วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561



ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจอ่อนให้กับมุนอาแน่

“ฮารุ บอกให้ยัยนี่เลิกตามพี่ทีได้ไหม”

เสียงรุ่นพี่อินซาพูด กึ่งหัวเราะที่มุนอาพยายามทำหน้าตาน่ารักใส่

“รุ่นพี่ก็ยอมใจอ่อนสักทีเถอะค่ะ ฉันรู้นะคะว่ายังไงรุ่นพี่ก็ยังรอมุนอาอยู่น่ะ”

“รอเหรอ ไม่หรอกน่า สาวๆมาชอบพี่ตั้งเยอะ แต่พี่แค่อยากตั้งใจเรียนมากกว่า ใครจะไปรอคนซื่อบื้ออย่างยัยนี่กัน”

ว่าแล้วรุ่นพี่ก็เอามือยีหัวของมุนอาจนยุ่ง เห็นแล้วก็ทำให้นึกถึงตอนที่ฉันได้อยู่กับรุ่นพี่ ความรู้สึกแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

“ว่าแต่ฮารุ โอเคใช่มั้ย ขอโทษนะที่ซอลฟาเป็นต้นเหตุให้ฮารุต้องเลิกกับชินน่ะ”

“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ เพียงแค่... บางครั้งฉันเองก็ยังเผลอคิดถึงรุ่นพี่ขึ้นมา แต่ว่าที่ฉันได้มองรุ่นพี่อยู่อย่างนี้ก็ดีมากๆแล้วล่ะค่ะ”

ฉันบอกรุ่นพี่อินซาและพยายามยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจ แม้ว่าในใจจะยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าอาจจะมีวันที่เราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็เถอะ

“รุ่นพี่ชินน่ะ เป็นคนแรกที่ฮารุชอบเลยนะ นายน่ะไม่รู้บางเลยเหรอว่า ฮารุน่ะมองแต่รุ่นพี่ชินมาตั้งปีกว่าแล้วนะ ทำไมยัยนั่น เอ่อ... ฉันหมายถึงซอลฟาน่ะ ทำไมถึงได้มาทำแบบนี้ ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าฮารุชอบรุ่นพี่ชินล่ะ คิดแล้วมันก็น่าโมโหนะ ถึงจะเป็นน้องของนายก็เถอะ”

มุนอาทำท่าค้อนใส่รุ่นพี่อินซา ส่วนรุ่นพี่อินซาก็ทำท่าทางเหมือนกับมีเรื่องอัดอั้นบางอย่างอยู่

“เฮ้อ... ขอโทษนะฮารุ พี่รู้นะว่าเราอ่ะชอบชินมาก จริงๆแล้วซอลฟาเขา...”

“พี่!!!”

ก่อนที่รุ่นพี่จะทันได้พูดอะไรสักอย่างออกมา ซอลฟาน้องสาวของเขาก็โผล่มาซะก่อน

“มาได้เวลาจริงๆนะ”

มุนอาพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าเมินใส่ซอลฟาที่วิ่งมาเกาะแขนรุ่นพี่อินซา

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ฉันคิดว่าเรามีอะไรต้องคุยกันหน่อยแล้ว”

แล้วซอลฟาก็ลากแขนรุ่นพี่ไป เหลือทิ้งไว้แค่ปริศนาบางอย่างที่พวกเราทั้งสามคนก็ยังไม่เข้าใจ มีอะไรบางอย่างที่รุ่นพี่อินซาอยากบอกพวกเรา ว่าแต่มันคืออะไรนะ ฉันอยากรู้จังเลย

และแล้วพวกเราก็ไม่ได้คำตอบจากรุ่นพี่ ฉันและฮีโระเดินกลับบ้านพร้อมกัน พวกเรายังคงต้องการรู้เรื่องนั้นอยู่ดี

“ฮีโระว่ารุ่นพี่อินซากำลังจะบอกอะไรกับพวกเราเหรอ”

