทีก็ไม่เจอเขาแล้ว”

“ห๊ะ”




ฮีโระนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาหันไปดูที่ม้านั่งข้างทางเดินที่ฉันบอกว่าเจอเด็กคนนั้น เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะคิดว่าฉันเห็นเป็นวิญญาณก็ได้





“คือ ฉันว่าฉันคงตาฝาดมากกว่าน่ะ อย่าคิดมากเลย กลับบ้านกันเถอะ พ่อกับแม่คงรอกินข้าวแล้วล่ะ”




ฉันกระโดดซ้อนท้ายจักรยานที่มีฮีโระเป็นคนปั่นกลับมาบ้าน ตอนนี้แม่กับพ่อช่วยกันเตรียมกับข้าวจนเสร็จแล้ว ฮีโระบอกว่าเขาขอตัวอาบน้ำก่อนแล้วจะมาที่บ้าน พ่อเอาสายรุ้งมาติดที่บนเพดานและหยิบหมวกสำหรับใส่ในงานปาร์ตี้ออกมา




“โอ๊ะ แม่ลืมซื้อเค้กเสียสนิทเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกแม่ แค่ทานข้าวด้วยกันก็ได้”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหนูออกไปซื้อเองค่ะ ฮีโระน่าจะยังไม่กลับ เพราะเห็นว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปลาทุกคนที่โรงเรียนอยู่”




ฉันพูดขึ้น หลังจากเตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อยฮีโระก็มาพอดี พวกเรานั่งกินข้าวและพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆราวกับว่าเราเป็นคนรู้จักกันมาเนิ่นนาน พ่อและแม่ดูจะรักและเป็นห่วงฮีโระมากและไม่อยากให้เขาจากไป




“เธอน่าจะได้อยู่กับพวกเราที่นี่นานๆนะฮีโระ ป้าจะได้ทำกับข้าวให้เธอบ่อยๆ”

“ขอบคุณครับคุณป้า แค่นี้ผมก็ดีใจมากๆแล้ว”

“แต่น่าเสียดายนะที่เธอพิชิตใจฮารุไม่ได้น่ะ”

พ่อพูดขึ้นพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้ฮีโระ

“นั่นน่ะสิครับ น่าเสียดายจริงๆที่เธอ... กลับไปชอบรุ่นพี่ชินมากกว่า ฮะๆ”

“ดูแลตัวเองด้วยนะฮีโระ ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ถ้าผ่านมาแถวนี้แวะมาเยี่ยมพวกเราด้วยนะ”

“ครับคุณป้า แล้วผมจะกลับมาแน่นอนครับ”




แม่บอกฮีโระอย่างห่วงใยราวกับว่าเขาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าวันไหนที่เราจะได้เจอกัน แต่ฉันก็หวังเพียงว่าสักวันเราจะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ค่ำคืนของปาร์ตี้เล็กๆสำหรับการเลี้ยงส่งฮีโระจบลง ฉันเดินไปส่งฮีโระที่บ้าน




“ที่จริงควรจะเป็นผมมากกว่านะที่ต้องไปส่งฮารุเข้าบ้านน่ะ เพราะผมเป็นผู้ชาย”

“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากทำเพื่อฮีโระบ้าง”

“ขอบคุณนะสำหรับทุกๆอย่างที่ฮารุทำเพื่อผม ผมดีใจมากๆที่เราได้เจอกัน และผมจะไม่ลืมช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันเลย”

“ฉันเองก็ขอบคุณฮีโระมากๆเหมือนกัน ฮีโระเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ สำหรับฉันและไม่ว่านานเท่าไหร่ฮีโระก็จะยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันเสมอนะ”




ฉันไม่รู้หรอกว่าคำพูดในวันนี้ของฉันจะไปทำร้ายความรู้สึกของฮีโระขนาดไหน หลังจากที่ส่งฮีโระเข้าบ้านไปแล้ว ฉันก็กลับเข้าบ้านและหวังเพียงว่าวันพรุ่งนี้เวลาจะไม่ผ่านไปเร็วนัก เพราะถึงยังไงฉันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี ฉันหลับตาลง ภาพของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงคู่หนึ่งวนเวียนเข้ามาในความฝันอีกครั้ง พักหลังมานี้ ฉันเห็นภาพของทั้งสองคนบ่อยขึ้น และยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่า... พวกเขาเป็นใครกันนะ




รุ่งเช้าของวันจันทร์ ฉันสะดุ้งตื่นก่อนที่นาฬิกาจะทันปลุก ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวและไปยืนรอฮีโระอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ไม่ถึงห้านาทีฮีโระก็เดินออกมาจากบ้าน เขาส่งรอยยิ้มให้ฉันอย่างสดใส




“สวัสดีตอนเช้าที่สดใสค่ะคุณฮีโระ วันนี้ฮารุมารอรับไปโรงเรียนแต่เช้าเลยนะคะ แปลกใจไหม”

“แปลกใจมากครับคุณฮารุ แต่ว่า... ฮ๊า วันนี้อากาศดีจังเลย สวัสดีครับแสงแดด” ^O^




ฮีโระกางแขนสองข้างของเขาออกราวกับว่ากำลังจะโอบกอดท้องฟ้าเอาไว้ เหมือนกับวันแรกที่ฉันได้เจอเขาที่ตรงหน้าบ้านแบบนี้ มันเป็นภาพที่ฉันเห็นจนชินตาตลอดสี่เดือนที่เขาอยู่ที่นี่ ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันและฉันก็รู้สึกดีมากๆ เราเดินไปโรงเรียนด้วยกันอย่างไม่รีบร้อนเหมือนวันก่อนๆ ฉันอยากให้เวลาเดินช้าอย่างที่ฉันจะกำหนดมันได้ แต่ในความจริงเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงวันนี้แล้ว




“ฮึก ฮึก” เมื่อคิดว่าภาพเหล่านี้ฉันจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว จู่ๆน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็นองเต็มหน้าของฉัน

“ฮะ ฮารุ เป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม”

“นั่นสินะ ทำยังไงดีละ ฮึก ฮึก จู่ๆน้ำตามันก็ไหลไม่หยุดเลย ทำไมฉันถึงได้เป็นแบบนี้ได้นะ”




พอคิดว่าวันนี้เราจะได้เดินไปโรงเรียนด้วยกันเป็นวันสุดท้าย ใจของฉันก็รู้สึกหายวาบ และน้ำตาก็ไหลมาเป็นทางอย่างไม่คาดคิด นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่นะ




“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ บอกแล้วไงว่าคนที่ร้องไห้น่ะ จะไม่น่ารักนะ”




ฮีโระยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน เป็นอีกครั้งที่เขาต้องปลอบฉัน และมันคงเป็นความเคยชินที่ฉันไม่อาจจะขาดได้เสียแล้ว ฉันรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาซับน้ำตา แม้จะเดินให้ช้าเท่าไร แต่แล้วก็ต้องมาถึงโรงเรียนอยู่ดี




”สวัสดีตอนเช้าครับรุ่นพี่ วันนี้ขอรบกวนอีกหนึ่งวันนะครับ”

“หวัดดีฮีโระ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะ ขอให้เป็นวันที่มีความสุขอีกวันหนึ่งนะ หวังว่าเราคงจะได้มีโอกาสได้พบกันอีก”

“แน่นอนครับ เราต้องได้พบกันอีกแน่นอน”

ฉันมองดูพวกเขาสองคนที่คุยกันอยู่ตรงนั้น หลังจากคุยกับรุ่นพี่เสร็จฉันกับฮีโระก็เดินไปที่ห้องเรียน ที่หน้ากระดานเต็มไปด้วยลายมือที่ไม่รู้ว่าของใครมากมายเต็มกระดานไปหมด ตรงกลางกระดานมีคำพูดเขียนถึงฮีโระไว้ “โชคดีนะ ฮีโระของพวกเรา”




“พวกนี้เพี้ยนไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย”




ฮีโระพูดขึ้นเหมือนว่าเขารำคาญ แต่จริงๆแล้วฉันคิดว่าเขาคงดีใจมากกว่า ขณะที่ฮีโระกำลังเอากระเป๋าใส่ไว้ใต้โต๊ะ จู่ๆเพื่อนก็พากันมาล้อมรอบฮีโระ แล้วยิงพลุสายรุ้งใส่เขา พร้อมกับมอบของขวัญที่พวกเขาทำเองให้เป็นที่ระลึก ฉันไม่แปลกใจหรอกว่าเป็นฝีมือใคร เพราะเธอเป็นคนบอกฉันเองว่าเราน่าจะเซอไพรซ์อะไรสักอย่างให้เขา มุนอาและเพื่อนๆเอารูปของพวกเราทุกคนรวมถึงรูปของฮีโระที่ไม่รู้ว่าไปแอบถ่ายตอนไหนมาใส่ไว้ในกรอบใหญ่รวมกัน เป็นของขวัญที่จะเป็นความทรงจำดีๆให้กับเขา ฮีโระขอบคุณทุกคนก่อนที่จะรับของขวัญไว้ หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็เข้ามา




“ทุกคนคงรู้แล้วสินะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฮีโระจะได้อยู่กับพวกเรา ครูดีใจที่ทุกคนเข้ากับฮีโระได้ และตั้งแต่เธอมาที่นี่ก็ทำให้ห้องเรียนของเราดูสดใสขึ้นเยอะ ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้วออกมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยสิ”

อาจารย์พูดขึ้น ฮีโระค่อยๆลุกจากโต๊ะของเขาไปที่หน้าห้องเรียน ทุกคนกำลังจ้องไปที่เขาเป็นจุดเดียวและกำลังรอฟังสิ่งที่ฮีโระจะพูด

“ผมรู้สึกดีใจมากครับที่ได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ ชั้นนี้ ห้องเรียนนี้และ... ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้น แม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก แต่ก็ทำให้ผมได้รับความทรงจำใหม่ๆที่ไม่อาจลืมได้ ขอบคุณทุกๆคนที่คอยดูแลและดีกับผมมากๆ ถ้ามีโอกาสผมหวังว่าสักสักวันหนึ่งเราคงได้พบกันอีกและขอให้ทุกคน... อย่าเพิ่งลืมผมนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ”

ฮีโระโค้งหัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณทุกๆคนที่อยู่กับเขา มุนอาแอบน้ำตาซึมไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงชอบฮีโระ หลังจากช่วงเวลานั้นผ่านไป ตอนเที่ยงอาจารย์เลี้ยงข้าวและไอศกรีมพวกเราที่โรงอาหาร ฮีโระลุกไปเอาไอศกรีมรสนมมาให้ฉัน

“ขอบคุณนะ”




ฉันรับไอศกรีมจากฮีโระ หลังจากที่พวกเราทานมื้อเที่ยงกันเสร็จช่วงเวลามันก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนมาถึงตอนเย็นเลิกเรียนแล้ว ฉันกับฮีโระมาส่งมุนอาขึ้นรถ




“นี่คงเป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่ฮีโระจะได้มาส่งฉันกลับบ้านแบบนี้ ฉันคงคิดถึงนายมากแน่ๆ”

“ต่อไป ก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่อินซาแล้วล่ะ มุนอา ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พยายามทำให้ผมนะ และขอโทษกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาด้วย”

“ไม่หรอกน่า สิ่งที่นายทำผิดกับฉันเพียงอย่างเดียวคือการที่นายไม่ยอมชอบฉันนั่นแหละ”




ฮีโระและมุนอาร่ำลากันก่อนที่รถจะออก เธอโผเข้ามากอดฮีโระก่อนจะยื่นของขวัญบางอย่างให้กับเขา มันเป็นของขวัญสี่เหลี่ยมแบนๆที่ห่อไว้ด้วยกระดาษสีเหลือง รถเมย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ฮีโระโบกมือให้กับมุนอาที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังร้องไห้แต่ก็พยายามโบกมือให้กับฮีโระเช่นกัน หลังจากที่พวกเราส่งมุนอาเสร็จ ฉันกับฮีโระก็เดินกลับบ้านด้วยกัน




“ผมหวังว่าฮารุกับรุ่นพี่จะมีความสุขด้วยกันตลอดไปนะ”

