ในค่ำคืนของวันนั้น ที่หน้าบ้านของฮีโระ สว่างไสวไปด้วยดวงประทีปที่ถูกจุดตั้งแต่รั้วหน้าบ้านไปจนถึงประตู ฮีโระแอบเดินมาเคาะที่หน้าต่างห้องของฉันในกลางดึกเหมือนวันแรกที่เขาฝ่าสายฝนมาพร้อมกับเสื้อกันฝนสีแดง ฉันยังจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี
เราออกมานั่งเล่นที่หน้าบ้านของฮีโระ ในตอนนี้มีหลากหลายความรู้สึกเข้ามาในความคิดของฉัน ทั้งช่วงเวลาที่เรามีความสุขด้วยกัน ช่วงเวลาแห่งความเศร้าและตอนนี้ช่วงเวลาของการลาจากกำลังใกล้จะมาถึงพวกเราเข้ามาเรื่อยๆ ฉันและฮีโระนั่งอยู่บนชิงช้าที่หน้าบ้าน พวกเรากำลังมองดูดาวด้วยกัน แม้ว่าจะไม่คุยอะไรกันมากมาย แต่ฉันคิดว่าเราทั้งคู่ต่างก็กำลังพยายามจดจำช่วงเวลาดีๆที่พวกเราได้อยู่ด้วยกันให้มากที่สุด
“เรื่องเธอคนนั้น ฮีโระคิดว่าจนถึงตอนนี้เธอจะจำฮีโระได้ไหม”
“ไม่รู้สินะ จริงๆแล้วผมอยากให้เธอจำผมได้ แต่ถ้าหากเธอจำผมไม่ได้จริงๆ ผมก็... ไม่คิดจะโทษเธอหรอก เพราะแค่ผมได้มีความทรงจำที่ดีกับเธอช่วงหนึ่ง ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีที่สุดสำหรับผมแล้ว”
เขาพูดในขณะที่แหงนหน้ามองขึ้นไปบนท้องฟ้า ฉันเดาว่าเขาคงเศร้ามากแน่ๆหากเธอจำเขาไม่ได้ แต่เขาเป็นคนดีขนาดนี้ ฉันคิดว่าเธอไม่น่าจะลืมเขาได้หรอก
“เอ๊ะ นั่นดาวตกนี่นา มาอธิษฐานกันเถอะ”
ฉันรีบบอกฮีโระ และกุมมือขึ้นมาอธิษฐาน "ขอให้ฮีโระได้เจอเธอคนนั้นและขอให้เธอจำเขาได้ด้วยเถอะค่ะ"
……………………………………………………………………………………………………………
ช่วงบ่ายของวันอาทิตย์ ฉันไม่ได้ออกไปหาฮีโระตั้งแต่ตอนเช้า เพราะแม่บอกว่าเจอฮีโระยืนรถน้ำต้นไม้อยู่ที่หน้าบ้านตอนออกไปจ่ายตลาดและชวนฮีโระมาทานข้าวด้วยกันแล้ว แต่เขาบอกว่าต้องเก็บของเลยไม่ได้มาทานด้วย แม่เลยคิดว่าเย็นนี้จะจัดปาร์ตี้เลี้ยงส่งให้กับฮีโระ พอตกตอนบ่ายฉันจึงช่วยแม่เตรียมของเพื่อทำกับข้าว ขณะที่ทำอาหารแม่ก็ถามฉันขึ้น
“เวลาที่ลูกอยู่ใกล้ฮีโระ ลูกรู้สึกอะไรหรือเปล่า”
“เอาอีกแล้วนะคะแม่ หนูบอกแล้วไงคะว่าเราเป็นแค่เพื่อนกัน”
“ลองคิดดีๆ ค่อยๆนึก ลูกไม่รู้สึกอะไรเลยจริงๆเหรอ อย่างเช่นคุ้นๆหน้า หรือเคยเจอเขาที่ไหนสักแห่ง”
“จะบอกว่าเป็นประมาณพรหมลิขิตอะไรแบบนี้ใช่ไหมล่ะคะ หนูไม่รู้สึกอะไรแบบนั้นหรอกค่ะ”
“มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้ไปได้นะ”