“นั่นสินะ เรื่องบางเรื่องที่เหมือนเป็นความลับละมั้ง”

ฮีโระทำท่าครุ่นคิด และตัวเขาเองก็เอาแต่ทำท่านับไม้นับมือตั้งแต่เดินออกมาจากโรงเรียนแล้ว

“นับอะไรอยู่เหรอ”

“อ๋อ เปล่า ก็แค่นับเลขเฉยๆ ฮะๆ”

เขายิ้มกลบเกลื่อนแล้วก็วิ่งกลับบ้านไป

ช่วงดึกของคืนวันนั้นฉันก็ได้รับข้อความจากฮีโระ

Hero Message : ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี สู้ๆนะ

...................................................................................................................................................................................................................

เช้าของวันต่อมาฉันกับฮีโระเดินไปโรงอาหาร เพราะวันนี้พวกเราออกมาสาย ทำให้ไม่ทันได้กินข้าวเช้า พวกเราจึงไปหาซื้อขนมปังกัน แต่แล้วก็ได้เจอกับซอลฟาที่นั่น เธอกำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้

“เฮ้ นี่สาวน้อย เธอคงไม่ได้จะร้องไห้หรอกใช่ไหมนั่นน่ะ”

ฮีโระถือแซนวิชกับนมรสแตงโม เดินตรงไปหาโต๊ะที่ซอลฟาอยู่ ฉันจึงเดินตามเขาไป

“ร้องไห้อะไรกัน นี่รุ่นพี่จะเล่นมุขอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเนี่ยนะจะร้องไห้”

ซอลฟาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่มันชัดเจนมากเลยนะซอลฟา

“เหรอ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง งั้นขอนั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ”

ฮีโระเอาแซนวิชกับนมวางไว้บนโต๊ะก่อนที่จะขยับม้านั่งออก เขาพยักเพยิดให้ฉันนั่งด้วย ฉันควรจะเดินไปจากตรงนั้นถ้าหากว่าฉันอึดอัด แต่ว่ามีบางอย่างทำให้ฉันอยากอยู่ที่นั่นต่อ

“ว่าแต่... ทำไมวันนี้มานั่งกินคนเดียวล่ะ ปกติเธอจะตัวติดกับรุ่นพี่เป็นปลาท่องโก๋เลยไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมเหรอคะ รุ่นพี่เขาก็แค่ไม่ค่อยว่าง ว่าแต่แล้วรุ่นพี่ฮีโระกับรุ่นพี่ฮารุมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ ทำไมต้องมาจ้องหน้าฉันเหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้กับรุ่นพี่ยังงั้นแหละ”

ซอลฟาหลบสายตาจากฉัน และตักข้าวในจานใส่ปากต่อ

“รุ่นพี่ไม่ว่าง หรือ... เขาไม่อยากมาด้วยกันแน่”

ฮีโระยังคงสอบสวนเหมือนเธอเป็นผู้ต้องสงสัย เขายัดขนมปังใส่จนเต็มปาก และตามด้วยนมรสแตงโม จนแก้มของเขาบวมเป่ง

“ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับรุ่นพี่สองคน ไม่ใช่เหรอคะ ขอตัวนะคะ”

ซอลฟาลุกขึ้นจากโต๊ะและหยิบจานข้าวกับแก้วน้ำขึ้น มันคงน่าอึดอัดที่จะนั่งอยู่ต่อ เหมือนฉันตอนนี้ที่ทำได้แค่ฟังทั้งสองคนคุยกัน

“ถ้ามันเหนื่อยนัก ก็หยุดเถอะ อย่าฝืนไปต่ออีกเลย”

จู่ๆฮีโระก็พูดขึ้น ทำให้ซอลฟาหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้น น้ำเสียงของเขาไม่ได้โกรธหรือประชดประชันอะไรทั้งสิ้น มันเป็นน้ำเสียงที่ดูเห็นอกเห็นใจมากกว่า จนทำให้ซอลฟาต้องหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง

“แล้วรุ่นพี่ล่ะคะ ถ้ามันต้องเหนื่อยขนาดนี้แล้ว ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่หยุดล่ะ”

ซอลฟาพูดขณะที่น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง เธอเดินจากไป แต่ฮีโระยังคงเงียบ เขาจ้องมาซอลฟาที่เดินจากไปอยู่อย่างนั้นโดยาไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันได้แต่สะกิดเขาที่กำลังเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“นั่นสินะ ทำไมผมถึงไม่หยุดนะ”

ฮีโระพูดขณะถอนหายใจออกมา เขาบ่นพึมพำอะไรของเขากันนะ ฉันนั่งจ้องหน้าฮีโระอยู่นานโดยที่ไม่รู้ตัวจนกระทั่งฮีโระหันมามองหน้าฉัน จนทำให้ฉันสะดุ้ง

“เอ่อ... ฮีโระเป็น... อะไรหรือเปล่า”

ฉันได้แต่ถามแบบกระอึกกระอัก เพราะไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะหันมามองหน้าฉัน ฮีโระเผยรอยยิ้มบนมุมปากอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ปนกับความเศร้า

“บางทีการที่เรารักใครสักคน มันก็ยากนะที่จะตัดใจ ไม่ว่าตอนนั้นคนๆนั้นเขาจะรักใครอยู่ในใจ แต่ว่า...เราก็ยังคงมีแค่เขาคนเดียว ทำไมนะ ทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะมองไปดูคนอยู่รอบๆตัวบ้าง”

“เอ๋.. ถามฉันเหรอ... นั่นก็อาจจะเพราะว่า... เราจริงใจกับคนคนนั้น และเราก็หวังดีกับเขามาก จนไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เราให้เขาไปจะได้รับสิ่งตอนแทนไหม มันจะเป็นแบบนั้นละมั้ง”

ทุกครั้งที่ฉันได้เจอรุ่นพี่ ฉันไม่เคยแม้แต่จะคาดหวังสิ่งใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความเจ็บปวดตามมาจนได้สินะ

“สำหรับผมกับฮารุก็คงจะเหมือนกันสินะ พวกเราเป็นเหมือนเส้นขนาดที่ไม่มีทางจะมาพบกันได้”

“เส้นขนานอะไรกันล่ะ แต่ถึงจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันได้เจอกัน แต่ว่าพวกเราก็ยังเดินข้างๆกันได้นะ”

“เหรอ”

ฮีโระส่งยิ้มเจือนๆ ก่อนจะลุกไปโต๊ะที่ใกล้ถังขยะแล้วขว้างมันลงไปในถังอย่างแม่นยำ

หลังจากนั้นพวกเราก็ลุกไปเข้าเรียนตามปกติ พอมาถึงในห้องมุนอาก็เรียกฮีโระไปคุยด้วย ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน และในตอนพักเที่ยงของวันนั้นฮีโระก็หายไป เขาไม่ได้มากินข้าวกับพวกเราสองคน หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันกับมุนอาจึงขึ้นไปนั่งเล่นบนดาดฟ้า และฉันก็อดถามเรื่องฮีโระไม่ได้

“ฮีโระ เขาไปไหนกันเหรอ”

“ทำไมเหรอ เดี๋ยวนี้หัดสนใจคนรอบข้างบ้างแล้วเหรอ ฮิฮิ”

มุนอาแซวฉันก่อนจะพูดต่อ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เห็นรุ่นพี่อินซาฝากบอกมาว่าพักเที่ยงนี้ให้ไปหาที่โรงยิมน่ะ แต่ว่าจะคุยเรื่องอะไร ฉันไม่รู้หรอก”

“รุ่นพี่อินซาเหรอ แปลกนะทำไมเขาถึงเรียกฮีโระไปหากันล่ะ”

