ภาพประกอบ : http://meefreephoto.blogspot.com |
ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สายตาของคนในโรงเรียนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป แม้ว่าฉันกับรุ่นพี่จะไม่ได้ใกล้ชิดหรือคุยกันแม้แต่น้อย พวกเขาก็ยังคงจับตาดูฉันตลอดเวลา
และจากวันนั้นฮีโระก็อาสาจะเป็นเพื่อนเดินไปโรงเรียนและกลับบ้านด้วยกันทุกวัน จนตอนนี้ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติไปซะแล้ว ฉันรู้สึกว่าเราคงจะเริ่มสนิมกันและมันก็ดีไม่น้อยที่มีเพื่อนเดินไปด้วยกันและคุยกันระหว่างทาง
แต่ทว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่วันเสาร์อาทิตย์มาถึงฉันก็มักจะรู้สึกเบื่อหน่ายขึ้นมาทันที แม้ว่าระหว่างฉันกับรุ่นพี่จะไม่มีอะไรเกิดขึ้นและฉันก็ยังคงทำได้เพียงแอบมองเขาจากไกลๆ แต่ฉันก็ยังชอบและมีความสุขที่ได้ทำแบบนั้น แม้ว่าบางครั้งในจอภาพที่ฉันเห็นจะมีผู้หญิงคนอื่นด้วยก็ตาม
เย็นของวันศุกร์ หลังจากที่เข้าบ้าน จู่ๆฉันนึกถึงเรื่องที่ฮีโระพูดขึ้นตอนที่เราเดินกลับบ้านด้วยกันขึ้นมา
“แปลกนะ ทั้งๆที่ฮารุแอบชอบรุ่นพี่ แต่ผมก็ไม่เห็นฮารุจะทำอะไรให้เขารู้บ้างเลย”
“จริงๆแล้วฉันแค่อยากจะมองเห็นรอยยิ้มของรุ่นพี่ แค่ได้มองรุ่นพี่ฉันก็มีความสุขมากแล้วล่ะ” ^^ ฉันยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“ถ้าเราชอบใครสักคนเราก็ต้องอยากให้เขารู้ว่าเรารู้สึกยังไงไม่ใช่เหรอ”
ฮีโระยังคงถามต่อ ดูเหมือนเขาจะสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก
“มันก็อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ฉันคงทำไม่ได้หรอก” เพราะฉันไม่มีความกล้ามากพอนี่นา ฮีโระ นายเองก็คงไม่รู้หรอกว่าถึงแม้ว่าฉันจะชอบรุ่นพี่มากเท่าไหร่ รุ่นพี่ก็คงไม่ชอบฉันหรอก ฉันเข้าใกล้รุ่นพี่ไม่ได้ เพราะฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้รอยยิ้มของรุ่นพี่หายไป มันเป็นแบบนั้นมาตลอดตั้งแต่ที่ฉันย้ายมาเรียนที่นี่ เพราะฉะนั้นฉันคิดว่าแค่ได้มองรุ่นพี่ห่างๆก็ดีมากพอแล้ว
“การที่เราชอบใครสักคน โดยที่เขาไม่เคยรู้ ผมว่ามันเจ็บปวดมากนะ”
ฮีโระพูดเสียงเศร้าๆ ฉันสังเกตเห็นว่าทุกครั้งที่น้ำเสียงของเขาเบาลง เขามักจะก้มหน้าต่ำลงไปด้วย
“นายก็กำลังแอบชอบใครบางคนอยู่เหรอ”
“มันก็นานมาแล้วล่ะ” รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าของเขา ฉันไม่รู้ว่าควรบอกเขาดีหรือเปล่า แต่อย่างน้อยๆเขาน่าจะได้รู้ไว้ว่ามุนอาชอบเขา
“มุนอาเป็นคนดีนะ เธอเป็นคนตรงไปตรงมา และซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเองเสมอ และฉันคิดว่ามุนอาชอบนายนะ”
เขาฟังเงียบๆและไม่ตอบอะไร ฉันได้ยินเพียงเสียงพ่นลมหายใจออกมาเบาๆของเขาเท่านั้น
“พรุ่งนี้วันหยุดแล้ว ไหนๆเธอก็ไม่ได้เจอหน้ารุ่นพี่อยู่ดี เราไปหาอะไรสนุกๆทำกันดีไหม” ^^
เขาเงยหน้าขึ้นและเปลี่ยนเรื่องพูด แล้วก็...ฝืนยิ้มออกมาอีกครั้ง รอยยิ้มของเขาทำให้ฉันไม่สามารถปฏิเสธคำชวนของเขาได้ เพราะเวลาที่เขาเศร้ามันดูไม่เหมาะกับเขาเอาเสียเลย และถ้าหากฉันต้องปฏิเสธเขาฉันก็คงจะรู้สึกผิดอย่างบอกไม่ถูก ฉันล้มตัวลงบนที่นอนและถอนหายใจเบาๆ
“เดี๋ยวมันก็ผ่านไปแล้วล่ะ”
ฉันหลับตาลงและเผลอหลับไป จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแม่เรียกให้ไปทานข้าว ค่ำคืนของวันหยุดของฉันนั้นผ่านไปอย่างช้าๆ
รุ่งเช้า...