แม่ทำหน้าเหมือนไม่เข้าใจอะไรบางอย่าง ฉันอยากจะบอกแม่เหลือเกินว่า ไม่ว่าแม่จะพยายามเชียร์ฮีโระมากขนาดไหน ฉันก็ชอบฮีโระไม่ได้จริงๆ เพราะความรู้สึกที่ฉันมีต่อฮีโระมันเป็นความรู้สึกเหมือนเพื่อนที่เคยรู้จักกันมาเนิ่นนาน อาจจะรู้สึกแปลกกับบางอย่างที่ฉันรู้สึกว่าผูกพันธ์กับฮีโระมากๆ แต่มันก็ไม่ใช่ความรักอยู่ดี หลังจากที่ฉันช่วยแม่เตรียมของเพื่อทำกับข้าวสำหรับมื้อเย็นเสร็จแล้ว ก็ไปเรียกฮีโระที่บ้าน แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้เปิดประตู จู่ๆประตูก็เปิดออก ฮีโระเป็นคนเปิดประตูเข้าพอดีทำให้ฉันตกใจจนแทบหัวใจจะวาย
“นี่ ทำไมจู่ๆก็โผล่มายังงี้ล่ะ”
ฉันพูดออกไปพลางเอามือจับหน้าอกด้วยความตกใจ
“ฮารุนั่นแหละที่ทำให้ผมตกใจ พอผมเปิดประตูมาก็มีคนยืนอยู่ ผมก็แทบจะหงายหลังไปเหมือนกันนะ”
เรายืนเถียงกันอย่างนั้นสักพัก ฮีโระก็บอกว่า...
“ก่อนจะกินข้าว ผมขอเวลานิดหน่อยได้ไหม ผมมีเรื่องที่อยากทำตั้งนานแล้ว แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ทำ เรา...ไปฝึกปั่นจักรยานกันเถอะ”
“เอ๊ะ ฉัน..ปั่นไม่ได้หรอก มันน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้”
“มาเถอะน่า ผมจะดูแลไมให้ฮารุบาดเจ็บเอง”
จู่ๆเขาก็บอกให้ฉันขึ้นไปนั่งบนเบาะ แล้วบอกให้ฉันค่อยๆปั่นช้าๆ มองไปข้างหน้าและมือที่ควบคุมแฮนรถต้องมั่นคง ฉันทำตามที่เขาบอกโดยที่เขาไม่ได้ปล่อยมือออกจากรถและช่วยประคองจักรยานไปแบบนั้น ภาพในตอนนี้ทำไมฉันรู้สึกเหมือนมันเคยเกิดขึ้นครั้งหนึ่งแล้วนะ ทำไมเหมือนกับว่าฉันเคยฝึกปั่นจักรยานแบบนี้มาก่อนและใครเป็นคนที่สอนฉันล่ะ ทำไมฉันนึกไม่ออก ในระหว่างที่ฉันกำลังคิดฮีโระก็พูดออกมาด้วยเสียงที่ดังจนฉันตกใจ
“ฮารุอย่าเหม่อสิ มันอันตรายนะ”
“อย่าเอ็ดสิ ตกใจหมดเลย ฉันแค่คิดอะไรเพลินๆนิดหน่อยแค่นั้นเอง”
“ไม่ได้นะ ตอนขับรถจะใจลอยไม่ได้เด็ดขาดเพราะมันอันตราย”
ฮีโระดูจริงจังกับการสอนปั่นจักรยานให้ฉันมาก ทำไมเขาต้องทำหน้าขึงขังเหมือนกับว่าเคยเกิดอะไรไม่ดีกับเขามาก่อนยังงั้นแหละ หลังจากที่โดนฮีโระดุไปสองสามครั้งฉันก็ตั้งใจที่จะฝึกเต็มที่จนรู้สึกมั่นใจว่าสามารถปั่นได้เองแล้ว
“ฮีโระปล่อยมือเถอะ ฉันคิดว่าฉันขับเองได้แล้วล่ะ”
“แน่ใจนะ”
“อื้ม”