“นั่นสิ ฉันเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน”

ฉันกับมุนอา ยืนมองลองไปยังข้างล่าง เมื่อได้ยินมุนอาพูดถึงโรงยิมสายตาของฉันก็พลันมองไปหาโรงยิมอัตโนมัติ

“นั่นไงๆ ฮีโระเดินออกมาแล้ว ป่ะ เรารีบไปถามฮีโระกันดีกว่า”

“อื้อ”

มุนอาคว้าแขนฉัน แล้วดึงฉันวิ่งลงบันได พอมาถึงในห้องเรียนฮีโระก็นั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง

“นี่ สรุปว่าไงบ้าง หมอนั่นเรียกนายไปทำไมเหรอ”

มุนอาใช้มือตีที่ไหล่ของฮีโระเบาๆ เขาหันกลับมา

“หือ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่นา ก็แค่... บอกมาว่าอาจจะเปลี่ยนใจเรื่องเธอก็ได้อะไรประมาณนั้นแหละ”

“จริงเหรอ รุ่นพี่พูดยังงั้นจริงๆนะ”

มุนอาพูดพลางเขย่าฮีโระ และเขาก็เออ ออ ไปกับเธอ แต่ว่านายกำลังโกหกอยู่หรือเปล่าฮีโระ ฉันว่านายกำลังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกพวกเรา ฉันได้แต่มองสายตาที่เลื่อนลอยของเขา แม้ว่าอยากจะถามเอาความจริงสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาต้องมาลำบากใจที่จะตอบคำถามฉันอีก

ในตอนเย็นของวันนั้น ฮีโระบอกให้ฉันกลับไปก่อน เพราะเขามีเรื่องที่จะต้องไปทำ ฉันรับปากกับเขาว่าจะกลับก่อน แต่ว่าไม่ใช่วันนี้ ฉันอยากจะรู้อะไรบางอย่าง และอยากจะรู้ว่าเขากำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่

ฉันทำเหมือนเดินออกมาจากโรงเรียนราวกับว่าฉันกลับบ้านตามปกติ แต่เมื่อฮีโระหันกลับหลังไปแล้ว ฉันก็แอบเดินตามเขาอยู่ห่างๆ จนในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงโรงยิม ฉันแอบเดินตามเข้าไปเงียบๆ และแอบมองจากอีกมุม รุ่นพี่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกับซอลฟา ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มซ้อม ซอลฟากำลังเล่นกีต้าร์และร้องเพลงที่แสนไพเราะให้กับรุ่นพี่ฟัง รอยยิ้มของรุ่นพี่ที่ฉันไม่ได้เห็นมานาน ฉันคิดถึงจังเลยค่ะรุ่นพี่ แต่ว่า... ไม่รู้ว่าเพราะฉันแอบคิดไปเองหรือเปล่า ฉันแอบสังเกตเห็นว่า... รอยยิ้มนั้นดูเศร้าและไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย

ฮีโระเดินตรงไปหารุ่นพี่และซอลฟา ก่อนที่จะนั่งลง

“เฮ้อ วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษนะครับรุ่นพี่ แล้วเพลงก็เพราะซะด้วย”

“อ่อ ฮีโระ เอ่อ มีอะไรเหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่อารมณ์ดีอยากจะมานั่งดูรุ่นพี่ซ้อมบาสสักหน่อย นานแล้วนะครับที่ผมไม่มาที่นี่”

“อ่อ ยังงั้นเหรอ”

ฮีโระนั่งอยู่ข้างๆซอลฟา และอีกฝั่งหนึ่งก็มีรุ่นพี่นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ว่าฮีโระเขาจะมานี่ทำไมกันนะ

“เดี๋ยวมานะ คุยกันไปก่อนละกัน”