“สวัสดีครับคุณป้า ผมชื่อฮีโระ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมเป็นเพื่อนร่วมชั้นกับฮารุครับ”
“นี่เธอ...”
“ชู่วว์ เอ่อ ผมมาหาฮารุครับ วันนี้เรานัดกันไว้” ^^
เสียงใครบางคนกำลังคุยกับแม่ของฉัน และแน่นอนว่าต้องเป็นฮีโระอย่างแน่นอน แม่เข้ามาเรียกฉันที่ห้อง และบอกว่าเขารอฉันอยู่สักพักแล้ว แม่เข้ามาถามฉันเบาๆ...
“ลูกกับเด็กผู้ชายที่ชื่อฮีโระเป็นแฟนกันเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าลูกสาวคนเดียวของเราจะมีแฟนที่หล่อและน่ารักขนาดนี้” ><
“ไม่ใช่นะคะแม่ เราเป็นแค่เพื่อนกันค่ะ” -O-
แม่ดูจะมีความสุขที่คิดว่าลูกสาวคนเดียวกำลังจะมีแฟนจึงพยายามแซวฉันเรื่องฮีโระ แต่ฉันก็ไม่ได้เขินอะไร แม่คะเราเพิ่งเจอกันได้แค่อาทิตย์เดียวเอง แล้วหนูก็มีคนที่ชอบแล้วด้วยค่ะแม่
“ขอโทษนะ ฉันช้าไปหน่อย”
เมื่อฉันเปิดประตูห้องออกมา ก็เจอฮีโระนั่งอยู่ที่โต๊ะอาหาร วันนี้เขาดูแปลกตามากกว่าทุกวันกับชุดที่ดูเท่ห์มากๆในสายตาฉันและนั่นก็ทำให้ฉันแอบอึ้งอยู่เหมือนกัน แม้ว่าเขาจะอยู่ในชุดลำลองที่มีเสื้อเชิร์ตสีขาวกับกางเกงยีนขายาวสีน้ำเงินเข้มที่มีรอยขาดเล็กน้อยและรองเท้าผ้าใบธรรมดาๆ หูฟังสีฟ้ากับกระเป๋าเป้สะพายหลัง แต่มันไม่ธรรมดาสำหรับฉันเอาซะเลย นี่เขาสามารถไปถ่ายแบบได้เลยนะเนี่ย *-*
“โอ๊ะ” o.O เมื่อเขาเจอหน้าฉัน
“มะ มีอะไรเหรอ” ฉันถามด้วยความตกใจ เพราะเขาดูจะช็อคเล็กน้อย หรือว่าฉันจ้องเขามากเกินไปหรือเปล่านะ
“แต่งตัวแบบนี้แล้ว ดูเธอ....ตลกจังเลยนะ ฮ่า” >O<
“เอ๋.....” =[]=
จู่ๆ ฮีโระก็ระเบิดเสียงหัวเราะของเขาออกมา นี่ฉันตลกจริงๆเหรอเนี่ย แค่เสื้อยืดแขนยาวลายชมพูสลับขาวกับกระโปรงสีน้ำตาลเองนะ T.T
“ล้อเล่นน่ะ ล้อเล่น ที่จริงมันก็ดูโอเคดีนะ” ^_^
เขากลับมาพูดปลอบใจฉันด้วยท่าทางเขินอีกครั้ง ฉันไม่รู้ว่าฮีโระจะพาฉันไปไหน แต่เขาบอกกับฉันว่า “มันอาจจะช่วยให้ความรักของฮารุสมหวังก็ได้นะ” เขาพาฉันขึ้นรถบัสและในระหว่างที่เรานั่งอยู่บนรถ ฉันเลือกที่นั่งด้านในชิดหน้าต่าง ฮีโระนั่งอยู่ที่นั่งติดกับฉัน
ฉันมองออกไปนอกหน้าต่าง เพราะแม้ว่าเราจะสนิทกัน แต่มันจะไม่รู้สึกแปลกหน่อยเหรอที่เราต้องมานั่งอยู่ข้างๆกันและใกล้กันแบบนี้ ถึงเราจะเป็นแค่เพื่อนกันก็เถอะ แต่ว่าคนอื่นก็อาจจะคิดว่าเรา เอ่อ... เป็นอย่างอื่นก็ได้นะ