“ฉันก็ขอให้ฮีโระมีความสุขและเจอเธอคนนั้นเร็วๆเหมือนกันนะ และสักวันหนึ่งเราคงได้กลับมาพบกันใหม่ใช่ไหม”

“อื้ม เราจะได้พบกันแน่นอน ถ้าหากว่า...ฮารุไม่ลืมผมนะ เราจะกลับมาพบกัน”

“ฉันไม่มีทางลืมฮีโระหรอกน่า สัญญาก็ได้นะ”

ฉันยื่นนิ้วก้อยให้ฮีโระเพื่อแทนคำสัญญา แต่เขากลับไม่เกี่ยวก้อยตอบและบอกฉันว่า

“ผมไม่อยากให้ฮารุสัญญาอะไรที่อาจจะทำไม่ได้หรอก เพราะฮารุน่ะขี้ลืมจะตาย”

“เอ๋... ฉันไม่เคยลืมอะไรเลยนะ ฮีโระอย่ามามั่วหน่อยเลยน่า”




วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้ อ่อ... ฉันลืมไปเลยว่าเย็นนี้ต้องไปซื้อเค้กมาให้ฮีโระเป็นของขวัญ ฉันต้องรีบซื้อและรีบกลับมาซะแล้ว




“ฮีโระ เดี๋ยวฉันมานะ ฮีโระรออยู่ที่บ้าน อย่าไปไหนล่ะ”

ฉันรีบวิ่งทันทีที่นึกถึงเค้กได้ และตะโกนบอกฮีโระไปอย่างนั้น โดยที่ได้ยินเสียงฮีโระตะโกนบางอย่างมา

“เดี๋ยวก่อนฮารุ อย่าเพิ่งไป”




แต่ฉันก็ไม่สนใจ เพราะฉันนึกแต่เพียงว่าฉันต้องรีบซื้อเค้กและรีบกลับมา ฉันรีบวิ่งเต็มฝีเท้าและเมื่อถึงร้านเค้กฉันเลือกเค้กรูปหมีและจ่ายเงินทันที ในระหว่างที่กำลังรีบกลับ ฉันก็บังเอิญเหลือบไปเห็นที่ร้านดอกไม้แห่งหนึ่งมีต้นไม้ที่เหมือนกับฮีโระให้ฉัน ฉันเดินเข้าไปที่ร้าน เจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงกำลังเดินออกมา




“สนใจต้นไหนสอบถามได้นะคะ”

“คือ อยากถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากรู้ว่าต้นแบบนี้คือต้นอะไรเหรอคะ”

ฉันชี้มือไปที่กระถางดอกไม้ที่เหมือนกับฮีโระซื้อให้ฉัน

“อ๋อ มันคือต้นดอกไลแลคค่ะ ความหมายของมันดีมากๆเลยนะ เพราะมันเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรักครั้งแรก เชื่อกันว่าถ้าหากผู้ชายคนไหนมอบดอกไลแลคให้กับผู้หญิงละก็ แสดงว่าเธอคนนั้นเป็นความรักครั้งแรกของเขาค่ะ

”รัก... ครั้งแรกเหรอคะ”

“ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่ผู้ชายจะให้กับผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของเขา”




ฉันกล่าวขอบคุณและเดินออกมาจากร้านดอกไม้อย่างใจลอย ไม่เข้าใจว่าทำไมฮีโระถึงได้ให้ดอกไลแลคกับฉัน ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้มามั่วๆเพราะเขาบอกให้ฉันไปหาความหมายของมันด้วย แสดงว่าเขารู้ความหมายของมันอยู่แล้ว ฉันหอบเค้กอย่างระมัดระวังและรีบวิ่งกลับบ้าน ก่อนที่ฉันจะทันได้เปิดประตูเข้าไป ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาบางอย่างเข้า




“ฮีโระกำลังจะไปแล้ว เราจะไม่บอกความจริงกับลูกจริงๆเหรอแม่”

เสียงพ่อพูดขึ้น

“แม่ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เราควรจะบอกลูกใช่มั้ย”




เสียงสนทนาของพ่อกับแม่แว่วออกมาถึงประตูหน้าบ้านที่ฉันกำลังจะบิดลูกบิด มือของฉันหยุดชะงัก พ่อกับแม่กำลังคุยอะไรกันอยู่นะ นั่นคือคำถามที่ทำให้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีและสงสัยมากยิ่งขึ้น



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ


>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 25 - เรื่องที่ยังไม่เคยรู้

ในค่ำคืนของวันนั้น ที่หน้าบ้านของฮีโระ สว่างไสวไปด้วยดวงประทีปที่ถูกจุดตั้งแต่รั้วหน้าบ้านไปจนถึงประตู ฮีโระแอบเดินมาเคาะที่หน้าต่างห้อง...

วันจันทร์ที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2561



เช้านี้อากาศสดชื่นมากๆ ฉันตั้งใจจะตื่นเช้าๆเพื่อรีบไปดูอาการของฮีโระ แต่ยังไม่ทันทีจะได้อาบน้ำแต่งตัวก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดอยู่กับแม่ ฉันแง้มประตูออกเล็กน้อย

“อะ... อ่าว ฮารุ...วันนี้ทำไม... ตื่นเช้าจัง”

ฮีโระถามขึ้นขณะที่เหลือบเห็นฉัน ฉันไม่ได้สนใจคำถามของเขาแม้แต่น้อย แต่รีบดิ่งไปจับหน้าผากเขาเป็นอันดับแรก

“หายแล้ว เธอหายแล้วนี่นา ดีจังเลยนะ”

ทุกคนดูตกใจเมื่อเห็นฉันเดินออกมา โดยเฉพาะฮีโระ และบทสนทนาเหล่าก็จบลง

“เป็นอะไรกันเหรอคะเนี่ย ทำไมถึงมองหนูแปลกๆอย่างนั้นละ ว่าแต่เมื่อกี้คุยเรื่องอะไรกันอยู่เหรอคะ”

ฉันถามในขณะที่เปิดตู้เย็นเทนมใส่แก้วแล้วยื่นให้กับฮีโระ

“ก็แค่คุยเรื่องทั่วไปน่ะ พอดีฮีโระมาหาแต่เช้าแม่เลยชวนทานข้าวด้วยกัน”

แม่พูดในขณะที่หันไปทำกับข้าว ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ฉันสนใจไปมากกว่าการที่ฮีโระหายป่วย อย่างน้อยๆฉันก็ได้ดูแลเขาจนหายป่วยได้ ฉันจ้องหน้าฮีโระอยู่นานเพื่อให้แน่ใจว่าหน้าตาเขาดูปกติและหายจากไข้แล้วจริงๆ ในขณะที่เขาเองก็เอาแต่ดื่มนมที่ฉันให้

“ฮารุรีบไปอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อยแล้วมากินข้าวซะ แม่ไม่ได้อยากจะเห็นลูกผมยุ่งแบบนี้หรอกนะ”

“ค่าแม่ เดี๋ยวมานะฮีโระ”

ฉันรับคำแม่และลุกจากเก้าอี้เดินเข้าไปแล้วปิดประตูลง ทุกคนทำท่าทางแปลกๆ ฉันแอบแง้มประตูออกไปอีกครั้ง ฉันคิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้แน่ๆ

“จะปล่อยให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆเหรอ ฮีโระ”

“บางที นี่อาจจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่ผมจะให้เธอได้ก็ได้ครับคุณป้า”

พวกเขาพูดคุยกันแค่นี้ ซึ่งฉันก็ไม่ได้เข้าใจความหมายอะไรมากมาย หรือจะบอกอีกอย่างคือไม่เข้าใจอะไรเลยมากกว่า ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวออกมากินข้าว วันนี้เป็นวันหยุดฉันจึงเตรียมของพิเศษบางอย่างไว้ให้ฮีโระ ยิ่งได้รู้ว่าเขาหายเป็นปกติแล้วก็ยิ่งทำให้ฉันโล่งใจมากขึ้นเพราะฉันจะสามารถพาเขาออกไปเที่ยวข้างนอกได้

“วันนี้เราออกไปเที่ยวกันนะ”

ฉันพูดกับฮีโระในขณะที่นั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร พ่อกระแอมใส่ฉันหนึ่งครั้ง

“ลูกเป็นผู้หญิงแต่กลับชวนผู้ชายไปเที่ยวแบบนี้ได้ยังไง”

“งั้นผมชวนเองครับ”

ฮีโระพูดแทรกขึ้นมา

“วันนี้ไปเที่ยวกันนะฮารุ ผมขอพาฮารุออกไปเที่ยวอีกวันนะครับคุณลุงคุณป้า”

“นายนี่มันจริงๆเลยน้า”

พ่อพูดขึ้นเพราะถึงฮีโระชิงพูดตัดหน้าก่อน การที่ฮีโระได้มาอยู่ด้วยกันแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเราและมันยิ่งทำให้รู้สึกอบอุ่นมากขึ้น พ่อกับแม่ก็ชอบฮีโระมากแต่หลังจากวันพรุ่งนี้ไปท่านคงจะเหงามากๆเลยสินะ คิดๆแล้วฉันเองก็ยังรู้สึกใจหายเหมือนยังทำใจไม่ได้ยังไงยังงั้น




หลังจากทานข้าวเสร็จฉันยื่นบางอย่างให้ฮีโระ

“เอะ นี้มัน...”

“ตั๋วหนังไง อาจจะไม่ใช่เรื่องนั้นที่ฮีโระอยากดู แต่ฉันก็ตั้งใจเลือกเรื่องนี้มากเลยนะ”

“love story secret นี่คงไม่ใช่หนังที่อยากจะดูกับรุ่นพี่แล้วมาดูกับผมแทนหรอกเหรอเนี่ย”

“ไม่ใช่สักหน่อย แค่เห็นว่าเรื่องนี้น่าดู ไม่ได้คิดอะไรแบบนั้นเลยนะ”




ฮีโระเอาแต่ระแวงกลัวว่ารุ่นพี่จะเข้าใจผิดและเอาแต่ถามฉันว่าวันหยุดทำไมไม่ไปกับรุ่นพี่แต่กลับไปกับเขาแทน ทำไมเขาถึงได้ทำเมินเฉยกับตัวเองนักนะ ทั้งๆที่เขาเหลือเวลาแค่อีกสองวันเขาก็ต้องกลับไปแล้วแท้ๆ แต่ยังไงก็ตามเวลาที่เหลือนี้ฉันดีกับฮีโระให้มากที่สุดแม้ว่าจะเทียบกับใครคนนั้นของเขาไม่ได้ก็ตาม




“ถึงแม้ว่าฉันอาจจะไม่เหมือนคนคนนั้นของฮีโระ แต่ถ้าไม่รังเกียจกจะคิดซะว่าฮีโระได้อยู่กับเธอก็ได้นะ”

ฉันหันไปพูดกับฮีโระ เขายิ้มออกมาแค่เล็กน้อยแต่ไม่พูดอะไรออกมา จริงๆแล้วฉันไม่น่าจะพูดแบบนั้นออกไปเลยนะเนี่ย คนเราคงไม่มีใครแทนใครได้ เขาคงจะรู้สึกแบบนี้เหมือนกันละมั้ง



ตอนนี้ฉันกับฮีโระกำลังนั่งอยู่บนรถประจำทางที่กำลังมุ่งหน้าไปยัง infinity mall ห้างดังที่กลุ่มวัยรุ่นกำลังนิยม ฮีโระกำลังนั่งใส่หูฟังฟังเพลงเหมือนครั้งก่อนที่เรามาด้วยกัน แต่ไม่เคยคิดเลยครั้งนี้จะดูเหมือนเป็นครั้งสุดท้ายของพวกเราที่จะได้ไปเที่ยวด้วยกันแบบนี้และไม่รู้ว่าอีกเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก ตอนนี้รถมาจอดที่หน้า infinity mall แล้ว พวกเราเดินลงมาจากรถและกำลังจะขึ้นสะพานลอย ฮีโระยื่นมือมาให้ฉันจับ




“ถ้าตอนนี้ผมกำลังอยู่กับคนๆนั้น ผมก็อยากจะจับมือเธอไปทุกๆที่ ได้มั้ย”