ฮีโระทำหน้าเหมือนยังเป็นกังวลแต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยมือ ฉันมองไปข้างหน้าและค่อยๆปั่นอย่างช้าๆแม้จะดูทุลักทุเลไปบ้าง แต่ฉันก็สามารถปั่นจักรยานได้แล้ว ฉันปั่นกลับไปหาฮีโระที่ยืนรออยู่ตรงทางเดินของสวนสาธารณะ แทนที่ฉันจะเห็นฮีโระ แต่ฉันกลับเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่กำลังยิ้มและโบกมือให้ฉัน ฉันหยุดปั่นและมองกลับไปดูอีกครั้ง ฮีโระยืนอยู่ตรงนั้นจริงๆ แล้วเด็กคนนั้นเป็นใครกันนะ ฮีโระวิ่งเข้ามาหาฉันในขณะที่ฉันกำลังยืนสงสัยอยู่
“ฮารุ มีอะไรเหรอ”
“เปล่า แค่แปลกใจนิดหน่อย”
“แปลกใจ เรื่องอะไรเหรอ”
“เมื่อกี้ตอนฉันปั่นกลับมา ฉันเห็นเด็กผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงที่ฮีโระยืน แต่พอฉันมองดูอีกทีก็ไม่เจอเขาแล้ว”
“ห๊ะ”
ฮีโระนิ่งเงียบไปชั่วขณะ เขาหันไปดูที่ม้านั่งข้างทางเดินที่ฉันบอกว่าเจอเด็กคนนั้น เหมือนเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง ไม่แน่เขาอาจจะคิดว่าฉันเห็นเป็นวิญญาณก็ได้
“คือ ฉันว่าฉันคงตาฝาดมากกว่าน่ะ อย่าคิดมากเลย กลับบ้านกันเถอะ พ่อกับแม่คงรอกินข้าวแล้วล่ะ”
ฉันกระโดดซ้อนท้ายจักรยานที่มีฮีโระเป็นคนปั่นกลับมาบ้าน ตอนนี้แม่กับพ่อช่วยกันเตรียมกับข้าวจนเสร็จแล้ว ฮีโระบอกว่าเขาขอตัวอาบน้ำก่อนแล้วจะมาที่บ้าน พ่อเอาสายรุ้งมาติดที่บนเพดานและหยิบหมวกสำหรับใส่ในงานปาร์ตี้ออกมา
“โอ๊ะ แม่ลืมซื้อเค้กเสียสนิทเลย”
“ไม่เป็นไรหรอกแม่ แค่ทานข้าวด้วยกันก็ได้”
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ตอนเย็นหนูออกไปซื้อเองค่ะ ฮีโระน่าจะยังไม่กลับ เพราะเห็นว่าพรุ่งนี้เช้าจะไปลาทุกคนที่โรงเรียนอยู่”
ฉันพูดขึ้น หลังจากเตรียมอะไรเสร็จเรียบร้อยฮีโระก็มาพอดี พวกเรานั่งกินข้าวและพูดคุยกันถึงเรื่องราวต่างๆราวกับว่าเราเป็นคนรู้จักกันมาเนิ่นนาน พ่อและแม่ดูจะรักและเป็นห่วงฮีโระมากและไม่อยากให้เขาจากไป
“เธอน่าจะได้อยู่กับพวกเราที่นี่นานๆนะฮีโระ ป้าจะได้ทำกับข้าวให้เธอบ่อยๆ”
“ขอบคุณครับคุณป้า แค่นี้ผมก็ดีใจมากๆแล้ว”
“แต่น่าเสียดายนะที่เธอพิชิตใจฮารุไม่ได้น่ะ”
พ่อพูดขึ้นพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้ฮีโระ
“นั่นน่ะสิครับ น่าเสียดายจริงๆที่เธอ... กลับไปชอบรุ่นพี่ชินมากกว่า ฮะๆ”
“ดูแลตัวเองด้วยนะฮีโระ ไม่รู้ว่าพวกเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ แต่ถ้าผ่านมาแถวนี้แวะมาเยี่ยมพวกเราด้วยนะ”
“ครับคุณป้า แล้วผมจะกลับมาแน่นอนครับ”