“เธอเห็นคนนั้นไหม ด้านหลังเรานะ”
“เห็นสิ ฉันจะบ้าตาย เธอว่าเขาเป็นนายแบบหรือดาราหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิ ตอนนี้ฉันอยากจะรู้ว่าผู้หญิงข้างๆน่ะ แฟนเขาหรือเปล่า”
“บ้าน่า ฉันว่าไม่น่าจะใช่หรอก ไม่เห็นจะเหมาะสมกันสักนิด”
แม้ว่าพวกเธอจะพูดกับเบาๆ แต่ฉันก็ได้ยินนะ = = สองสาวที่นั่งอยู่เบาะด้านหน้าของฉันกำลังพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน พวกเธอหันมามองด้านหลังเป็นพักๆ ฮีโระส่งยิ้มให้กับพวกเธอเมื่อพวกเธอหันมา นั่นยิ่งทำให้พวกเธอยิ่งคลั่งมากยิ่งขึ้น
“เธอมักจะไม่ค่อยพูด ไม่ปฏิเสธ และยอมคนง่ายๆแบบนี้เสมอเลยเหรอ”
“อย่าเพิ่งคุยกับฉันได้ไหมฮีโระ” ฉันกัดฟันพูดให้เบาที่สุดเพราะไม่อยากให้สองคนนั้นได้ยิน ไม่รู้ว่าทำไมฉันต้องไปแคร์คำพูดของพวกเธอด้วยนะ มันน่าอายตรงไหนถ้าฮีโระจะเป็นแฟนกับฉัน เอ่อ.. ฉันหมายถึงสมมุติอ่ะนะ เฮ้อ แต่ว่าฉันก็เสียความมั่นใจเป็นเหมือนกันนะ T.T เขาดูเด่นเกินกว่าที่จะมานั่งอยู่ข้างฉันจริงๆ ชุดธรรมดาไม่ได้ทำให้เขาดูเหมือนคนธรรมดาได้เลย
ฉันแกล้งเปิดหน้าต่างเพื่อให้สายลมผัดมาโดนหน้า และฉันก็จะได้ไม่ต้องได้ยินเสียงที่เขาคุยกับฉันด้วย ณ ตอนนั้นทำเป็นซะว่าเราไม่รู้จักและไม่ได้มาด้วยกันซะจะดีกว่า แต่แล้วสายลมก็ดันมาทำให้เสียเรื่องซะได้ เพราะมันดันพัดเอาผมยาวๆของฉันไปโดนหน้าของฮีโระซะได้
“เอ่อ ขอโทษ เอ่อ หมายถึง ขอโทษค่ะ”
ฉันพยายามพูดสุภาพกับเขา สมมุติเอาว่าเราไม่รู้จักกัน ฮีโระยังคงยิ้มสดใสและตอบกลับฉันเหมือนกับว่าเขาต้องการเล่นละครตามฉันยังไงอย่างงั้น
“พูดอะไรแปลกๆ แต่ก็ไม่เป็นไรครับ”
เสียงซุบซิบนินทาเล็กๆน้อยๆได้เข้ามาในหูฉันอีกครั้ง พวกเธอคุยกันว่าฮีโระกับฉันไม่ใช่แฟนกัน และดูเหมือนทั้งสองคนต่างก็อยากจะรู้จักฮีโระซะด้วย แล้วพวกเธอก็รวบรวมความกล้าแล้วหันมาคุยกับฮีโระ
“เอ่อ คือ...สวัสดีค่ะ ถ้าไม่ว่าอะไรพวกเราอยากรู้จักคุณได้ไหมคะ” ^^-
^^ ฮีโระยิ้มกลับไปอย่างใจดี เมื่อไหร่จะถึงป้ายที่พวกเธอจะลงหรือไม่ก็ป้ายที่ฮีโระจะลงสักทีนะ = = แล้วฉันทำไมต้องรู้สึกอึดอัดกับสถานการณ์ในตอนนี้ด้วยเนี่ย
“อ่อ ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อฮีโระ แล้วพวกคุณล่ะ”
“อ่า ฉันชื่อ เฮมีค่ะ”
“ฉัน ฉัน ฉันชื่อ เซรินค่ะ คือเดี๋ยวพวกเราก็ต้องลงแล้วพวกเราขอ...เอ่อ.. เบอร์คุณด้วยได้ไหมคะ”