“ได้สิ”




ฉันยื่นมือไปจับมือฮีโระ มือของเขาเป็นมือที่อบอุ่นมากและมีความรู้สึกบางอย่างแทรกเข้ามาในความคิดของฉัน เหมือนกับว่าฉันเคยจับมืออุ่นๆนี้มาก่อน เขาจับมือของฉันไว้แน่นเหมือนไม่อยากจะปล่อยเลยแม้แต่น้อย ฉันอาจจะไม่ได้คิดอะไรกับฮีโระเกินเลยไปกว่าเพื่อน แต่ที่การที่ได้ช่วยให้เค้าได้รู้สึกดีขึ้นมาบ้างก็ทำให้ฉันมีความสุขมากแล้ว

ตอนนี้เรารอเวลาที่จะเข้าโรงหนังซึ่งมีเวลาเหลือประมาณหนึ่งชั่วโมงฮีโระจึงพาฉันไปที่โซนสำหรับเด็ก มีทั้งเด็กเล็กและเด็กประถมที่ไปเล่นตรงนั้น มีทั้งสไลเดอร์ ม้าหมุน รถไฟ และหลายๆอย่างที่เด็กๆชื่นชอบ ฉันหันไปมองฮีโระที่กำลังสนใจบางอย่างอยู่ เขากำลังจ้องไปที่สไลเดอร์




“อย่าบอกนะว่าฮีโระอยากเล่นน่ะ”

“เปล่าหรอก ผมแค่คิดถึงคนๆนั้นน่ะ”

“เขาชอบเล่นสไลเดอเหรอ”

“ไม่ใช่หรอก เธอเป็นคนกลัวความสูงมาก เธอจึงไม่เคยกล้าที่จะขึ้นมันสักครั้ง”

“อ๋า”

เธอกลัวความสูงเหมือนกันฉันเลยสินะ ฉันเองตั้งแต่จำได้ก็ไม่เคยกล้าขึ้นที่สูงเลยสักครั้ง ฉันว่ามันน่ากลัวและทำให้ฉันหายใจไม่ทั่วท้อง ถ้าหากใครชวนฉันไปเล่นโลดโผนที่ต้องอยู่ที่สูงละก็ฉันคิดว่าก็คงไม่ไปเหมือนกัน

“ฮีโระ ยังจำหน้าเธอได้อยู่หรือเปล่า”

“จำได้ดีเลยล่ะ”

เขาหันหน้ามาทางฉันในขณะที่บอกฉัน น่าแปลกที่อยู่ๆใจของฉันก็เต้นแรงมากขึ้น

“ผมคิดว่าเธอโตมาคงน่ารักเหมือนกันฮารุนี่ล่ะ”

“เธอเป็นคนน่ารักเหรอ“

”อื้ม ในสายตาของผม เธอน่ารักมากๆเลยล่ะ” ^^

เขารีบหันหน้ากลับไป ดูเหมือนเขาจะเขินเล็กน้อย ก่อนที่จะบอกบางอย่างที่ฉันคิดว่าน่ารักมากๆ

“เธอเคยบอกว่า ผู้ชายที่ชอบทำขนมเป็นผู้ชายที่น่าสนใจมาก ผมเลยบอกเธอไปว่า...ถ้าเธอเป็นแฟนผม ผมจะทำคุ๊กกี้ให้เธอกินทุกวันเลย แล้วเธอก็บอกผมว่า... ถ้าเราได้เจอกันอีกครั้งเราคงจะได้เป็นแฟนกัน เธอเป็นรักครั้งแรกของผมเลยล่ะ”




“ถ้าเจอกันอีกครั้ง ฉันจะยอมเป็นแฟนเธอนะ” ภาพเด็กหญิงและเด็กชายคู่หนึ่งกำลังเกี่ยวก้อยและประทับตรา เหมือนเป็นคำสัญญาว่าในอนาคตจะกลับมาพบกันอีก




จู่ๆภาพนั้นก็ผุดขึ้นมาในหัวฉัน นี่ฉันฟังฮีโระเล่าแล้วคล้อยตามขนาดที่เห็นภาพเลยเหรอเนี่ย แต่ยังไงมันก็เป็นความทรงจำที่ฉันคิดว่ามันดีๆมากสำหรับฮีโระ เพราะแบบนี้เขาถึงได้อยากเจอเธอสินะ ถ้าฮีโระได้เจอผู้หญิงคนนั้นเขาคงจะมีความสุขมากๆ ฉันอยากเจอผู้หญิงคนนั้นจัง เธอคงเป็นคนที่น่ารักและดีมากๆ ฮีโระถึงได้ปลื้มเธอ




“ได้เวลาแล้ว ไปกันเถอะ”




ฮีโระคว้ามือฉันไปจับไว้และพาฉันไปซื้อป๊อบคอร์นและโคล่า ตอนนี้ฉันคิดว่าส่วนใหญ่ที่มาดูหนังเรื่องนี้คงจะเป็นคู่รักกัน ฉันกับฮีโระก็อาจจะมองว่าเป็นแฟนกันก็ได้ แต่ฉันก็หวังว่ารุ่นพี่คงไม่รู้สึกน้อยใจนะ ฮีโระเขามีเวลาอยู่กับพวกเราอีกแค่สองวันเองค่ะ รุ่นพี่อย่าเพิ่งเข้าใจผิดนะคะ

หนังเรื่อง love story secret จบลง ทุกคนทยอยกันออกโรงหนังแต่ฮีโระยังคงนั่งอยู่ยังงั้น

“ฮีโระยังไม่ออกไปอีกเหรอ”

“อยู่ที่นี่สักแปบเถอะ คนกำลังแย่งกันออกประตูน่ะ”

เขาจับมือฉันไว้ให้นั่งลงที่เดิม เขากำลังคิดอะไรอยู่นะ ฉันนั่งลงข้างๆเขาอย่างเงียบๆ เขายื่นบางอย่างให้กับฉัน มันคือโทรศัพท์มือถือคู่รักเครื่องที่เขาใช้และอีกครื่องนึงก็อยู่ที่ฉัน

“นี่ ให้ฉันทำไมเหรอ”

“ก็มันเป็นโทรศัพท์ของคู่รักนี่นา ฮารุก็ควรจะได้ใช้คู่กับรุ่นพี่นะ”

“แล้วฉันจะติดต่อฮีโระได้ยังไงละ”

“ถือว่าเป็นของระลึกจากผมละกันนะ ก่อนที่เรา... จะจากกัน”




เขาพูดด้วยน้ำเสียงเศร้า เวลาล่วงเลยมาจนถึงตอนบ่ายของวันเสาร์แล้ว เขาเองก็คงจะกำลังนับเวลาถอยหลังเหมือนกันสินะ แต่ทำไมฉันถึงได้รู้สึกปวดใจอย่างนี้ เหมือนมีบางอย่างที่ฉันอยากจะบอกเขา แต่ฉันกลับพูดไม่ออก ฉันรับโทรศัพท์จากฮีโระ




“ถ้าเกิดเรื่องอะไรขึ้นอย่างเก็บไว้คนเดียว ผมไม่ได้คอยอยู่ข้างๆแล้ว ฮารุต้องคอยดูแลตัวเองมากๆนะ”




อยู่ดีๆฉันก็รู้สึกว่าน้ำตามันจะไหลออกมาจริงๆ ทำไมฉันรู้สึกว่าเขากำลังจะจากฉันไปไกลแสนไกลนะ ฉันอยากจะรั้งเขาไว้และอยากให้เขาอยู่กับฉันตลอดไป แต่ว่า...มันก็เป็นไปไม่ได้ ฉันยกมือขึ้นมากุมหน้าตัวเองไว้ เสียงร้องไห้ที่แผ่วเบา ฉันหวังว่าเขาจะไม่ได้ยินมัน




“รู้มั้ยว่า..คนที่ร้องไห้จะไม่น่ารักนะรู้มั้ย”




ฮีโระใช่มือของเขาจับหัวของฉันซบไหล่เขาไว้ เขาไม่รู้หรอกว่า... นั่นยิ่งทำให้ฉันอยากร้องไห้มากขึ้น มันเป็นความรู้สึกที่เหมือนว่าฉันกำลังจะปล่อยบางอย่างที่สำคัญในชีวิตให้หลุดลอยไปอย่างไม่มีวันกลับ เรานั่งอยู่ที่ในโรงหนังที่มืดอยู่อย่างนั้น แม้แต่คำพูดใดๆก็ไม่สามารถจะเอ่ยเอื้อนมันออกมาได้




เราเดินออกมาจากโรงหนัง และแวะไปกินข้าวที่ศูนย์อาหาร ฮีโระบอกว่าเขาจะเลือกให้ฉันเองและบอกให้ฉันรอเขาอยู่ตรงนี้ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับอาหารที่น่าทานมากๆ

“เมนูสำหรับคนไม่ชอบผัก ผมคิดว่าน่าจะทานสลัดผลไม้ได้นะ”

“เอ๋ ทำไมถึงรู้ว่าฉันไม่ชอบผักแต่กินสลัดได้ล่ะ”

“ผมแค่สั่งอาหารที่เธอคนนั้นชอบกินเท่านั้นเองนะ ไม่ได้สั่งมาเพื่อฮารุสักหน่อย”

“จริงเหรอเนี่ย”

ฮีโระพยักหน้าและยิ้มออกมาเล็กน้อย ทำไมเธอคนนั้นมีอะไรหลายๆอย่างที่คล้ายกับฉันจัง อย่าบอกว่าเธอคนนั้นเป็นฝาแฝดกับฉันนะ เอ...ไม่น่าจะเป็นไปได้หรอกก แม่มีลูกคนเดียวซึ่งก็คือฉันนี่นา โลกใบนี้มีคนหลายล้านคงจะมีบ้างแหละที่จะชอบอะไรเหมือนๆกัน หลังจากที่กินสลัดหมดแล้ว ฮีโระบอกว่าอยากแวะร้านดอกไม้ พวกเราเลยไปเลือกดอกไม้ด้วยกัน เขาเลือกกระถางดอกอะไรสักอย่างและยื่นให้ฉัน




“นี่มันดอกอะไรเหรอ แล้วทำไมต้องให้ฉันด้วย”

“ฮารุต้องไปหาความหมายที่ซ่อนไว้ของมันเอง ผมบอกไม่ได้หรอก”

ฉันรับมันไว้อย่างงงๆ สักวันหนึ่งที่มันออกดอกฉันอาจจะเดาได้ว่ามันคือดอกอะไรสินะ เรากลับมาถึงบ้านตอนเกือบๆจะห้าโมงแล้ว เราแยกกันตรงที่หน้าบ้านของฉัน

“ฮีโระ จะต้องย้ายกลับเมื่อไหร่เหรอ”

“วันจันทร์ผมต้องไปลาทุกคนที่โรงเรียนก่อน และคงเป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้เจอกัน”

รอยยิ้มบางๆที่ปนความเศร้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฮีโระ ฉันคิดว่าเขาก็ไม่อยากที่จะไปเช่นกัน เขาโบกมือให้ฉันก่อนที่จะหลังกลับไป ฉันเดินกลับเข้าบ้านโดยที่แม่นั่งดูทีวีอยู่ในบ้าน

“วันนี้ไปเที่ยวสนุกมั้ย”

“ค่ะ สนุกมาก แต่ก็ใจหายมากๆ”

“แล้วนี่ดอกอะไรเหรอ”

“ฮีโระบอกว่าหนูต้องค้นหาชื่อของมันเองหนูถึงจะรู้ความหมายของมันค่ะ”



ฉันยกกระถางเข้าไปไว้ในห้องนอน ฉันหวังว่าฉันจะรู้ว่ามันคือดอกอะไรในเร็ววันนี้ ฉันหยิบโทรศัพท์ที่ฮีโระให้ออกมา มันเป็นโทรศัพท์คู่รักที่เขาแอบซื้อมันตอนที่เราไปเที่ยวด้วยกันครั้งแรกสินะ เขาบอกให้ฉันเอาไปให้รุ่นพี่เผื่อว่ามีอะไรฉุกเฉินเขาจะเป็นคนที่สามารถมาช่วยฉันได้ เขาก็เป็นแบบนี้ทุกที คอยเอาแต่เป็นห่วงคนอื่นจนบางครั้งก็ลืมดูแลตัวเองไป

ฉันได้แต่ภาวนาขอให้เขาได้เจอกับผู้หญิงคนนั้นเร็วๆเพื่อที่เธอจะได้มาดูแลเขาและจะได้ไม่ต้องเหงาอยู่คนเดียวอีก ฉันเปิดผ้าม่านหน้าต่างออกมองลอดผ่านกระจก ฮีโระกำลังนั่งฟังเพลงอยู่ที่ริมหน้าต่างเหมือนเคย จากนี้ไปฉันคงไม่ได้เห็นเขาที่ริมหน้าต่างแบบนี้แล้วสินะ


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 24 - วันแห่งความสุข

เช้านี้อากาศสดชื่นมากๆ ฉันตั้งใจจะตื่นเช้าๆเพื่อรีบไปดูอาการของฮีโระ แต่ยังไม่ทันทีจะได้อาบน้ำแต่งตัวก็ได้ยินเสียงใครบางคนกำลังพูดอยู่กั...