แม่บอกฮีโระอย่างห่วงใยราวกับว่าเขาเป็นลูกอีกคนหนึ่ง ไม่มีใครรู้ว่าวันไหนที่เราจะได้เจอกัน แต่ฉันก็หวังเพียงว่าสักวันเราจะได้กลับมาพบกันใหม่อีกครั้ง ค่ำคืนของปาร์ตี้เล็กๆสำหรับการเลี้ยงส่งฮีโระจบลง ฉันเดินไปส่งฮีโระที่บ้าน
“ที่จริงควรจะเป็นผมมากกว่านะที่ต้องไปส่งฮารุเข้าบ้านน่ะ เพราะผมเป็นผู้ชาย”
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันอยากทำเพื่อฮีโระบ้าง”
“ขอบคุณนะสำหรับทุกๆอย่างที่ฮารุทำเพื่อผม ผมดีใจมากๆที่เราได้เจอกัน และผมจะไม่ลืมช่วงเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันเลย”
“ฉันเองก็ขอบคุณฮีโระมากๆเหมือนกัน ฮีโระเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ สำหรับฉันและไม่ว่านานเท่าไหร่ฮีโระก็จะยังเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับฉันเสมอนะ”
ฉันไม่รู้หรอกว่าคำพูดในวันนี้ของฉันจะไปทำร้ายความรู้สึกของฮีโระขนาดไหน หลังจากที่ส่งฮีโระเข้าบ้านไปแล้ว ฉันก็กลับเข้าบ้านและหวังเพียงว่าวันพรุ่งนี้เวลาจะไม่ผ่านไปเร็วนัก เพราะถึงยังไงฉันก็ยังทำใจไม่ได้อยู่ดี ฉันหลับตาลง ภาพของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิงคู่หนึ่งวนเวียนเข้ามาในความฝันอีกครั้ง พักหลังมานี้ ฉันเห็นภาพของทั้งสองคนบ่อยขึ้น และยังคงหาคำตอบไม่ได้ว่า... พวกเขาเป็นใครกันนะ
รุ่งเช้าของวันจันทร์ ฉันสะดุ้งตื่นก่อนที่นาฬิกาจะทันปลุก ฉันรีบอาบน้ำแต่งตัวและไปยืนรอฮีโระอยู่ที่หน้าบ้านของเขา ไม่ถึงห้านาทีฮีโระก็เดินออกมาจากบ้าน เขาส่งรอยยิ้มให้ฉันอย่างสดใส
“สวัสดีตอนเช้าที่สดใสค่ะคุณฮีโระ วันนี้ฮารุมารอรับไปโรงเรียนแต่เช้าเลยนะคะ แปลกใจไหม”
“แปลกใจมากครับคุณฮารุ แต่ว่า... ฮ๊า วันนี้อากาศดีจังเลย สวัสดีครับแสงแดด” ^O^
ฮีโระกางแขนสองข้างของเขาออกราวกับว่ากำลังจะโอบกอดท้องฟ้าเอาไว้ เหมือนกับวันแรกที่ฉันได้เจอเขาที่ตรงหน้าบ้านแบบนี้ มันเป็นภาพที่ฉันเห็นจนชินตาตลอดสี่เดือนที่เขาอยู่ที่นี่ ราวกับว่ามันเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของฉันและฉันก็รู้สึกดีมากๆ เราเดินไปโรงเรียนด้วยกันอย่างไม่รีบร้อนเหมือนวันก่อนๆ ฉันอยากให้เวลาเดินช้าอย่างที่ฉันจะกำหนดมันได้ แต่ในความจริงเวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆจนมาถึงวันนี้แล้ว
“ฮึก ฮึก” เมื่อคิดว่าภาพเหล่านี้ฉันจะไม่ได้เห็นมันอีกแล้ว จู่ๆน้ำตาที่ไม่รู้ว่ามาจากไหน ก็นองเต็มหน้าของฉัน
“ฮะ ฮารุ เป็นอะไรหรือเปล่า ร้องไห้ทำไม”