พวกเธอเป็นผู้หญิงนะทำไมถึงได้กล้ามากขนาดนี้ ฉันยังไม่กล้าสบตารุ่นพี่เลยด้วยซ้ำ T^T
“เอ่อ ต้องขอโทษด้วยนะ คือผมไม่มีโทรศัพท์หรอกครับ”
“อ่า แย่จัง” T_T
ในที่สุดพวกเธอก็คงจะละทิ้งความพยายามสักทีสินะ หันกลับไปเถอะ ฉันทำตัวไม่ถูกจริงๆ เฮ้อ = = ฉันนั่งอย่างเงียบๆ
“ถ้ายังงั้นฮีโระ ฉันขอถ่ายรูปกับคุณได้ไหมคะ คุณเป็นดาราหรือนายแบบอะไรทำนองนี้หรือปล่าว”
“ฮะๆ ไม่หรอกครับ ผมเป็นนักเรียน ม.ปลาย ธรรมดาๆคนหนึ่งเท่านั้น” ^O^
ฮีโระหัวเราะออกมา และเขินกับคำชมของพวกเธอ เขาสนุกมากหรือไงนะกับการต้องคุยกับคนแปลกหน้าแบบนี้น่ะ
“อุ๊ย งั้นก็คงอายุพอๆกับพวกเราน่ะสิ อยู่โรงเรียนไหนเหรอคะ เผื่อพวกเราได้ผ่านไปแถวนั้น”
“โรงเรียนซองอึนครับ ถ้าผ่านไปแถวนั้นก็แวะไปเที่ยวบ้างก็ได้นะ” ^^
พวกเขาสนทนากันอย่างไม่ต้องคิดอะไรกันเลยทีเดียว หลังจากนั้นเขาก็ถ่ายรูปคู่กับทั้งสองสาว โดยให้ฉันเป็นคนถ่ายให้ =..= ดูพวกเธอจะดีใจอย่างแรง ฮีโระหันมาคุยกับฉันหลังจากที่เห็นฉันนิ่งอยู่นาน
“แล้วคุณละ อยากถ่ายรูปกับผมสักรูปไหม”
เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆฉันและแหย่ให้ฉันตกใจเล่น ฉันยังคงไม่หันกลับไปและทำเป็นเหมือนว่าไม่ได้ยินสิ่งที่เขาพูด แต่สองสาวแถวหน้ายังคงหันมาดูฮีโระอยู่เป็นพักๆ และคำถามที่ฉันไม่อยากได้ยินที่สุดก็มาถึง
“ฮีโระ คุณมีแฟนหรือยังคะ คือพวกเราข้องใจนิดหน่อยน่ะค่ะ”
ไม่ใช่ว่าพวกเธออยากจะเป็นแฟนกับเขาหรอกเหรอ หันหลังมาบ่อยๆแบบนี้พวกเธอไม่เวียนหัวอยากอ๊วกบ้างหรือไง ฉันได้แต่คิดในใจ และนับหนึ่งถึงสิบไปจนจะครบร้อยรอบได้แล้ว
“อืม แฟนผมก็นั่งอยู่ข้างๆนี่ไง น่ารักไหม”
“เอ๋!!!!” เราอาจจะสร้างวงประสานเสียงได้ดี ถ้าหากฉันชวนสองสาวเข้าวง เพราะเราสามคนต่างพูดออกมาด้วยความตกใจและมันไม่น่าจะเชื่อ
เฮมี เซริน
( O.O )( O.O )
( O.O )( ^O^ )
ฉัน ฮีโระ
“ไม่น่าแปลกหรอกครับ ผมว่าเธอน่ารักและก็นิสัยดีมากๆ ขอโทษด้วยนะที่ไม่ได้บอกก่อนล่วงหน้า ฮารุอย่างอลผมเลยนะ”
เขาหันกลับมาคุยกับฉัน แล้วเอามือมาหยิกแก้มของฉัน เขาทำหน้าเหมือนกับว่าเขาทำผิดมากๆที่ไปคุยกับสองสาวพวกนั้น นี่ๆเราไม่ได้เป็นแฟนกันนะ
“เอ่อ... ฮีโระ พวกเราต้องลงป้ายหน้านี้แล้ว งั้นเอ่อไว้เจอกันนะคะ แล้วก็ไว้เจอกันนะคะคุณแฟน” ^^”
“ดะ เดี๋ยว!!!!!”