รุ่นพี่ลุกออกไป ตอนนี้เหลือแค่ฮีโระกับซอลฟาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“รุ่นพี่ฮีโระ วันนี้มีอะไรหรือปล่าวคะ รู้สึกเหมือนว่าจะบังเอิญ ไม่สิ เหมือนจะตั้งใจมาเจอฉันนะ”

ซอลฟาเลิกดีดกีต้าร์แล้วหันหน้ามาคุยกับฮีโระ

“เฮ้ ตั้งจงตั้งใจอะไรกัน ก็แค่บังเอิญผ่านมาก็เลยลองมาดู ไม่ได้คิดว่าจะเจอเธอสักหน่อย หรือว่า... ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพรมลิขิตก็ได้นะ ฮะๆๆ”

“ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ ต้องการอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลาที่ต้องเจอพวกรุ่นพี่อีก”

“อะไรจะขนาดนั้น นี่พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น เธอน่ะก็เป็นสมาชิกในแก๊งของพวกเรามาก่อนนิ ทำเป็นไม่เคยสนิทกันไปได้”

“ก็แค่เคย แต่พูดตามตรงฉันก็ไม่คิดว่าอยากจะสนิทกับพวกรุ่นพี่จริงๆหรอกนะคะ”

ซอลฟายังคงบ่ายเบี่ยงกับคำพูดของฮีโระ และพวกเขาก็ยังคงนั่งคุยกันอยู่อย่างนั้น

“เธอน่ะ จริงๆแล้วก็ไม่ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกใช่มั้ยล่ะ เธอก็แค่... อยากให้เขามาสนใจเธอบ้าง”

“ดูเหมือนจะรู้อะไรเยอะนะคะ แต่ว่า... รุ่นพี่ไปดูแลเรื่องของตัวเองก่อนเถอะค่ะ”

“ผมเหรอ ก็ทำอยู่นี่ไง เรื่องที่ผมควรจะทำ แต่ว่าเรื่องของเราน่ะ มันต่างกันนะ ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆ บางอย่างที่ทำแล้วมันดีกับตัวเองจริงๆ เราก็มีความสุขกับมันสิ แต่ถ้าทำไปแล้วมันเป็นทุกข์ แน่ใจเหรอว่ามันดีกับเราแล้วจริงๆน่ะ”

ซอลฟานั่งเงียบ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ผมน่ะ ก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอหรอก แต่ว่าถึงอย่างนั้นพวกเราก็มีความทรงจำและเรื่องดีๆต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ เพียงแค่... รู้จักยอมรับความจริงและ...ปล่อยวาง กับเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้”

“พอเถอะค่ะ”

“วันนี้เธอได้ตัวเขามา แต่ว่า... เธอไม่มีวันได้หัวใจของเขามาหรอก หยุดแค่นี้เถอะ เพราะคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็คือเธอนะ”

“ฉันบอกให้หยุดไงคะรุ่นพี่”

ฉันแอบเหลือบไปมองซอลฟา ใบหน้าของเธอดูเศร้ามาก และเธอพยายามกลั้นใจที่จะไม่ร้องไห้ออกมา

“ฉันน่ะไม่ว่ายังไงฉันก็ยอมได้ ฉันมีความสุข เห็นมั้ยคะว่าฉันมีความสุขดี”

ซอลฟาพูดมา แต่ครั้งนี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาออกมาได้อีกต่อไป เธอใช้มือกุมหน้าที่ขาดซีดของเธอ ฉันได้ยินเสียงเธอสะอื้นเบาๆ ฮีโระใช้มือตบไหล่ของซอลฟาเบาๆ ทำไมกันนะ ฉันถึงได้อยากร้องไห้ตามซอลฟาแบบนั้น พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องของรุ่นพี่ และถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันคิดว่าระหว่างรุ่นพี่กับซอลฟาคงเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ฉันรับรู้ได้ถึงความเศร้าเหล่านั้น เพราะตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่า หากไม่มีเรื่องของซอลฟาเข้ามา พวกเราจะยังกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า