วันอาทิตย์ที่ 7 มกราคม พ.ศ. 2561



ตอนเย็นฉันห่อข้าวต้มที่แม่ทำให้พร้อมกับผลไม้และนมใส่ตะกร้าไปที่บ้านของฮีโระ เขายังนอนอยู่บนเตียงและเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปเขาก็รีบหันมาดูทันที

“เอ๊ะ ตกใจหมดเลยฮารุเองเหรอ มีอะไรหรือปล่าว”

“มีสิ ฉันเอาข้าวต้มมาให้ มีผลไม้กับนมด้วยนะ”

ฉันวางตะกร้าลงบนโต๊ะคอมแล้วยกข้าวต้มมาให้ฮีโระ

“ผมรู้สึกดีขึ้นมากแล้วไม่เป็นไรหรอก”

“รีบกินเข้าไปเถอะน่า”

ฉันคะยั้นคะยอให้เขากินข้าว ดูเหมือนอาการของเขาจะดีขึ้นบ้างแล้ว และหน้าตาก็ดูแจ่มใสขึ้นด้วย ฉันลองเอามื้อไปแตะหน้าผากฮีโระดูตอนนี้แค่อุ่นๆคิดว่าวันพรุ่งนี้ก็คงจะหายแล้ว

“หยุดทำไม ต้องให้กินหมดนะรู้มั้ย”

ฉันขู่เขาเหมือนกับเด็กๆ เพราะปกติเขาก็ดูเป็นคนผอมมากๆอยู่แล้ว ยิ่งมาป่วยแบบนี้อีก ก็ยิ่งทำให้เขาดูผอมลงมากขึ้น

“นี่พวงกุญแจที่ฉันให้ฮีโระนี่”

ฉันหยิบกระปุกที่มีพวงกุญแจ รูปที่เราถ่ายด้วยกันและยางลบปริศนา

“แต่ว่าทำไมถึงได้มียางลบก้อนนี้ด้วยล่ะ แถมมันน่าแปลกมากเลยนะ”

“น่าแปลกยังไงเหรอ”

ฮีโระถามขึ้นอย่างสนใจ

“ก็ยางลบก้อนนี้น่ะ มีตัวหนังสือด้วยใช่มั้ยล่ะ แล้วตัวหนังสือนั่นก็เหมือนกับตัวหนังสือของฉันมากด้วย”

“อ่อ อื้ม น่าแปลกดี”

“ฮีโระได้มันมาจากใครเหรอ”

“หา..เอ่อ... แค่กแค่ก”

ฮีโระคงกินข้าวต้มเร็วไปหน่อยก็เลยทำให้ข้าวติดคอซะได้ ฉันยื่นน้ำให้เขาก่อนที่ถามคำถามเดิมออกไป ฉันอยากรู้ว่าใครกันนะที่ตัวหนังสือเหมือนกับฉันได้ขนาดนี้ และเขามีความสำคัญยังกับฮีโระกันนะ

“สรุปแล้วใครเป็นคนให้ฮีโระล่ะ”

“ก็... ฮารุให้น่ะสิ ตัวหนังสือเหมือนฮารุก็ต้องเป็นฮารุให้อยู่แล้วล่ะ ใช่มั้ย ฮ่า”

“ฮีโระเนี่ยชอบพูดเล่นตลอดเลย ฉันไม่เคยให้ยางลบฮีโระเลยนะตั้งแต่รู้จักกันมาเนี่ย สรุปจะไม่ยอมบอกกันจริงๆใช่ไหม”

ฮีโระนิ่งไปเล็กน้อยเขายิ้มออกมาเหมือนคนเสียใจและบอกความจริงกับฉันว่า

“จริงๆแล้วผมได้มาจากเพื่อนคนนึงที่เคยรู้จักกันน่ะ แต่มันก็นานมาแล้ว”

“คนนี้ต้องเป็นผู้หญิงแน่ๆเลยใช่มั้ย”

เขายิ้มแทนคำตอบ

“ถ้ายังงั้นช่วยเล่าเรื่องของผู้หญิงคนนั้นให้ฉันฟังหน่อยได้มั้ยล่ะ”

ฉันอยากรับฟังเรื่องราวของฮีโระบ้าง เพราะตลอดมาฮีโระก็เป็นคนที่รับฟังเรื่องราวของฉันตลอดมา จนบางครั้งฉันก็ไม่เคยได้สนใจเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวเขาเท่าที่ควร

“แล้วทำไมผมต้องมาเล่าเรื่องนี้ให้ฮารุฟังด้วยล่ะ”

“ก็ฉันอยากรู้นี่นาว่าผู้หญิงที่เป็นแฟนฮีโระจะเป็นคนยังไงนะ”

“ไม่..ไม่ใช่แฟนสักหน่อย”

ฮีโระตอบออกมาอย่างเขินๆ ดูเหมือนเขาจะหน้าแดงขึ้นเล็กน้อย แต่ฉันคิดว่ามันแดงเพราะความเขินมากกว่าพิษไข้นะ

“ผมจะเล่าให้ฟังก็ได้แต่ฮารุเล่าเรื่องตอนเด็กให้ผมฟังก่อนนะ”

“ฉันก็อยากเล่านะ แต่ว่า...”

แม้แต่ตัวฉันเองก็ยังจำไม่ได้ว่าตอนเด็กฉันเคยไปทำอะไรและเล่นกับใครที่ไหนบ้าง ไม่รู้เพราะว่าฉันความจำสั้นหรือว่าฉันไม่เคยทำอะไรที่น่าจดจำในช่วงนั้นกันนะ

“ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมฉันถึงจำอะไรในตอนเด็กไม่ได้เลย แม้แต่เพื่อนที่สนิทในตอนนั้นฉันก็จำเขาไม่ได้เลย ขอโทษนะดูเหมือนฉันไม่เคยรู้เลยว่าช่วงเวลานั้นฉันทำอะไรบ้าง”

ฮีโระกำลังตั้งใจฟังเรื่องที่ฉันพูดเต็มที่ ดูเหมือนเขาจะตกใจเล็กน้อย ที่จริงเรื่องนี้มันก็ทำให้ฉันค้างคามาเนิ่นนานเมื่อนึกถึงมัน ทำไมฉันถึงไม่เคยจำได้ แม้ว่าฉันจะเปิดสมุดรายชื่อของเพื่อนๆแล้วก็ยังไม่คุ้นและนึกอะไรไม่ออกเลย มันเป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ฉันก็ยังหาคำตอบให้ตัวเองไม่ได้

“ฮารุ จำเรื่องราวตอนเด็กไม่ได้เลยจริงๆเหรอ”

ฮีโระจ้องหน้าและถามฉันอีกครั้ง ฉันเดาว่าเขาคงไม่อยากจะเชื่อว่ามีคนแบบนี้อยู่ด้วย

“อื้ม ฉันเคยพยายามนึกถึงมันบ่อยๆแต่สุดท้ายก็ได้กลับมาแค่..ความว่างเปล่า ไม่มีอะไรเลยที่ฉันจำได้ น่าแปลกนะ”


“เกิดอะไรขึ้นกับฮารุหรือปล่าว หมายถึงตอนเด็กๆน่ะ”

“อ้อ เหมือนจะเคยมีนะ เท่าที่ฉันจำได้ฉันเคยทำจักรยานล้มหนึ่งครั้ง ฉันถึงกับต้องเข้าโรงพยาบาล แต่ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

จริงๆแล้วฉันแค่รู้ว่าฉันเข้าโรงพยาบาลมากกว่า เพราะฉันจำได้ว่าตั้งแต่ฉันลืมตาขึ้นก็อยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองไปทำอะไรถึงได้เข้าโรงพยาบาล แต่มารู้ทีหลังจากแม่บอกว่าฉันโดนรถชนเพราะขับจักรยานออกไปนอกถนน

“ถ้ายังงั้นฮารุก็จำไม่ได้เลยสินะว่าเคยทำอะไร หรือรู้จักใครบ้างในตอนเด็ก”

“อื้ม ฉันไม่แน่ใจหรอกนะว่าเพราะอุบัติเหตุครั้งนั้นมั้ย หรือไม่ก็อาจจะเพราะว่าฉันเป็นคนความจำสั้นถึงจำเรื่องอะไรไม่ได้ หรืออีกอย่างก็คือไม่มีอะไรให้จำได้เลย ฮะๆ”

ตลอดมาฉันก็เชื่อแบบนั้น เพราะคิดไปก็คิดอะไรไม่ออกหรอก ฉันจึงเลือกที่จะจดจำเรื่องของปัจจุบันมากกว่าในอดีต

“ทีนี้จะเล่าเรื่องของฮีโระให้ฉันฟังได้หรือยัง”

“เรื่องยางลบน่ะเหรอ”

ฉันพยักหน้า ฮีโระทำท่าครุ่นคิด ฉันยื่นแอปเปิ้ลที่เพิ่งปอกเสร็จให้เขา เขารับมันไว้และเล่าให้ฉันฟังตามสัญญา

“ยางลบก้อนนี้ผมได้มันตอนที่ย้ายไปโรงเรียนแลกเปลี่ยนตอนประถม ผมไม่ค่อยมีเพื่อนสักเท่าไหร่ แต่ในวันนั้นก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่พยายามจะเป็นเพื่อนกับผม เธอดีกับผมมาก เราค่อนข้างสนิทกัน ตอนจบประถมเธอเลยให้ยางลบก้อนนี้กับผม แค่นี้ละมั้งจบแล้วล่ะ”

“ดูเหมือนว่าฮีโระจะชอบเธอด้วยใช่มั้ยล่ะ”

ฉันแอบแซวเขาเล็กน้อย เพราะตอนที่เขากำลังเล่า สีหน้าของเขาแสดงออกมาให้เห็นว่าเขาคงจะชอบผู้หญิงคนนั้นมากๆ เพราะดูเวลาเขาพูดมันเหมือนคนที่มีความสุข น่าอิจฉาที่เขามีความทรงจำที่ดีและทำให้เขายิ้มได้

“ผม.. ชอบเธอจริงๆแหละ และก็...ชอบมากๆจนผมไม่คิดว่าจะชอบใครได้อีก แต่มันก็อาจจะเป็นแค่เรื่องของเด็กๆ ตอนนี้เธอคงจะจำผมไม่ได้แล้วล่ะ”

ฮีโระพูดขึ้น ในขณะมองไปที่ยางลบ

“แล้วหลังจากวันนั้นได้เคยเจอเธอคนนั้นอีกมั้ย ถ้าเจอฮีโระน่าจะบอกให้เขาได้รู้นะ”

“นั่นน่ะสินะ ผมควรจะพยายามหาเธอให้เจอ และ... ถ้าเธอยังจำผมได้ ผมจะลองบอกความในใจดู”

“สักวันฮีโระจะต้องได้พบกับเธอคนนั้นแน่นอน”

ฮีโระยิ้มออกมาน้อยๆเขาเก็บยางลบไว้ที่กระปุกอย่างระมัดระวัง เขาคงเก็บไว้อย่างน้อยก็คงห้าหกปีได้ ฉันคิดว่ากระปุกใบนั้นคงเป็นกระปุกเก็บความทรงจำของเขา น่าดีใจที่อย่างน้อยๆเขาก็อยากเก็บฉันไว้ในความทรงจำของเขาด้วยอีกคน ฉันหยิบยาหลังอาหารให้ฮีโระ