ฉันเอื้อมมือหมายจะห้ามพวกเธอและขอให้เธอฟังฉันก่อน แต่เฮมีและเซรินก็ยิ้มอย่างแหยๆแล้วลงจากรถไป เดี๋ยวก่อน ฉันยังไม่ทันได้บอกเธอเลย ฉันยังไม่มีแฟน T.T
“ฮีโระ นี่ นาย...”
“ผมว่าเธอน่าจะแสดงอารมณ์ที่รู้สึกออกมาบ้างนะ อย่างเช่นเวลาที่ดีใจก็หัวเราะออกมาดังๆ ยิ้มให้กว้างๆ แบบนี้ ^O^ เวลาที่เสียใจก็ร้องไห้โฮ TOT หรือเวลาที่โกรธก็น่าจะใส่อารมณ์ให้มันเต็มที่ไปเลย .\/.”
ยังจะมีหน้ามาบอกกันได้
.\/. ฉันหันหน้าไปหาเขา
“ฮารุทำได้แล้ว แสดงว่าเริ่มจะพัฒนาแล้วนะ” ^O^ เขายิ้มกว้างอีกครั้ง ดูเหมือนว่าเขาจะดีใจมากที่เห็นว่าฉันสามารถแสดงอารมณ์ที่ฉันรู้สึกออกไปได้ และนี่ก็เป็นครั้งแรกที่ฉันรู้สึกอยากจะแสดงมันออกไป
“ผมแค่ไม่อยากให้ใครมาว่าฮารุ เพราะไม่ว่าคนที่โชคดีคนนั้นจะเป็นใคร แต่ผมก็คิดว่าฮารุเป็นคนที่ดีและเหมาะสมกับเขาแน่นอน” ^^
ฮีโระยิ้มออกมาอย่างใจดี ฉันคิดว่าเขาคงไม่ได้โกหกฉันหรอก และฉันก็คงจะโกรธเขาไม่ลงด้วย
“เพราะฉะนั้น ไม่ว่าเราจะรู้สึกอะไรก็ควรจะแสดงมันออกไปเพื่อให้คนอื่นได้รับรู้บ้างนะ”
“เฮ้อ อื้ม” ^^ สุดท้ายแล้วฉันก็โกรธเขาไม่ลงจริงๆ ฉันพยายามแบะยิ้มออกมาให้กับฮีโระและเขาก็ยิ้มกลับมาให้ฉัน ผู้โดยสารขึ้นมาเรื่อยๆ ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันเมื่อเห็นฮีโระอีกครั้ง
“ฮีโระน่าจะไปเป็นดารา นายต้องดังมากแน่ๆ”
ฉันแซวฮีโระไปแบบนั้น เขาหัวเราะออกมาเบาๆ
หลังจากที่เรานั่งรถมาได้เกือบสองชั่วโมง...