“นั่นสินะ ทำยังไงดีละ ฮึก ฮึก จู่ๆน้ำตามันก็ไหลไม่หยุดเลย ทำไมฉันถึงได้เป็นแบบนี้ได้นะ”
พอคิดว่าวันนี้เราจะได้เดินไปโรงเรียนด้วยกันเป็นวันสุดท้าย ใจของฉันก็รู้สึกหายวาบ และน้ำตาก็ไหลมาเป็นทางอย่างไม่คาดคิด นี่ฉันเป็นอะไรกันแน่นะ
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ บอกแล้วไงว่าคนที่ร้องไห้น่ะ จะไม่น่ารักนะ”
ฮีโระยื่นผ้าเช็ดหน้ามาให้ฉัน เป็นอีกครั้งที่เขาต้องปลอบฉัน และมันคงเป็นความเคยชินที่ฉันไม่อาจจะขาดได้เสียแล้ว ฉันรับผ้าเช็ดหน้าผืนนั้นมาซับน้ำตา แม้จะเดินให้ช้าเท่าไร แต่แล้วก็ต้องมาถึงโรงเรียนอยู่ดี
”สวัสดีตอนเช้าครับรุ่นพี่ วันนี้ขอรบกวนอีกหนึ่งวันนะครับ”
“หวัดดีฮีโระ วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วสินะ ขอให้เป็นวันที่มีความสุขอีกวันหนึ่งนะ หวังว่าเราคงจะได้มีโอกาสได้พบกันอีก”
“แน่นอนครับ เราต้องได้พบกันอีกแน่นอน”
ฉันมองดูพวกเขาสองคนที่คุยกันอยู่ตรงนั้น หลังจากคุยกับรุ่นพี่เสร็จฉันกับฮีโระก็เดินไปที่ห้องเรียน ที่หน้ากระดานเต็มไปด้วยลายมือที่ไม่รู้ว่าของใครมากมายเต็มกระดานไปหมด ตรงกลางกระดานมีคำพูดเขียนถึงฮีโระไว้ “โชคดีนะ ฮีโระของพวกเรา”
“พวกนี้เพี้ยนไปแล้วหรือเปล่าเนี่ย”
ฮีโระพูดขึ้นเหมือนว่าเขารำคาญ แต่จริงๆแล้วฉันคิดว่าเขาคงดีใจมากกว่า ขณะที่ฮีโระกำลังเอากระเป๋าใส่ไว้ใต้โต๊ะ จู่ๆเพื่อนก็พากันมาล้อมรอบฮีโระ แล้วยิงพลุสายรุ้งใส่เขา พร้อมกับมอบของขวัญที่พวกเขาทำเองให้เป็นที่ระลึก ฉันไม่แปลกใจหรอกว่าเป็นฝีมือใคร เพราะเธอเป็นคนบอกฉันเองว่าเราน่าจะเซอไพรซ์อะไรสักอย่างให้เขา มุนอาและเพื่อนๆเอารูปของพวกเราทุกคนรวมถึงรูปของฮีโระที่ไม่รู้ว่าไปแอบถ่ายตอนไหนมาใส่ไว้ในกรอบใหญ่รวมกัน เป็นของขวัญที่จะเป็นความทรงจำดีๆให้กับเขา ฮีโระขอบคุณทุกคนก่อนที่จะรับของขวัญไว้ หลังจากนั้นไม่นานอาจารย์ก็เข้ามา
“ทุกคนคงรู้แล้วสินะว่าวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ฮีโระจะได้อยู่กับพวกเรา ครูดีใจที่ทุกคนเข้ากับฮีโระได้ และตั้งแต่เธอมาที่นี่ก็ทำให้ห้องเรียนของเราดูสดใสขึ้นเยอะ ไหนๆก็วันสุดท้ายแล้วออกมากล่าวอะไรสักเล็กน้อยสิ”
อาจารย์พูดขึ้น ฮีโระค่อยๆลุกจากโต๊ะของเขาไปที่หน้าห้องเรียน ทุกคนกำลังจ้องไปที่เขาเป็นจุดเดียวและกำลังรอฟังสิ่งที่ฮีโระจะพูด