“ขอบคุณนะ วันนี้ผมทำให้ฮารุต้องลำบากมากเลยสินะ”

“ไม่หรอก ฉันรู้สึกดีใจนะที่ได้ดูแลฮีโระบ้างเพราะตลอดมาฮีโระเป็นคนที่ช่วยเหลือฉันตลอด”

“ผมแค่ทำในสิ่งที่อยากทำเท่านั้นเอง ว่าแต่ดึกแล้วฮารุน่าจะกลับบ้านได้แล้วนะ เดี๋ยวแม่จะเป็นห่วง”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แม่อนุญาตให้ฉันมาดูแลฮีโระเรียบร้อยแล้ว ฉันจะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ล่ะ เพราะฉะนั้นฉันจะอยู่จนกว่าฮีโระจะนอนหลับนะ พักผ่อนเถอะ”

ฉันลุกไปหยิบผ้าห่มและคลุมให้ฮีโระนิดนึง เขาหลับตาลงอย่างว่าง่าย ฉันกลับมานั่งโต๊ะคอมข้างๆพลันสายตาก็เหลือบไปเจอกับชั้นวางหนังสือมีอัลบั้มรูปเล่มหนึ่งที่น่าสนใจมาก ฉันถือวิสาสะหยิบมันขึ้นมาดูที่ริมหน้าต่าง ทีละหน้าทีละหน้า ฮีโระตัวน้อยๆหน้าตาเป็นแบบนี้นี่เอง ดูเหมือนเขาจะดูหล่อตั้งแต่เด็กๆ นี่ถ้าสมมุติฉันรู้จักเขาในตอนเด็กฉันอาจจะแอบชอบเขาก็ได้นะ แค่คิดก็น่าตลกแล้วล่ะ ในอัลบั้มมีรูปฮีโระที่ถ่ายคู่กับผู้หญิงวัยกลางคน เธอดูสวยและใจดี รอยยิ้มของเธอดูอบอุ่นมากๆคิดว่าคงจะเป็นแม่ของฮีโระละมั้ง มีอยู่หนึ่งรูปที่เป็นรูปฮีโระกับแม่กำลังช่วยกันทำขนม เพราะยังงี้เขาถึงได้ชอบการทำขนมสินะ ในอัลบั้มส่วนใหญ่จะมีรูปของคุณแม่มากกว่าพ่อ ฉันเปิดดูอัลบั้มภาพของฮีโระอย่างเพลินตาจะรู้สึกว่าชักจะง่วงแล้ว ฉันหันไปดูฮีโระ เขาหันหน้าไปทางผนังฉันคิดว่าเขาคงนอนหลับไปแล้ว ส่วนฉันเองก็เริ่มง่วงมากๆเหมือนกัน ถ้ายังงั้นฉันงีบสักแปบดีกว่า

......................................................................................................................................................................................................................

“ทำไม... เธอถึงจำผมไม่ได้กันนะ”

เสียงใครบางคนพูดลอยมา ฉันไม่แน่ใจว่าเป็นความฝันของฉันเองหรือปล่าว แต่ตอนนี้ฉันไม่สามารถลืมตาได้จริงๆ ของีบสักแปบคงไม่เป็นไรมั้ง ฉันหลับตาลง.. อากาศหนาวในช่วงกลางดึกทำให้ฉันสะดุ้งตื่น ฉันไม่รู้ว่ามีผ้าห่มมาห่มบนตัวฉันเมื่อไหร่ ฉันหันไปดูฮีโระที่นอนหลับอยู่บนเตียง ฉันลุกไปจัดผ้าห่มให้เขาก่อนที่จะเก็บของ นี่ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้วสินะ ฉันไม่น่าจะเผลอหลับไปนานขนาดนี้เลย ฉันหันไปบอกฮีโระที่กำลังหลับเบาๆก่อนจะปิดประตู

“ฝันดีนะฮีโระ ”


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 23 - ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2

ตอนเย็นฉันห่อข้าวต้มที่แม่ทำให้พร้อมกับผลไม้และนมใส่ตะกร้าไปที่บ้านของฮีโระ เขายังนอนอยู่บนเตียงและเมื่อฉันเปิดประตูเข้าไปเขาก็รีบหันมาดูท...

วันเสาร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2561



เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้าวกล่องที่เตรียมไว้ให้ฉันและฮีโระให้ฉันไปที่โรงเรียนด้วย และตอนนี้ฉันก็มายืนอยู่ที่หน้าบ้านของฮีโระแล้ว ดูจากนาฬิกาตอนนี้ก็เพิ่งจะเจ็ดโมงเช้า อีกประมาณยี่สิบนาทีหรือไม่ก็น้อยกว่านั้น ฉันคิดว่าฮีโระน่าจะออกมาและเขาก็คงจะรู้สึกแปลกใจมากๆที่วันนี้ฉันตื่นเช้าได้ แค่คิดว่าได้เจอหน้าฮีโระตอนนั้นแล้ว เขาก็จะตกใจไม่น้อย

ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านอย่างนั้นเป็นเวลาเกือบสิบห้านาทีแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะมีใครสักคนออกมาจากบ้าน หรือว่าวันนี้เขาตื่นสายหรือปล่าวนะ ฉันเริ่มเอะใจเล็กน้อย จึงได้เดินไปที่หน้าประตูและลองเคาะเรียกเขาดู แต่ก็เหมือนเดิม ไม่มีเสียงใดๆตอบรับ ฉันเริ่มเดินไปที่ข้างๆบ้าน ห้องของฮีโระอยู่ทางด้านขวาของประตูฉันจึงลองเดินไปดู และฉันเห็นฮีโระกำลังนอนอยู่ มันอะไรบางอย่างที่แปลกไปนะเขาเป็นอะไรหรือปล่าว ฉันเรียกเขาผ่านหน้าต่างกระจกและพยายามเคาะซ้ำๆแต่ดูเหมือนว่าเสียงของฉันจะไม่สามารถทะลุเข้าไปได้ ฉันจึงรีบหยิบโทรศัพท์กด 1 แล้วโทรออกทันที ฉันลองชะโงกหน้าหาโทรศัพท์ของฮีโระดูมันน่าจะอยู่แถวๆนั้นนะ เอ๊ะ มันอยู่บนเตียงที่ฮีโระนอนอยู่นี่นา สายหลุดไปแล้วฉันจึงโทรไปใหม่อีกครั้ง ฮีโระเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาแล้ว เขาค่อยๆเอื้อมมือหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับโดยที่มีรู้ว่าฉันยืนอยู่ที่หน้าต่างห้องเขานี่เอง

“ฮีโระ เป็นอะไรหรือปล่าว นี่ฉันเองนะฮารุ ลุกมาเปิดประตูบ้านใหญ่ฉันหน่อยเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“อ่อ ฮารุเหรอ ผมไม่เป็นไรฮารุมีอะไรเหรอ”

“ไม่เป็นไรได้ยังไง ฉันเห็นแล้วว่าฮีโระไม่สบาย เปิดประตูเดี๋ยวนี้เลยนะ”

ฉันใช้กำปั้นทุบลงบนกระจกหน้าต่างห้องของฮีโระด้วยความโมโหที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ฉันไม่เคยคิดว่าเขาจะเป็นคนที่ดื้ออย่างนี้มาก่อน แม้ตัวเองจะไม่สบายหรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เขาก็มักจะบอกแต่ว่าไม่เป็นไรและคอยเอาแต่ดูแลคนอื่นๆ

ฮีโระหันมาตามเสียงที่ฉันทุบประตู เขาตกใจมากที่เห็นฉันยืนอยู่ตรงนั้นและถามว่าฉันมายืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่

“อย่าเพิ่งถามอะไรตอนนี้เลย ลุกมาเปิดประตูให้ฉันก่อนเถอะน่า”

ฉันพูดอย่างร้อนใจ ยิ่งฉันได้เห็นว่าหน้าเขาซีดขนาดนั้นฉันก็พอจะเดาออกว่าเขาไม่สบายจริงๆ ฉันน่าจะเอะใจตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะที่เขาไอแถมตอนเย็นก็ไม่ได้มากินข้าวที่บ้านฉันด้วย

“รีบๆมาเปิดประตูตอนนี้เลยนะก่อนที่ฉันจะพังประตูเข้าไป”

ฉันขู่ฮีโระอีกครั้งเพราะเขาเอาแต่บอกไม่เป็นไรๆ จนสุดท้ายเขาก็ลุกมาเปิดประตูบ้านอย่างที่ฉันบอก ฉันรีบเดินกลับมาที่ประตูหน้าบ้าน ประตูกำลังเปิดออกช้าๆ ฉันเริ่มเห็นหน้าฮีโระชัดมากขึ้น แต่ก่อนที่ฉันจะได้พูดอะไรออกไปฮีโระก็ล้มลง

“ฮีโระเป็นอะไรหรือปล่าว”

ฉันรีบโผเข้าไปหาเขาที่ตอนนี้ดูเหมือนอ่อนแรงมากๆ ให้ตายเถอะนี่ทำไมตัวเขาถึงได้ร้อนขนาดนี้นะเนี่ย ฉันประคองเขาให้ลุกขึ้นมาและใช้แรงฮึดสุดๆประคองเขาเดินไปที่ห้อง ฉันลองเอามือแตะที่หน้าผากของเขาอีกครั้งแม้จะไม่มีปรอดวัดไข้แต่ฉันว่าไข้ของเขาต้องขึ้นสูงผิดปกติแน่ๆเพราะตัวของเขาร้อนมากๆเหมือนว่าเราสามารถทอดไข่บนหน้าเขาได้เลยทีเดียว

“นายคงต้องไปหาหมอนะฮีโระ นายไม่สบายมาก ฉันจะโทรเรียกรถพยาบาล”

เพราะตอนนี้พ่อของฉันออกไปทำงานจึงไม่มีใครที่จะไปส่งเขาที่โรงพยาบาลได้ ฉันจึงคิดว่าการโทรเรียกรถพยายาลน่าจะดีที่สุด ฉันยกโทรศัพท์มือถือและกดเบอร์ แต่ก็มีมือร้อนๆของฮีโระมาจับที่โทรศัพท์เอาไว้

“ผมไม่เป็นไร ขอร้องอย่าให้ผมไปโรงพยาบาลเลย” แค่ก แค่ก~~

เขาจับโทรศัพท์เอาไว้อย่างนั้นใขขณะที่ก็พูดออกมาอย่างยากลำบาก

“แล้วถ้านายไม่ไปโรงพยาบาล นายจะหายไปได้ยังไงกัน”

ฉันตะโกนใส่เขายังงั้นทั้งๆที่ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน เพราะอะไรน่ะเหรอ เพราะฉันเป็นห่วงเขามากนะสิ

“เดี๋ยวนอนพักสักแปบก็หาย”

“หยุดพูดและรอฉันอยู่ที่นี่นะเดี๋ยวฉันมา”

“ผมไม่ไปโรงพยาบาลจริงๆนะ อย่าเรียกรถพวกนั้นมา”

เขายังคงคว้าแขนของฉันไว้อย่างนั้นไม่ยอมปล่อย ไม่น่าเชื่อว่าคนแบบนี้จะกลัวการเขาโรงพยาบาลเหมือนกัน

“ฉันแค่จะกลับไปเอายาที่บ้าน ไม่เรียกรถพยาบาลหรอก”

“สัญญานะ”

ฉันยกมือขึ้นมาเกี่ยวก้อยสัญญา หลังจากนั้นฉันก็กลับบ้านมาค้นที่ตู้ยาว่ามีอะไรบ้าง แม่ตกใจมากที่จู่ๆฉันก็กลับมา

“อ่าว นี่ลูกไม่ได้ถึงโรงเรียนแล้วหรอกเหรอ ละนี่ทำอะไรเนี่ย มีใครเป็นอะไร”

“ฮีโระเขาไม่สบายน่ะค่ะ ดูเหมือนจะมีไข้ขึ้นสูงมาก”