“ถึงแล้วครับ กำแพงแห่งความหวัง”
คนขับรถตะโกนบอก ฮีโระลุกขึ้นและบอกฉันว่าเรามาถึงแล้ว หลังจากที่ลงรถ ฉันรับรู้ได้ถึงกลิ่นไอของธรรมชาติและผู้คนที่มากมาย เราเดินเข้าไปในซอยถัดจากถนนสายหลักที่เราเดินลงจากรถ ทางแยกด้านหน้ามีผู้คนหลั่งไหลเข้าไปกันอย่างเนืองแน่น
สถานที่นั้นคือกำแพงแห่งความหวังที่ทั้งสองฝั่งถูกสร้างเป็นกำแพงทอดยาวคู่ขนานกันออกไป เป็นกำแพงสำหรับคนที่มีความหวังหรือความต้องการสิ่งใดจะพากันมาเขียนความหวังของตัวเองลงบนกำแพงนี้ แนวคิดของการสร้างกำแพงแห่งความหวัง ฉันว่ามันต้องมาจากกลุ่มวัยุร่นที่ชอบแอบมาพ่นสีเล่นที่กำแพงแน่เลย =..= ฉันเคยเห็นแต่ในทีวี และนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเดินอยู่บนถนนสายนี้
“ว้าว นี่ดูยิ่งใหญ่กว่าที่เห็นในทีวีซะอีกนะเนี่ย ฮารุเคยมาหรือเปล่า”
“นี่เป็นครั้งแรกเลยล่ะ”
ฮีโระทำท่าตื่นเต้น เขามองดูรอบๆอย่างอัศจรรย์ใจดูเหมือนจะเป็นครั้งแรกที่เขาได้มาที่นี่เหมือนกัน เราสองคนเดินไปตามถนนที่อาจจะเบียดเสียดกับผู้คน แต่ก็ไม่ได้ทำให้คนที่มีความหวังลดละความพยายามที่จะมาเที่ยวที่นี่ ถนนนี้แห่งนี้ถูกปิดการจราจรเพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้คนเดินเท่านั้น
สองข้างกำแพงมีแต่คนยืนประจำจุดที่พวกเขาอยากจะเขียนความหวังของพวกเขาลงไป มีร้านขายของตั้งอยู่ริมทางหลายร้าน ทั้งร้านอาหาร ร้านน้ำดื่ม ร้านขายของที่ระลึก ราวกับว่าที่นี่มีเทศกาลยังไงยังงั้น ฮีโระบอกให้ฉันยืนรอ ไม่นานเขาก็กลับมาพร้อมกับสีช็อค
“สีชมพูเหรอ” สีที่เขายืนให้ฉันและในมือของเขาเป็นสีฟ้า
“ไปหาที่เขียนกัน” ฮีโระรีบคว้ามือของฉัน แล้วก็เดินหาพื้นที่ว่างบนกำแพง
“เขียนมันตรงนี้สิ ผมจะไปตรงนู้น” เขาชี้ไปยังกำแพงที่ห่างออกไปอีกช่วงหนึ่ง
“เขียนในสิ่งที่เธอหวังนะ” ^^
เขาบอกฉันและรีบไปเขียนความหวังของเขาที่กำแพงอีกช่วงหนึ่ง ฉันยืนอยู่หน้าพื้นที่ว่างที่พอมีนิดหน่อยนั้น “H&CH” ฉันเขียนเพียงประโยคสั้นๆ ก่อนที่จะหลับตาภาวนาบางอย่าง มันเป็นตัวอักษรย่อจากชื่อของฉันและรุ่นพี่ หลังจากนั้นฉันจึงรีบเดินไปหาฮีโระ แต่ดูเหมือนเขาไม่อยากจะให้ฉันเห็นความลับของเขาเท่าไหร่
ฉันเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าฉันน่าจะเขียนอะไรถึงเขาบ้าง ฉันเดินกลับไปที่เดิม ด้านล่างของชื่อรุ่นพี่ชินฉันได้เขียนอีกชื่อหนึ่งลงไป “Hero เพื่อนที่ดีของฉัน” ฉันหลับตาอธิฐานอีกครั้งและหวังว่าฮีโระจะสมหวังกับสิ่งที่เขาต้องการ หลังจากที่เขียนเสร็จฉันก็เดินไปหาเขา แต่เขาก็ไม่ยอมให้ฉันได้เห็นแม้แต่น้อยแถมยังพยายามเอามือของเขามาปิดตาฉันไว้อีก มันทำให้ฉันมองไม่เห็นทางและเดินไปชนผู้คนที่ผ่านไปมา จนฉันต้องดุเขา