“ผมรู้สึกดีใจมากครับที่ได้มาเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่นี่ ชั้นนี้ ห้องเรียนนี้และ... ได้นั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนั้น แม้จะเป็นเวลาไม่นานนัก แต่ก็ทำให้ผมได้รับความทรงจำใหม่ๆที่ไม่อาจลืมได้ ขอบคุณทุกๆคนที่คอยดูแลและดีกับผมมากๆ ถ้ามีโอกาสผมหวังว่าสักสักวันหนึ่งเราคงได้พบกันอีกและขอให้ทุกคน... อย่าเพิ่งลืมผมนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากจริงๆ”
ฮีโระโค้งหัวเล็กน้อยเป็นการขอบคุณทุกๆคนที่อยู่กับเขา มุนอาแอบน้ำตาซึมไม่ว่ายังไงเธอก็ยังคงชอบฮีโระ หลังจากช่วงเวลานั้นผ่านไป ตอนเที่ยงอาจารย์เลี้ยงข้าวและไอศกรีมพวกเราที่โรงอาหาร ฮีโระลุกไปเอาไอศกรีมรสนมมาให้ฉัน
“ขอบคุณนะ”
ฉันรับไอศกรีมจากฮีโระ หลังจากที่พวกเราทานมื้อเที่ยงกันเสร็จช่วงเวลามันก็ช่างผ่านไปอย่างรวดเร็วเหลือเกิน เร็วจนมาถึงตอนเย็นเลิกเรียนแล้ว ฉันกับฮีโระมาส่งมุนอาขึ้นรถ
“นี่คงเป็นวันสุดท้ายแล้วสินะที่ฮีโระจะได้มาส่งฉันกลับบ้านแบบนี้ ฉันคงคิดถึงนายมากแน่ๆ”
“ต่อไป ก็คงต้องให้เป็นหน้าที่ของรุ่นพี่อินซาแล้วล่ะ มุนอา ขอบคุณสำหรับทุกอย่างที่พยายามทำให้ผมนะ และขอโทษกับเรื่องร้ายๆที่ผ่านมาด้วย”
“ไม่หรอกน่า สิ่งที่นายทำผิดกับฉันเพียงอย่างเดียวคือการที่นายไม่ยอมชอบฉันนั่นแหละ”
ฮีโระและมุนอาร่ำลากันก่อนที่รถจะออก เธอโผเข้ามากอดฮีโระก่อนจะยื่นของขวัญบางอย่างให้กับเขา มันเป็นของขวัญสี่เหลี่ยมแบนๆที่ห่อไว้ด้วยกระดาษสีเหลือง รถเมย์ค่อยๆเคลื่อนตัวออกไปช้าๆ ฮีโระโบกมือให้กับมุนอาที่ตอนนี้ดูเหมือนเธอกำลังร้องไห้แต่ก็พยายามโบกมือให้กับฮีโระเช่นกัน หลังจากที่พวกเราส่งมุนอาเสร็จ ฉันกับฮีโระก็เดินกลับบ้านด้วยกัน
“ผมหวังว่าฮารุกับรุ่นพี่จะมีความสุขด้วยกันตลอดไปนะ”
“ฉันก็ขอให้ฮีโระมีความสุขและเจอเธอคนนั้นเร็วๆเหมือนกันนะ และสักวันหนึ่งเราคงได้กลับมาพบกันใหม่ใช่ไหม”
“อื้ม เราจะได้พบกันแน่นอน ถ้าหากว่า...ฮารุไม่ลืมผมนะ เราจะกลับมาพบกัน”
“ฉันไม่มีทางลืมฮีโระหรอกน่า สัญญาก็ได้นะ”
ฉันยื่นนิ้วก้อยให้ฮีโระเพื่อแทนคำสัญญา แต่เขากลับไม่เกี่ยวก้อยตอบและบอกฉันว่า
“ผมไม่อยากให้ฮารุสัญญาอะไรที่อาจจะทำไม่ได้หรอก เพราะฮารุน่ะขี้ลืมจะตาย”
“เอ๋... ฉันไม่เคยลืมอะไรเลยนะ ฮีโระอย่ามามั่วหน่อยเลยน่า”
วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้วที่จะได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้ อ่อ... ฉันลืมไปเลยว่าเย็นนี้ต้องไปซื้อเค้กมาให้ฮีโระเป็นของขวัญ ฉันต้องรีบซื้อและรีบกลับมาซะแล้ว