“ผมเคยเข้าใจว่าเธอเป็นคนที่เข้าถึงยาก แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะ หัวใจของเธอน่ะบอบบางและอ่อนโยนมากกว่าที่เธอแสดงออกมาอีกนะ”

ฮีโระกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนว่าเขาเข้าใจซอลฟา แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าซอลฟานั้นมีบางอย่างที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ ตอนนี้ฉันไม่คิดอยากรู้ว่าฮีโระมาที่นี่เพื่ออะไรอีกแล้ว และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ฉันเองก็จะเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปให้ได้เช่นกัน ฉันจะไม่ถามรุ่นพี่ว่าเพราะอะไรถึงได้ออกห่างฉัน ฉันจะไม่ถามว่ามันเกิดขึ้นเพราะใคร เพราะตอนนี้ไม่ว่าฉันจะได้คำตอบแบบนี้ มันก็มีแต่จะทำให้พวกเราต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น ถ้าหากปล่อยให้มันผ่านไปเองมันน่าจะดีกว่า ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะกลับบ้านแล้วไปช่วยแม่ทำกับข้าวอร่อยๆเอาไปฝากฮีโระดีกว่า แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้ขยับตัว คนๆหนึ่งก็มายืนอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว เขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก

“มาทำอะไรที่นี่เหรอ”

“เอ่อ ก็แค่... ก็แค่... แค่ผ่านมาน่ะค่ะ”

“เหรอ”

รุ่นพี่พูดเสร็จก็รีบเดินผ่านฉันไป ฉันเดินออกมาจากโรงยิมอย่างช้าๆ ความห่างเหินของพวกเราทำให้ฉันใจหาย มันไม่น่าจะเกิดขึ้นหรือเป็นฉันเองที่ไม่ควรจะชอบรุ่นพี่ตั้งแต่แรกกันนะ แต่พอคิดในอีกแง่หนึ่ง ฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยๆพวกเรายังได้มีโอกาสที่จะพบเจอและทักทายกัน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม

ทางเดินกลับบ้านในเย็นวันนี้ มีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษไปจากเดิม อาจจะเพราะฉันได้ปล่อยวางบางอย่างที่หนักอึ้งออกไปแล้ว และได้มองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบๆตัวบ้าง ไม่แปลกเลยว่าทำไมฮีโระถึงมีความสุขที่ได้เดินกลับบ้าน ทุกครั้งฉันจะเห็นเขาร่าเริงและสดใส เขาชอบดอกไม้ ต้นไม้ สายลมและแสงแดด ซึ่งฉันไม่เคยได้สังเกตเลยว่ามันจะรู้สึกดีขนาดนี้

ระหว่างที่ฉันกำลังเพลินกับการชมต้นไม้ริมทาง ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตามหลังมา ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นฮีโระหรือเปล่า แต่ถ้าหากเป็นเขาจริง เขาก็น่าจะเรียกชื่อฉันสิ เพราะแค่เห็นข้างหลังเขาจำฉันได้แล้ว แถมตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย ฉันเร่งฝึเท้ามากกว่าเดิม แต่พอฉันหยุดเดิน เสียงฝีเท้าก็เงียบไปด้วย และเมื่อฉันเดินต่อ ฝีเท้านั้นก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันก็ตัดสินใจที่จะวิ่ง เพราะหากว่าเป็นโรคจิตหรือคนไม่ดีละก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะวิ่งหนีได้ มือๆหนึ่งก็เอื้อมมาจับแขนฉันไว้

“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ฉันพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากมือของคนปริศนาที่ตามมา

“หยุด หยุด... ก่อน แฮ่ก แฮ่ก”

เสียงหอบของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกระแวง ฉันพยายามดึงมือของจากแขนของคนๆนั้นอีกครั้ง โดยไม่ได้มองหน้าของเขา ฉันหลับหูหลับตาเอากระเป๋าฟาดไปที่มือของเขาเพื่อให้เขาปล่อยแขนของฉันจนในที่สุดเขาก็ปล่อยมือออกจนได้ ฉันจึง

รีบวิ่งออกมาอีกครั้ง

“โอ๊ย...เจ็บจริงๆเลย เฮ้อ คนใจร้าย!”