“นี่ อย่าทำยังนี้สิ ฉันมองไม่เห็นทางเลย” .\/. ฉันทำเสียงดุใส่เขาและดูเหมือนเขาจะพอใจอย่างมาก และยังคงเล่นปิดตาฉันต่อ ฉันจึงพยายามแกะมือของเขาออก หลังจากที่แกะมือของเขาได้ฉันก็วิ่งไล่ตีเขายกใหญ่ ระหว่างที่วิ่งกันอยู่นั้นฉันรู้สึกได้ถึงรัศมีที่เปล่งประกายของฮีโระ เขาโดดเด่นแม้จะอยู่ท่ามกลางผู้คนมากมาย คนเหล่านั้นต่างก็คิดว่าเขาเป็นดารา บางคนก็ยกโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปของเขาด้วย
“เห็นไหมฮารุโกรธจริงๆด้วย ฮะ ฮะ”
เขาวิ่งและหัวเราะไปด้วยโดยที่ไม่ได้สนใจแม้แต่น้อยว่าจะมีใครจ้องมองเขาบ้าง ส่วนฉันเองก็อดขำตัวเองไม่ได้ที่ยังคงวิ่งไล่ตีเขาอยู่อย่างนั้น
“ฮ๊า เหนื่อยจังเลยแฮะ ฮารุวิ่งเร็วไม่เบาเลยนะ แถมมือก็หนักด้วย ไปเก็บกดที่ไหนมาเนี่ย” -O-
เขาล้อฉันพลางทำให้ฉันรู้สึกโมโหเขาขึ้นมาอีกครั้ง
“บางทีก็รู้สึกดีใช่ไหมล่ะ การที่ได้แสดงอารมณ์บางอย่างที่เรารู้สึกออกไปน่ะ”
เขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอีกครั้ง สายลมอ่อนๆพัดโดนใบหน้าของพวกเรา ตอนนี้เรานั่งอยู่ที่ม้านั่งริมทางบนถนนสายกำแพงแห่งความหวัง ฮีโระนั่งพักได้เดี๋ยวเดียวเขาก็วิ่งออกไปไหนสักแห่งโดยไม่บอกฉัน
ในระหว่างที่ฉันนั่งรอฮีโระก็เพิ่งจะได้สังเกตเห็นว่า ในที่ที่มีคนเยอะแยะแบบนี้ จะมีคนที่รู้จักเราอยู่ในนี้หรือปล่าวนะ พลันในใจก็นึกสนุกว่ามันคงจะเป็นเรื่องบังเอิญมากๆหากมาเจอคนที่รู้จักในที่แบบนี้ นั่งคิดอะไรเพลินๆได้ไม่นานนักฮีโระก็กลับมาพร้อมอะไรบางอย่างในมือ
“หลังจากที่เด็กๆวิ่งเล่นเสร็จพวกเขามักจะอยากทานของเย็นๆเหมือนอย่างพวกนี้ใช่ไหม”
เขายื่นไอศกรีมโคนมาให้ และนั่งลงข้างๆฉัน ใช่แล้วล่ะ ถ้าหากว่าฉันยังเป็นเด็กฉันก็คงอยากจะได้ไอศกรีมแบบนี้เหมือนกัน หลังจากที่เราหายเหนื่อยแล้ว ฮีโระพาฉันไปเดินเล่นตลาดที่อยู่ห่างออกไปเกือบกิโล เขาบอกฉันว่าเขาดูในทีวีและว่ากันว่าถ้าหากใครมาถึงที่นี่แล้วไม่ได้มาเดินตลาดแห่งนี้ก็เหมือนมาเสียเที่ยว
พวกเราจึงค่อยๆเดินไปจนถึงตลาด ซึ่งตลาดแห่งนี้จะขายของสำหรับคนที่มีความหวังและความรัก ไม่จำกัดว่าจะต้องเป็นความรักแบบคู่รักเท่านั้น มีของที่ขายสำหรับเป็นของขวัญให้เพื่อน ให้คนรัก และให้คนในครอบครัว
“มีแต่ของที่น่าสนใจทั้งนั้นเลยนะ นั่นเสื้อคู่ กระเป๋าคู่ รองเท้าคู่ แก้วน้ำคู่ มีอะไรที่ผมจะซื้อได้บ้างน้า”
ฮีโระบ่นอุบอิบอยู่คนเดียว ดูเหมือนเขาจะอยากซื้ออะไรบางอย่าง แต่เพราะมันเป็นของที่ต้องใช้คู่กัน เขาเลยไม่กล้าซื้อ
“ฉันซื้อคู่กับฮีโระก็ได้นะ ถ้ามีของที่อย่างได้น่ะ” ฉันบอกกับเขา