ฉันตอบแม่ในขณะที่ยังคงค้นหายาอยู่อย่างนั้น แต่แม่บอกว่าก่อนที่เขาจะกินยาเราควรจะหาอะไรให้เขากินก่อน แม่จึงเตรียมโจ๊กไว้ให้และบอกว่าต้องเช็ดตัวให้ไข้ลดลง ฉันหอบข้าวของพะรุงพะรังราวกับว่ากำลังจะย้ายบ้านมาที่บ้านของฮีโระทั้งโจ๊ก ยา ผ้าขนหนูสำหรับเช็ดตัว และเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดอย่างไม้กวาดและไม้ถูกพื้นมาด้วย เพราะจากที่ฉันได้เข้ามาในบ้านฉันก็พอจะรู้ว่าเขาไม่ได้ทำความสะอาดมานาน และคนไม่สบายควรจะได้อยู่ในห้องปลอดโปร่งและสะอาดมากกว่านี้ ฉันจัดแจงวางของทุกอย่างลงและประคองเค้าให้นั่งพิงผนัง

“นายต้องกินโจ๊กนี่ก่อนนะฮีโระ”

ฉันตักโจ๊กให้แต่เขาก็ไม่ยอมกิน

“เดี๋ยวผมกินเองได้”

เขาคว้าถ้วยโจ๊กออกจากมือฉันไป ฉันกลัวว่าเขาจะไม่มีแรงเพราะแค่จะยกช้อนขึ้นมาก็ดูเหมือนว่าจะลำบากมากแล้วในตอนนี้ ฉันจึงดึงถ้วยโจ๊กกลับมาเหมือนเดิม

“ฉันไม่เคยคิดเลยนะว่าฮีโระจะเป็นคนที่ดื้อมากขนาดนี้ แต่เพราะวันนี้นายป่วยนายจึงไม่มีสิทธิ์ที่จะปฏิเสธใดๆกับฉัน”

เขาไม่พูดอะไรออกมาและยอมกินโจ๊กที่ฉันป้อนให้อย่างว่าง่าย แต่กินเข้าไปได้แค่ครึ่งถ้วยเขาก็บอกว่ากินเข้าไปไม่ไหวแล้ว ฉันจึงเอื้อมไปหยิบกระปุกยาให้เขากิน ก่อนที่จะให้นอนพักแล้วเขาก็หลับ ฉันจึงเตรียมกาละมังเล็กๆใส่น้ำและน้ำผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้ ถึงแม้ว่าเราจะสนิมมากแต่เพราะฮีโระเป็นผู้ชายฉันก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดีที่ต้องมาเช็ดตัวให้แบบนี้และฉันก็ยังไม่เคยทำอะไรแบบนี้ให้ใครมาก่อนด้วย ฉันใช้ผ้าขนหนูและเช็ดหน้าให้เขาเบาๆ แม้นี้ตอนผ้าขนหนูจะเย็นแต่หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเสร็จผ้าขนหนูก็กลายเป็นอุ่นขึ้นทันที ฉันเช็ดหน้าและคอให้เขา ดูไปดูมาเขาเป็นคนที่หล่อแบบธรรมชาติสร้างมาจริงๆ ขนาดป่วยและหน้าเขาจะซีดเล็กน้อยรวมถึงผมที่ยุ่งเหยิงของเขาก็ไม่ได้ทำให้ความหล่อของเขาน้อยลงไปเลย ไม่น่าแปลกที่มุนอาจะชอบเขามากๆ


หลังจากที่ฉันเช็ดตัวให้เขาเรียบร้อยสิ่งที่ฉันต้องทำต่อไปนั่นคือการทำความสะอาด เพราะจากที่ดูตอนนี้มีขยะและฝุ่นเกลื่อนกลาดเต็มห้องของฮีโระไปหมด ฉันเปิดประตูหน้าต่างของเขาออกให้กว้างมากที่สุดเพื่อให้ได้รับอากาศบริสุทธิ์จากด้านนอกแล้วเริ่มเก็บขยะที่ตกตามพื้น มันเป็นเศษกระดาษซะส่วนใหญ่แต่เพราะว่ามันถูกขยำแล้วฉันจึงคิดเอาเองว่ามันเป็นขยะไปแล้ว ฉันเก็บมันใส่ถุงดำที่เตรียมมาด้วย

“นี่มันตั๋วดูหนังนี่นา”

ฉันหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งที่ถูกฉีกทิ้งขึ้นมาดู มันเป็นตั๋วดูหนังสองใบแต่มันเป็นของวันอาทิตย์ที่แล้ว ทำไมเขาถึงไม่ไปดูนะ ฉันหยิบมันทิ้งลงในถุงดำและปัดฝุ่นบนโต๊ะแล้วเช็ดด้วยผ้าอีกครั้ง ในห้องของฮีโระเป็นเพียงห้องเล็กๆไม่มีอะไรมากนอกจากโต๊ะคอมหนึ่งตัว ชั้นวางหนังสือและซีดีมากมาย มีที่ใส่ของอยู่บนผนัง โต๊ะวางโคมไฟที่มีของกระจุ๋มกระจิ๋มวางอยู่ตรงนั้น และมีเก้าอี้เอนหลังที่เขามักจะชอบไปนั่งริมหน้าต่าง ฉันค่อยๆทำความสะอาดตั้งแต่โต๊ะคอมที่รูปสมัยตอนเป็นเด็กๆของเขาวางอยู่ตรงนั้น

“นี่เขาหล่อมาตั้งแต่ตนเป็นเด็กเลยเหรอเนี่ย”

ฉันหยิบกรอบรูปขึ้นมาเช็ด แต่...

“ทำไมรูปนี้ถึงได้คุ้นๆนะ เหมือนกับฉันเคยเห็นที่ไหนสักแห่ง”

ฉันพึมพำไปพร้อมๆกับทำความสะอาดไป น่าแปลกที่รูปของฮีโระตอนเด็กทำให้ฉันรู้สึกคุ้นตา อ๋อ จำได้แล้วหน้าฮีโระคล้ายๆกับเด็กที่อยู่ในรูปที่อยู่ที่บอร์ดติดห้องฉันเลย เอ..แต่มันไม่น่าจะบังเอิญขนาดนั้นหรอก ตอนเด็กๆทุกคนจะหน้าตาคล้ายๆกันหมดแหละ ฉันวางกรอบรูปลงที่เดิมและจัดการกับชั้นวางหนังสือและซีดีมากมายที่แอบแฝงไปด้วยฝุ่น

ฮัดเช้ย~~

ฉันเผลอจามออกมา แต่โชคดีไม่ได้เสียงดังมากนัก ฮีโระยังคงหลับต่อไปเพราะฤทธิ์ยาและร่างกายที่อ่อนแรงของเขา นี่เขาชอบฟังเพลงมากๆเลยนะเนี่ย ถึงได้มีซีดีเป็นร้อยๆในชั้นแบบนี้ ฉันเช็ดไปด้วยและดูของไปด้วย มันเป็นอะไรที่น่าแปลกใจมาก เมื่อฉันได้มาเห็นว่าห้องของฮีโระเป็นแบบนี้ ข้างเตียงมีขวดโหลอยู่ใบนึงที่ใส่รูปที่เราเคยถ่ายด้วยกันที่สนามหญ้าในสวนสาธารณะและมีพวงกุญแจที่ฉันเคยซื้อให้ฮีโระอยู่ในนั้นด้วย ไม่น่าล่ะฉันถึงได้ไม่เห็นเขาเอาห้อยกระเป๋าเป็นเพราะเขาเอามันมาเก็บไว้ในกระปุกแบบนี้นี่เอง

แต่เอ๊ะมีบางอย่างอยู่ในนั้นอีกอย่างดูเหมือนมันจะเป็นยางลบนะ ฉันยกกระปุกขึ้นมาดูมีคนเขียนบางอย่างลงในนั้น “Hero เพื่อนที่ดีของฉัน” ไม่ว่าเขาจะอยู่ที่ไหนก็มีแต่คนรักเขาสินะ ฉันวางกระปุกลงและคิดว่าจะกวาดห้องต่อ แต่ก็มีบางอย่างแว๊บขึ้นมาในหัว ฉันหยิบกระปุกแล้วเปิดมันออก ยางลบก้อนนั้นอยู่ในมือของฉัน ฉันพิจารณามันอย่างถี่ถ้วนมันน่าแปลกมากที่ตัวหนังสือนั้นฉันคิดว่ามันมีส่วนคล้ายกับฉันเล็กน้อย หรือว่าจะมีคนที่ตัวหนังสือเหมือนกันก็ได้ ฉันครุ่นคิดมันอยู่นาน แต่จะคิดว่าเป็นฉันที่ให้ยางลบนี่กับฮีโระ ฉันก็ไม่เคยให้นี่นา น่าแปลกจริงๆ ฉันเก็บยางลบเข้ากระปุกตามเดิมแล้วทำการกวาดถูห้องจนสะอาดเอี่ยม


สายลมอ่อนๆพัดผ่านหน้าต่างเข้ามาทำให้ผ้าม่านสีฟ้าอ่อนๆพริ้วไหวไปตามลม ฉันนั่งลงบนเก้าอี้ที่ฉันคิดว่ามันคงเป็นตัวโปรดของฮีโระที่ข้างหน้าต่าง วิวตรงนี้ดูสวยกว่ามองจากห้องฉันเยอะ และจากตรงนี้ฉันก็สามารถมองเห็นหน้าต่างห้องของฉันได้สบาย ตอนนี้แสงแดดอ่อนๆเริ่มส่องผ่านเข้ามา วันนี้เป็นวันที่อากาศดีมากๆ ฉันหลับตาลงพร้อมๆกับสายลมที่พัดเข้ามาเรื่อยๆ ได้ยินเสียงนกร้องคลอเบาๆ บรรยากาศดีจัง

...........................................................................................................................................

แกร็ก แกร็ก~~

เสียงเหมือนใครบางคนกำลังทำอะไรบางอย่าง ฉันลืมตาขึ้นก็พบว่าฮีโระกำลังนั่งจัดหนังสืออยู่

“อ่าว ตื่นแล้วเหรอฮารุ”

ฮีโระกำลังจัดหนังสือเข้าชั้นวางไป นี่ฉันเผลอหลับไปตั้งเกือบชั่วโมงเชียวเหรอเนี่ย

“เธอยังดูเหมือนไม่ค่อยมีแรงเท่าไหร่นะ เดี๋ยวฉันเก็บให้เอง”

“ไม่เป็นไรผมเก็บเอง”

ฉันลุกขึ้นจากเก้าอี้ไปช่วยฮีโระเก็บของ แต่เขาก็พยายามทำเองจนเสร็จ

“เธอยังไม่หายดีเลยนะ กลับไปนอนพักเถอะ”

ฉันพยุงฮีโระกลับมานั่งที่เตียง เขายังดูเหมือนเหนื่อย ฉันกลับมานั่งเก้าอี้ที่ริมหน้าต่างและหันหน้าเก้าอี้ไปทางเตียงของฮีโระ

“ฮารุทำเหมือนว่าผมเป็นคนป่วยโรงพยาบาลเลยนะ ไม่ต้องเฝ้าผมก็ได้ ผมดีขึ้นเยอะแล้วล่ะ แล้วไม่ไปเรียนจะไม่เป็นไรเหรอ”

“ไม่ได้เป็นไรหรอกน่า แม่โทรไปลาที่โรงเรียนให้พวกเราแล้ว ฉันจะอยู่เฝ้าจนกว่าเธอจะหายดีนะ อ๊ะ... จริงด้วยแล้วตอนนี้ยังปวดหัวอยู่มั้ย”

“ก็ยังมึนอยู่บ้างนิดหน่อย แต่ก็รู้สึกดีขึ้นบ้างแล้วล่ะ”

ฮีโระพูดในขณะที่ยิ้มออกมา เขาดูสดใสขึ้นบ้างแล้ว ฉันลุกขึ้นเอามือไปลองแตะหน้าผากเขาดูอีกครั้งหลังจากที่ได้กินยาและนานหลับไป ตัวเขายังดูร้อนๆอยู่แต่ก็ดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้