เสียงของคนๆนั้นทำให้ฉันต้องสะดุด เขาไม่ได้เป็นคนร้าย แต่ว่าเขาคือ...

“ฮีโระ!!”

ฉันหันกลับไปมองเขา ก็พบว่าเขากำลังเอามืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือของตัวเองไว้ หรือว่าที่ฉันเอากระเป๋าตีเขาเมื่อกี้นี้...

“ฮะๆ ฮารุเนี่ย วิ่งหนีเอาเป็นเอาตายเหมือนกันนะเนี่ย”

ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเขา แต่เขาก็ยังมีหน้ามาหัวเราะฉันอีก

“ยังจะมาหัวเราะฉันอีกนะฮีโระ เล่นอะไรของฮีโระเนี่ย ทำไมไม่บอกฉันดีๆล่ะ แล้วเป็นอะไรมากหรืเปล่า”

ฉันรีบคว้าแขนของเขามาดู แขนของเขามีรอยแผลยาวแต่ไม่ลึกมาก น่าจะเพราะซิปกระเป๋าหรืออะไรสักอย่างที่ฉันกระหน่ำฟาดลงไปข่วนโดนแขนของเขา

“เลือดออกเลยนะเนี่ย ฉัน.. ฉันขอโทษนะฮีโระ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้เองจิ๊บๆ”

ฮีโระส่ายหน้าราวกับว่าเขาไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดจนแทบจะอยากร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ

“โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่นะฮารุ ห้ามร้องเลยนะ ห้ามร้อง”

ฮีโระทำท่าทำทางเพื่อปลอบฉันและไม่อยากให้ฉันร้องไห้แต่ว่า... ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันทำให้เธอต้องบาดเจ็บเพราะฉัน ฉันผิดเอง โฮ T-T

สุดท้ายฮีโระก็ต้องปลอบใจฉันยกใหญ่ กว่าจะทำให้ฉันเลิกร้องไห้ได้

“เฮ้อ ผมก็แค่อยากให้ฮารุระวังตัวบ้าง เวลาเดินกลับบ้านคนเดียวน่ะ มันอันตรายเพราะฉะนั้นก็อย่าได้กลับบ้านค่ำ บอกให้กลับบ้านไปก่อนตั้งนานแล้ว แต่ดูสิ เพิ่งมากลับเอาป่านนี้ ดื้อจริงๆเลย”

“ยังไงฉันมีฮีโระเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนอยู่แล้วนิ ทำไมต้องกลัวด้วยหละ”

“แล้วถ้าผมไม่อยู่แล้วล่ะ...”

คำพูดของฮีโระทำให้ฉันเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

“อ่ะ หน้านิ่วเลย คิ้วจะชนกันอยู่แล้ว ผมแค่ล้อเล่น แหม... แต่ถึงยังไงฮารุก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะรู้มั้ย”

ฮีโระใช้มือยีหัวฉันเล่นอีกแล้ว เวลาที่ฉันเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้ เขาก็มักจะทำลายสมาธิฉันด้วยการยีหัวฉันเล่น จนทำให้ฉันคิดไม่ออกทุกที

สุดท้ายแล้ววันนี้จากที่ฉันคิดว่าอยากจะทำกับข้าวไปให้ ก็กลายเป็นว่าฉันต้องหอบเอากล่องปฐมพยาบาลไปทำแผลให้เขาแทน และในค่ำวันนั้นฉันก็ได้ยินคำพูดแปลกๆจากเขา

“อยากให้มีวันดีๆแบบนี้ตลอดไปจังเลยครับ คุณท้องฟ้า”


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 17 : ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย

ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจ...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com