“ไม่เป็นไร ดูเหมือนจะยังไม่เจอของที่อยากได้” *-* เขาทำหน้าเหรอหรา แต่ฉันว่าเขามีบางอย่างที่อยากได้แน่นอน เมื่อเดินไปได้สักพัก ฉันก็เจอกับร้านที่ขายพวงกุญแจเล็กๆเป็นของกระจุ๋มกระจิ๋ม ในระหว่างที่ฉันกำลังเลือกอยู่นั้น
“ฮีโระว่าอันนี้น่ารักไหม” ฉันพูดและยื่นพวงกุญแจอันหนึ่งหมายจะให้ฮีโระดู แต่ปรากฏว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ ฉันว่าเขาต้องแอบไปซื้อของบางอย่างที่อยากได้และไม่อยากให้ฉันรู้แน่นอน
“เอาสามอันนี้ค่ะ” ^^
ฉันยื่นพวงกุญแจที่เลือกเสร็จให้กับคนขายและบอกให้เขาแยกใส่ถุงกระดาษใบเล็กๆให้ พวงกุญแจสามอันที่ฉันซื้อฉันตั้งใจที่จะให้ รุ่นพี่ (ซื้อไปก่อน หวังว่าสักวันนึงจะมีความกล้าพอที่จะยื่นให้ด้วยตัวเอง) ฮีโระ และมากิ พวกเขาทั้งสามต่างก็เป็นคนที่ฉันนึกถึงเสมอ
พวงกุญแจของรุ่นพี่เป็นรูปร่มอันเล็กๆ ของมากิเป็นรูปหน้าผู้หญิงหน้าตาร่าเริง ส่วนของฮีโระเป็นรูปหูฟังที่บังเอิญมีสีฟ้าเหมือนกับของเขาพอดี ฉันเก็บพวงกุญแจทั้งสามอันไว้ในกระเป๋าก่อนที่ฮีโระจะกลับมาทัน
“ไปไหนมาเหรอ ฮีโระ” *O*
“หลงทางน่ะ อยู่ดีๆฮารุก็เดินเร็วขึ้นจนผมเดินตามแทบไม่ทัน” - -“
“แน่ใจนะ ว่าไม่ได้ไปแอบซื้ออะไรคนเดียว”
“ไม่มีเลย ฮะๆ”
ดูท่าจะจริง เขายกมือทั้งสองให้ฉันดูว่าเขาไม่ได้ของอะไรมาเลยสักอย่าง หลังจากที่พวกเราแวะทานบะหมี่เสร็จก็ขึ้นรถกลับทันที ฉันไม่รู้ว่าเพราะบะหมี่สองถ้วยกำลังอืดอยู่ในท้องของฮีโระหรือว่าเพราะสายตาของวัยรุ่นผู้หญิงกลุ่มหนึ่งที่นั่งด้านหลังสุดที่เอาแต่จ้องฮีโระที่นั่งอยู่แถวหน้ากันแน่ เขาถึงได้บ่นว่าง่วงหลังจากขึ้นรถได้ไม่ถึง 5 นาทีแบบนี้ ฉันมองฮีโระที่นอนหลับในขณะยังใส่หูฟังอยู่
“ฟังเพลงอะไรอยู่นะ” ฉันเริ่มสงสัยขึ้นมาว่าเพลงที่เขาฟังจะเป็นเพลงนี้แบบไหนกันนะ ฉันค่อยๆแอบเอาหูฟังออกจากหูของเขา แต่ก่อนที่ฉันจะได้ฟัง
หมับ... มือของเขาจับมือของฉันไว้
“เพลงนี้มันไม่น่าฟังหรอก อย่าฟังเลย”
ว่าแล้วเขาก็แย่งหูฟังไปจากมือของฉันและใส่กลับไปที่หูของตัวเองเหมือนเดิม
“คนใจร้าย”
ฉันบ่นเขาในขณะที่ทำหน้าโกรธ ฮีโระขำออกมาเล็กน้อยก่อนที่จะหลับตาลง
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน 👈
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ...
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END
ติดตามอ่านตอนล่าสุดได้ที่เว็บไซต์ Dek-d.Com The secret of memory
The secret of memory : ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
ภาพประกอบ : http://meefreephoto.blogspot.com ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา สายตาของคนในโรงเรียนดูเหมือนจะเปลี่ยนไป แม้ว่าฉันกับรุ่นพี่จะไม่...