“แต่ตัวเธอยังร้อนอยู่เลยนะ อย่าเพิ่งออกไปเดินเล่นหรือทำอะไรล่ะ วันนี้ฉันจะอยู่ดูแลฮีโระไม่ให้ทำอะไรที่ดื้ออีก”

ฉันนั่งกอดอกทำเหมือนจะออกคำสั่งกับฮีโระ เขาหัวเราะออกมาเล็กน้อยก่อนจะบอกออกมาว่า

“รู้มั้ยว่าตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนฮารุเป็น...แม่...ผมเลยล่ะ”

พอพูดถึงแม่ ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าฮีโระไม่เคยพูดเรื่องครอบครัว เรื่องแม่ หรือเรื่องอะไรก็ตามเกี่ยวกับตัวเขาให้ฉันได้รู้บ้างเลย

“แล้วแม่ของฮีโระล่ะ”

ฮีโระเงียบไป เขายิ้มเจือนๆเล็กน้อย ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป มีความรู้สึกบางอย่างบอกฉันว่าฉันไม่ควรจะถามเรื่องพวกนี้

“ขอโทษนะ ฉันจะไม่ถามเรื่องแม่ของฮีโระดีกว่า”

“ขอโทษนะที่ผมไม่สามารถเล่าเรื่องอะไรให้ฮารุฟัง ไม่ใช่ว่าอยากจะปิดบังหรอกนะ แต่ก็แค่... ถ้าหากไม่พูดออกมามันอาจจะดีกว่าน่ะ”

เสียงของฮีโระเศร้าลง เพราะเขาไม่สบายอยู่แล้วก็เลยทำให้หน้าตาของเขาดูเศร้าหมองลงไปอีก หากแม่ของเขาอยู่ด้วยที่นี่เขาก็คงไม่เป็นไข้และคงมีคนที่ดูแลเขา การที่เขาอยู่คนเดียวคงลำบากและเหงามาก ฉันไม่เคยได้มาดูเลยว่าเขาจะอยู่กินยังไงแม้ว่าบ้านของเราจะติดกัน นั่นก็ทำให้ฉันรู้สึกผิดอย่างมากเมื่อรู้ว่าเขาป่วยและเก็บความเจ็บป่วยไว้กับตัวเองโดยไม่มีใครมาดูแล ฉันบอกให้เขานอนพักอีกสักแปบซึ่งเขาเองก็นอนอย่างว่าง่าย ฉันกลับมาที่บ้านและนึกถึงเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้นกับเรา มันทำให้ฉันเจ็บปวดและคิดว่าฉันน่าจะดีกับเขาให้มากกว่านี้นะ ฉันมองผ่านหน้าต่างห้องตัวเองไปที่ห้องฮีโระ เวลาที่เหลือนี้ฉันจะดูแลเธอเองนะฮีโระ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 22 - ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1

เช้านี้ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวเตรียมพร้อมที่จะไปเรียน แต่ก่อนอื่นฉันต้องทำให้ฮีโระแปลกใจด้วยการไปรอเขาที่หน้าบ้านก่อนที่เขาจะออกมา แม่หยิบข้...

วันศุกร์ที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2561



หลังจากวันนั้นดูเหมือนทุกจะราบรื่นดี ทุกเช้าฉันจะได้เจอรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนและได้รับรอยยิ้มที่แสนจะสดใสทุกเช้าทำให้ฉันมีกำลังใจอยากจะเรียนและทำอะไรตั้งเยอะ ตอนกลางวันรุ่นพี่ก็มักจะไปรออยู่ที่โรงอาหารเพื่อรอกินข้าวพร้อมกันกับฉัน ฮีโระและมุนอาด้วย และทุกๆเย็นฉันก็จะไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาส

“สู้ๆค่ะรุ่นพี่ สู้เขา”

จนบางครั้งฉันก็คิดว่าคงจะมีใครหลายๆคนที่แอบหมั่นไส้ฉันหลบอยู่ตรงที่ไหนสักแห่ง แต่ตอนนี้ฉันไม่ได้สนใจว่าจะมีคนที่ไม่ชอบฉันมากเท่าไหร่ สิ่งที่ฉันอยากทำตอนนี้คือการได้อยู่ใกล้ๆกับรุ่นพี่และดูแลซึ่งกันและกัน หลังจากเลิกซ้อมบาสพวกเราก็จะเดินกลับบ้าน รุ่นพี่เดินมาส่งฉันกลับบ้านทุกวันโดยไม่เคยบ่นว่าเบื่อหรือเหนื่อยสักครั้ง แม้จะซ้อมหนักขนาดไหนเขาก็ยังอาสาอยากจะมาส่งฉันทุกๆวัน ส่วนฮีโระหลังจากไปส่งมุนอาขึ้นรถก็มักจะขอตัวกลับบ้านก่อน เขามักจะอ้างโน้นอ้างนี่ว่ามีธุระ แต่จริงๆฉันรู้ว่าเขาอยากให้ฉันได้มีเวลาอยู่กับรุ่นพี่มากกว่า นับตั้งแต่วันที่เราก้าวข้ามผ่านวันเศร้าเหล่านั้นมาได้ หลังจากนั้นดูเหมือนทุกอย่างจะดีขึ้น จนถึงวันที่ฉันได้รู้เรื่องบางอย่าง มันทำให้ฉันใจหายและรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก

“ฮารุ รู้มั้ยว่าวันนี้วันที่เท่าไหร่แล้ว”

ภาคบ่ายวันนี้อาจารย์ไม่มาสอนพวกเราจึงมากันที่ห้องสมุด ในขณะที่ฮีโระเดินไปหาหนังสือมุนอาก็เอ่ยปากถามฉันขึ้น

“อืม วันที่ 26 หรือปล่าวนะ”

ฉันตอบคำถามมากิอย่างงงๆ เธอไม่ใช่คนขี้ลืมที่จะมาคอยถามวันที่แบบนี้นี่นา

“ถ้ายังงั้นตอนนี้ก็เหลือเวลาแค่สามวันสินะ”

“เอ๋ ทำไมถึงเหลือเวลาแค่สามวันเหรอ”

“ก็จะครบกำหนด 4 เดือนที่ฮีโระย้ายมาที่นี่น่ะสิ เราน่าจะทำอะไรเซอไพรซ์ให้เขาสักหน่อยนะ”

มุนอาพูดในขณะที่สายตาก็จ้องมองไปทางฮีโระที่กำลังหาหนังสืออยู่ ฉันอึ้งไปชั่วขณะ ฉันไม่คิดเลยว่าวันนั้นจะมาถึงเร็วขนาดนี้ ช่วงหลังมานี้เวลาว่างส่วนใหญ่ของฉันจะอยู่กับรุ่นพี่จนลืมไปว่าฮีโระมีเวลาอยู่กับพวกเราแค่ 4 เดือน นับจากวันที่เขาย้ายมาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ จู่ๆใจของฉันก็หายแว็บขึ้นมา ทำไมเพียงแค่คิดว่าพวกเราจะไม่ได้พบกันแล้วถึงทำให้รู้สึกเหงามากมายขนาดนี้นะ ฮีโระไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้กับฉันสักครั้ง เขาไม่เคยเตือนฉันว่าเขาเหลือเวลาน้อยลงทุกวัน แต่กลับใช้เวลาทั้งหมดทำเพื่อฉันในทุกๆเรื่อง ฉันไม่อยากให้วันนั้นมาถึงเลย

แค่ก แค่ก แค่ก~~ เสียงไอของฮีโระทำให้ตกใจ เขาเพิ่งไปเจอหนังสือเล่มที่ต้องการ

“ไม่สบายหรือปล่าวฮีโระ”

“อ๋อ ปล่าวหรอก พอดีค้นหนังสือฝุ่นคงเยอะไปหน่อยน่ะ” แค่ก แค่ก~~

มุนอาถามด้วยความเป็นห่วง ฉันได้แต่มองหน้าฮีโระด้วยความรู้สึกที่ใจหาย หลังจากนี้อีกสามวันเราจะไม่ได้เจอกันแล้วจริงๆเหรอ

“ฮารุ เป็นอะไรหรือปล่าว ทำไมจ้องหน้าผมอย่างนั้นล่ะ”

“เอ่อ ปะปล่าว ไม่มีอะไร ว่าแต่ฮีโระไม่เป็นอะไรแน่นะ”

ฉันเปลี่ยนเรื่องแล้วยืนมือเพื่อลองแตะหน้าผากเขา แต่เขาเบือนหน้าหนีไปก่อน

“ผมไม่เป็นไรหรอกน่า ทำเหมือนผมเป็นเด็กๆไปได้”

“ดูสิ แค่ฮารุจะแตะหน้าผากก็ทำหน้าแดงซะออกนอกหน้าเลยนะ”

มุนอาแกล้งแซวฮีโระ

“ป่าวซักหน่อยนะ อากาศร้อนก็หน้าแดงได้นะ”

“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันขอไปเข้าห้องน้ำแปบนะ”

มุนอาลุกจากโต๊ะไปเข้าห้องน้ำ ตอนนี้มีแต่ฉันกับฮีโระที่นั่งโต๊ะตรงข้ามกัน ฮีโระกำลังอ่านหนังสือเกี่ยวกับเบเกอรี่ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าผู้ชายจะอ่านหนังสือประเภทนี้กันด้วย และนานเท่าไหร่ไม่รู้ที่ฉันเอาแต่จ้องหน้าฮีโระอย่างไม่รู้ตัวอย่างนั้นจนฮีโระทักขึ้น

“มีอะไรติดอยู่ที่หน้าผมหรือปล่าว ทำไมฮารุถึงได้มองหน้าผมตลอดเวลาแบบนี้ล่ะ ผมเขินนะเนี่ย”

“ปล่าวนะ ฉันแค่ดูหนังสือที่ฮีโระเอามาต่างหากล่ะ แค่.. แปลกใจว่าผู้ชายชอบอ่านหนังสือเบเกอรี่ด้วยเหรอ”

ใครจะกล้าบอกว่าฉันแอบมองหน้าเขาโดยไม่รู้ตัวกันล่ะ จู่ๆความรู้สึกที่กลัวว่าจะไม่ได้เจอหน้ากันก็เกิดขึ้นกับฉัน ฉันจึงอยากใช้เวลามองหน้าเขาเอาไว้ให้นานเท่านาน และเมื่อฉันบอกว่าสงสัยเรื่องหนังสือของเขา เขาจึงยื่นหนังสือเบเกอรี่มาไว้ที่ตรงกลางเพื่อจะให้ฉันได้ดูด้วย

“ดูนี่สิ ขนมพวกนี้น่ะ น่ากินมากเลยใช่มั้ยล่ะ”

เขาชี้ไปที่รูปของคุกกี้แบบต่างๆให้ฉันดู ฉันเอื้อมตัวเข้าไปเล็กน้อยเพื่อจะได้เห็นภาพชัดๆ แต่นั่นก็ทำให้ฉันได้เห็นหน้าฮีโระได้ชัดมากเช่นกัน จู่ๆฮีโระก็ดันหนังสือมาที่ด้านหน้าฉันและบอกให้ฉันดูไปก่อนเลยเขายังไม่อยากดูแล้วก็ฟุบหลับไปกับโต๊ะซะงั้น ฉันลองเปิดดูแต่ละหน้ามีรูปและสูตรทำอยู่ในนั้น

“ฮีโระชอบทำเบเกอรี่มากเหรอ ถึงได้สนใจหนังสือพวกนี้น่ะ”

ฉันถามออกไปในขณะที่เขายังฟุบหลับอยู่อย่างนั้น แต่ฉันก็ยังพอได้ยินคำตอบของเขาเบาๆอยู่บ้าง

“แม่ของผมรักการทำเบเกอรรี่มากๆ และผมก็อยากจะทำให้ได้เหมือนแม่น่ะ”

“ผู้ชายที่ชอบเบเกอรี่ยังงั้นเหรอ ดูน่าสนใจดีนะ”

ฮีโระเงยหน้าขึ้นและจ้องมาทางฉัน เหมือนเขามีบางอย่างอยากจะพูดแต่ก็สุดท้ายก็ได้เพียงแค่เกาหัวเบา และกลับฟุบลงไปอีก มุนอากลับมาจากเข้าห้องน้ำพอดี