“ฮีโระ เดี๋ยวฉันมานะ ฮีโระรออยู่ที่บ้าน อย่าไปไหนล่ะ”
ฉันรีบวิ่งทันทีที่นึกถึงเค้กได้ และตะโกนบอกฮีโระไปอย่างนั้น โดยที่ได้ยินเสียงฮีโระตะโกนบางอย่างมา
“เดี๋ยวก่อนฮารุ อย่าเพิ่งไป”
แต่ฉันก็ไม่สนใจ เพราะฉันนึกแต่เพียงว่าฉันต้องรีบซื้อเค้กและรีบกลับมา ฉันรีบวิ่งเต็มฝีเท้าและเมื่อถึงร้านเค้กฉันเลือกเค้กรูปหมีและจ่ายเงินทันที ในระหว่างที่กำลังรีบกลับ ฉันก็บังเอิญเหลือบไปเห็นที่ร้านดอกไม้แห่งหนึ่งมีต้นไม้ที่เหมือนกับฮีโระให้ฉัน ฉันเดินเข้าไปที่ร้าน เจ้าของซึ่งเป็นผู้หญิงกำลังเดินออกมา
“สนใจต้นไหนสอบถามได้นะคะ”
“คือ อยากถามอะไรหน่อยได้ไหมคะ หนูอยากรู้ว่าต้นแบบนี้คือต้นอะไรเหรอคะ”
ฉันชี้มือไปที่กระถางดอกไม้ที่เหมือนกับฮีโระซื้อให้ฉัน
“อ๋อ มันคือต้นดอกไลแลคค่ะ ความหมายของมันดีมากๆเลยนะ เพราะมันเป็นดอกไม้ที่แสดงถึงความรักครั้งแรก เชื่อกันว่าถ้าหากผู้ชายคนไหนมอบดอกไลแลคให้กับผู้หญิงละก็ แสดงว่าเธอคนนั้นเป็นความรักครั้งแรกของเขาค่ะ
”รัก... ครั้งแรกเหรอคะ”
“ใช่ค่ะ ส่วนใหญ่ผู้ชายจะให้กับผู้หญิงที่เป็นรักครั้งแรกของเขา”
ฉันกล่าวขอบคุณและเดินออกมาจากร้านดอกไม้อย่างใจลอย ไม่เข้าใจว่าทำไมฮีโระถึงได้ให้ดอกไลแลคกับฉัน ครั้งนี้เขาไม่ได้ให้มามั่วๆเพราะเขาบอกให้ฉันไปหาความหมายของมันด้วย แสดงว่าเขารู้ความหมายของมันอยู่แล้ว ฉันหอบเค้กอย่างระมัดระวังและรีบวิ่งกลับบ้าน ก่อนที่ฉันจะทันได้เปิดประตูเข้าไป ก็บังเอิญได้ยินบทสนทนาบางอย่างเข้า
“ฮีโระกำลังจะไปแล้ว เราจะไม่บอกความจริงกับลูกจริงๆเหรอแม่”
เสียงพ่อพูดขึ้น
“แม่ก็ไม่สบายใจเหมือนกัน เราควรจะบอกลูกใช่มั้ย”
เสียงสนทนาของพ่อกับแม่แว่วออกมาถึงประตูหน้าบ้านที่ฉันกำลังจะบิดลูกบิด มือของฉันหยุดชะงัก พ่อกับแม่กำลังคุยอะไรกันอยู่นะ นั่นคือคำถามที่ทำให้ฉันรู้สึกใจคอไม่ดีและสงสัยมากยิ่งขึ้น
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
................................................................................................................................................................................
ในค่ำคืนของวันนั้น ที่หน้าบ้านของฮีโระ สว่างไสวไปด้วยดวงประทีปที่ถูกจุดตั้งแต่รั้วหน้าบ้านไปจนถึงประตู ฮีโระแอบเดินมาเคาะที่หน้าต่างห้อง...