“อะไรกันเนี่ย หลับในห้องสมุดแบบนี้ อย่าให้ฮีโระลอกการบ้านได้นะฮารุ”

มุนอาพูดหยอกกับฉัน เธอเริ่มกลับมาเป็นคนเดิมที่ฉันรู้จักอีกครั้ง พวกเรานั่งทำการบ้านด้วยกันจนถึงสี่โมง นาฬิกาบอกเวลาว่าเลิกคาบเรียนในภาคบ่ายดังขึ้น พวกเราลุกเก็บของ ในขณะที่ฮีโระเองก็งัวเงียลุกขึ้นมายืดเส้นยืดสายเช่นกัน นี่ถ้าหากไม่ได้เห็นว่าเขาเพิ่งตื่นจากการแอบงีบละก็ ฉันคงคิดว่าเขาไม่สบายแน่ๆ เพราะสีหน้าของเขาตอนนี้ดูจะมึนๆเบลอๆดูไม่ค่อยดีเท่าไหร่

“เอาล่ะได้เวลากลับบ้านซะที ป่ะมุนอาเดี๋ยวผมไปส่งขึ้นรถ”

ฮีโระลุกขึ้นและหยิบกระเป๋าที่ล๊อคเกอร์เขาเดินนำหน้าฉันและมุนอาไปข้างนอก ตามปกติเวลานี้ฉันจะดีใจที่ถึงเวลาที่ได้ไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาสแล้ว ฉันจะได้เจอรุ่นพี่และเราก็จะได้กลับบ้านด้วยกัน แต่วันนี้ทำไมฉันถึงได้อยากกลับบ้านพร้อมฮีโระมากกว่านะ คงเพราะว่าเรามีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยลง ฉันมองตามฮีโระที่กำลังเดินไปพร้อมกับมุนอา เขาหันหลังมองมาที่ฉัน

“อ่าว ฮารุมีอะไรหรือปล่าว ต้องไปหารุ่นพี่นี่นา ไม่รีบไปรุ่นพี่คงรอแย่”

เขาหันมาบอกฉันรับคำแล้วค่อยๆเดินออกมาจนถึงหน้าโรงยิม รุ่นพี่โบกมือให้ฉันทันทีที่เขาสังเกตเห็นว่าฉันมาถึงแล้ว เกือบหนึ่งชั่วโมงที่ฉันนั่งรอรุ่นพี่แบบนี้ทุกวันในตอนเย็น แต่วันนี้ฉันรู้สึกสมาธิของฉันไม่ได้อยู่ในสนามแต่กลับอยู่ที่บ้านไปเรียบร้อย หลังจากที่รุ่นพี่ซ้อมเสร็จก็เก็บของและเดินมาส่งฉันกลับบ้านทุกวัน

“เป็นอะไรเหรอฮารุ วันนี้ดูเหม่อๆชอบกลนะ ไม่สบายตรงไหนหรอปล่าว หรือว่ามีใครทำอะไรอีก”

“อ่อ ปล่าวหรอกค่ะ เพียงแต่ว่า...”

ตอนนี้ฉันเอาแต่คิดเรื่องฮีโระอยู่ในหัว ฉันอยากใช้เวลาที่เขาจะอยู่ที่โรงเรียนนี้กับเขาให้มากที่สุด เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ดีกับฉันมาก ฉันอยากตอบแทนในสิ่งที่เขาได้ทำเพื่อฉันบ้าง น่าเสียดายที่ฉันเพิ่งมารู้ตัวว่าควรดีกับเขามากกว่านี้เมื่อเวลาเหลือเพียงแค่สามวันเท่านั้น แต่ถึงยังไงกับเวลาสามวันที่เหลือฉันจะพยายามทำให้ดีที่สุดเพื่อฮีโระ

“เราห่างกันสักสามวันนะคะ ฉันมีบางอย่างที่สำคัญที่ต้องทำจริงๆค่ะ”

ฉันบอกรุ่นพี่ไปอย่างนั้นและหวังว่ารุ่นพี่คงจะไม่เข้าใจผิดคิดว่าฉันไม่สนใจเขาแล้วหรอกนะ รุ่นพี่น่ะเป็นที่หนึ่งสำหรับฉันอยู่แล้ว แต่ฮีโระก็เป็นเพื่อนที่ดีของฉัน ฉันก็อยากมีเวลาได้ทำอะไรดีๆให้กับเขาบ้าง

“อะไรที่ทำให้เราต้องห่างกันตั้งสามวันนะ ถ้าฮารุบอกเหตุผลกับผม ผมจะยอมให้เวลาฮารุสามวัน”

“คือฉัน... ฉันอยากใช้เวลาอยู่กับฮีโระให้มากกว่านี้นะ และตอนนี้เรามีเวลาเพียงแค่สามวันที่จะได้เจอกัน ฉันแค่...อยากทำสิ่งดีๆให้กับฮีโระที่คอบช่วยเหลือฉันมาตลอดบ้าง”

ฉันบอกความจริงไปกับรุ่นพี่ แม้จะหวั่นๆอยู่บ้างว่ารุ่นพี่อาจจะเข้าใจผิดคิดว่าฉันชอบฮีโระ แต่ฉันก็ไม่อยากปิดบังรุ่นพี่ แต่รุ่นพี่กลับยิ้มอย่างใจดีและบอกกับฉันว่า

“ตกลง เพื่อที่จะไม่ต้องเสียใจ ฮารุต้องพยายามทำให้ดีที่สุดนะ”

”ขอบคุณค่ะรุ่นพี่”

รุ่นพี่เป็นคนที่ฉันเลือกไม่ผิดจริงๆเขาเข้าใจและยอมรับกับสิ่งต่างๆได้ ฉันชอบทุกอย่างที่เป็นรุ่นพี่จังเลยค่ะ ขอบคุณมากๆที่เข้าใจฉันและดูแลฉันเป็นอย่างดีเช่นกัน พวกเราเดินมาหยุดตรงหน้าบ้าน รุ่นพี่โบกมือลากับฉัน จริงๆแล้วฉันก็ยังไม่รู้หรอกว่าฉันควรจะทำอะไรให้กับฮีโระดี ฉันวิ่งเข้าบ้านเอากระเป๋าไปเก็บไว้ที่ห้องและกลับมาหาแม่ที่ห้องครัว

“ให้หนูช่วยมั้ยคะ วันนี้แม่จะทำเมนูอะไรเป็นพิเศษหรือปล่าวคะ”

“มาแปลกแฮะวันนี้ ฮารุเนี่ยนะจะช่วยแม่ทำกับข้าว ต้องมีอะไรแน่ๆเลย บอกแม่มาเดี๋ยวนี้เลยนะ”

“ว้า โดนแม่รู้ทันอีกแล้ว คือว่า... วันนี้หนูอยากให้แม่ทำกับข้าวให้สุดฝีมือเลยนะคะ แล้วก็หนูก็อยากจะชวน... ฮีโระมากินข้าวที่บ้านเราด้วยจะได้มั้ยคะแม่”

จริงๆไม่ต้องบอกฉันก็พอจะรู้ว่ายังไงแม่ก็ไม่ปฏิเสธหรอก เพราะว่าแม่(รวมถึงพ่อด้วย)ชอบฮีโระเอามากๆ ยังไงซะก็คงอยากจะให้มากินข้าวด้วยกันทุกวันด้วยซ้ำ

“ได้แน่นอน เดี๋ยวแม่จะทำให้อร่อยที่สุดเพื่อฮีโระเลยละกันนะ แต่ว่ามีอะไรพิเศษวันนี้รึปล่าว หรือว่าวันนี้เป็นวันเกิดของฮีโระ”

“ไม่ใช่หรอกค่ะ คือว่า...ต่อจากนี้ไปอีกสามวันฮีโระก็ต้องย้ายกลับไปอยู่ที่โรงเรียนเดิมแล้วล่ะค่ะ พวกเราคงไม่เจอเขาอีกแล้ว หนูเลยอยากจะทำอะไรเพื่อเขาบ้างน่ะค่ะ”

แม่ดูอึ้งไปเล็กน้อยก็คงจะตกใจเหมือนกับฉันที่ไม่เคยคิดถึงวันนี้มาก่อน

“ดีแล้วล่ะ ลูกควรจะดีกับฮีโระให้มากๆ แบบนี้แหละที่ถูกต้องที่สุดน่ะ”

แม่ยิ้มออกมาจางๆทำไมฉันรู้สึกเหมือนว่าแม่จะดูเศร้าๆไปนะ หรือเพราะว่าแม่ชอบฮีโระมากจนไม่อยากให้เขาจากไป แต่ขอโทษนะคะที่หนูทำแบบนั้นไม่ได้เพราะรุ่นพี่ก็เป็นคนที่สำคัญของหนูมากๆเหมือนกัน หนูก็เก็บฮีโระไว้ในฐานะเพื่อนที่แสนดีของหนูแล้วกันนะคะ

หลังจากนั้นเวลาผ่านไปประมาณครั้งชั่วโมงอาหารทุกอย่างก็ถูกจัดใส่จานเตรียมไว้ พ่อกำลังเลิกงานมาพอดีและเมื่อรู้ว่าฮีโระจะมากินข้าวด้วยก็ดูเหมือนว่าพ่อจะดีใจใหญ่ ฉันรีบวิ่งออกจากบ้านเพื่อไปเรียกฮีโระมากินข้าวด้วยกัน และเมื่อฉันไปถึงที่หน้าบ้านฉันเห็นรองเท้าของฮีโระอยู่ตรงนั้น ฉันเรียกเขาหนึ่งครั้งแต่เขาก็ไม่ตอบ ประตูก็ถูกล๊อคเอาไว้เขาทำอะไรอยู่นะ ฉันเคาะประตูและเรียกเขาอีกครั้งแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับอยู่ดี ฉันรีบวิ่งกลับบ้านและหยิบโทรศัพท์ในกระเป๋านักเรียนออกมากดโทรหาเขา นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันโทรหาเขาหลักจากได้โทรศัพท์เครื่องนี้มา เขาเป็นอะไรหรือปล่าวนะ ทำไมถึงไม่รับสาย ฉันลองกดอีกครั้งแต่ก็ไม่รับสายอยู่ดี แต่จู่ๆ...

ติ๊ด ติ๊ด~~ เสียงข้อความเข้า 1 หนึ่งข้อความ ฉันเปิดมันขึ้นมาอ่าน

Hero Massage : มีอะไรหรือปล่าวฮารุ พอดีผมออกมาทำธุระข้างนอก ไม่สะดวกคุยโทรศัพท์น่ะ ^^:

Haru Massage : ฮีโระไม่ได้อยู่ที่บ้านเหรอ ฉันเห็นรองเท้ายังอยู่ที่หน้าบ้านนี่นา!!!

Hero Massage : ไม่ได้อยู่ที่บ้านนะ ฮารุมีอะไรเหรอ ^^??

Haru Massage : ว่าจะชวนมากินข้าวเย็นด้วยกันที่บ้านน่ะ ^O^

Hero Massage : ขอโทษนะวันนี้คงไม่ได้ ไว้เป็นวันหลังนะ TT_TT

Haru Massage : อื้ม เอางั้นก็ได้ U.U แต่ฮีโระไม่เป็นไรแน่นะ

Hero Massage : ไม่เป็นไรจริงๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ ~~

สรุปแล้ววันนี้พวกเราก็เตรียมกับข้าวไว้เก้อ พวกเราทานข้าวมื้อเย็นอย่างเงียบเหงา หวังว่าวันพรุ่งนี้เราจะได้กินข้าวด้วยกันนะ เวลาของพวกเรามีน้อยลงไปทุกทีพรุ่งนี้คงถึงเวลาที่จะต้องนับถอยหลังสามวันสุดท้ายกันแล้ว

The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

................................................................. อ่านต่อได้ที่ ................................................................................

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 21 - เวลาที่เหลือน้อย

หลังจากวันนั้นดูเหมือนทุกจะราบรื่นดี ทุกเช้าฉันจะได้เจอรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนและได้รับรอยยิ้มที่แสนจะสดใสทุกเช้าทำให้ฉันมีกำลังใจอยากจะเรี...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com