วันพฤหัสบดีที่ 4 มกราคม พ.ศ. 2561



“ที่จริงแล้วฉันไม่อยากเห็นเธอคนนั้นอ่อนแอ และไม่คิดว่าเธอยอมละทิ้งความตั้งใจง่ายๆแบบนั้น แต่ยังไงฉันก็ต้องขอให้เธอคนนั้นดูแลรุ่นพี่ด้วยนะคะ เธอเป็นคนเดียวที่สามารถดูแลรุ่นพี่และทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้จริงๆ แต่ถ้าวันไหน... เธอทำให้รุ่นพี่ต้องเสียใจละก็... ฉันจะไม่ยอมอยู่เฉยๆแน่นอน ยังไงก็ขอให้พวกเขามีความสุขด้วยนะคะ”

ทุกคนเริ่มฮือฮากันอีกครั้ง และต่างสงสัยว่าคนที่ซอลฟาพูดถึงนั้นเป็นใคร ไฟในหอประชุมยังคงมืดสนิทและสว่างเพียงด้านบนเวทีตรงที่ซอลฟายืนอยู่เท่านั้น ซอลฟามองมาที่ฉันและเธอก็ส่งรอยยิ้มให้ฉัน เธอหมายถึงฉันจริงๆอย่างนั้นเหรอ ฉันยังคงอึ้งกับสิ่งที่ได้ยิน นี่มันหมายความว่ายังไงกันนะ แล้วฉันจะต้องทำอะไรต่อไปยังงั้นเหรอ ในตอนนั้นก็มีมือๆหนึ่งจากด้านขวามาจับมือของฉันไว้

“ไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ก็แค่ทำตามที่หัวใจต้องการ”

ฮีโระหันมายิ้มและจับมือฉันไว้ ฉันหันไปมองรุ่นพี่ที่ด้านข้าง แต่ว่าเขาก็ไม่อยู่แล้ว...

“เอาล่ะค่ะ ตอนนี้มีเซอร์ไพรสุดพิเศษอีกอันนึงที่ฉันได้เตรียมเอาไว้ให้สำหรับทุกท่านที่นั่งอยู่ตรงนี้ด้วยนะคะ ลองจับดูที่ข้างหลังเบาะพิงของทุกท่านดูนะคะ จะมีกล่องอยู่ 2 ใบ แต่... ก่อนที่จะทำอะไรนั้นฉันอยากจะให้ทุกคนอธิษฐานในสิ่งที่ทุกคนคาดหวังก่อน แล้วค่อยเลือกนะคะ ในสองกล่องนั่นจะมีหัวใจสีชมพูกับหัวใจสีดำอยู่ในกล่อง หากใครที่เลือกได้กล่องที่หัวใจสีชมพู แสดงว่าคำอธิษฐานของคุณจะสมหวังค่ะ มาอธิษฐานพร้อมกันนะคะ”

ซอลฟายกมือขึ้นมากุม ฉันไม่รู้ว่าเธอกำลังอธิษฐานว่าอะไร แต่เมื่อมองไปข้างๆคนในหอประชุมก็กำลังทำเช่นเดียวกัน คงมีแต่ฉันที่กำลังสับสนและไม่รู้ว่าจะขออะไรดี และไม่รู้ว่าควรจะทำอะไรดีด้วย หลังจากที่ทุกคนอธิษฐานเสร็จพวกเขาก็เลือกกล่องเพียงหนึ่งกล่องแล้วก็เปิดมัน

“เฮ้ย เหลือเชื่อฉันได้สีชมพูด้วยแหละ”

“จริงเหรอเนี่ยฉันก็ได้สีชมพูด้วยแหละ”

ทุคนต่างฮือฮาเพราะพวกเขาต่างก็จับได้หัวใจสีชมพู ฮีโระยื่นมันมาให้ฉันดู เขาเองก็ได้สีชมพูเช่นเดียวกัน มันเป็นพวงกุญแจสีชมพูที่เมื่อกดปุ่มเปิดจะมีไฟเรืองแสงออกมา เห็นเป็นแสงสีชมพูระยิบระยับ

“ฉันหวังว่าทุกคนจะสมหวังในสิ่งที่อธิษฐานไว้นะคะ และสำหรับเพลงสุดท้ายสำหรับวันนี้... เป็นเพลงชื่อว่า คำอธิษฐานค่ะ ขอให้ทุกคนมีความสุขกับเสียงเพลงของฉัน และขอขอบคุณทุกๆท่านที่ให้โอกาสฉันมายืนที่ตรงนี้ด้วยนะคะ ถ้าหากฉันได้ทำอะไรที่ผิดไป ก็ต้องขอโทษมา ณ โอกาศนี้ด้วยค่ะ”

เสียงกีต้าร์ของซอลฟาเริ่มบรรเลงขึ้นมา ทุกคนต่างกดเปิดไฟจากพวงกุญแจหัวใจสีชมพูขึ้นมาชูและโยกตามเสียงดนตรีอันไพเราะของเธอ จู่ๆรุ่นพี่ที่หายไปก็เดินออกมาจากด้านหลังเวที รุ่นพี่เซอร์ไพรส์เธอด้วยการเดินเข้าไปหาแล้วมอบช่อดอกกุหลาบสีขาวให้กับเธอ แล้วข้างบนเวทีก็มีกลีบดอกกุหลาบสีขาวหล่นมาจากเบื้องบน เป็นภาพที่ทุกคนต่างก็ร้องว้าวขึ้นมาอีกครั้ง

“อิจฉาเขาละสิ”

ฮีโระหันมากระซิบบอกฉัน ฉันได้แต่ยิ้มและก็ชูหัวใจสีชมพูตามเพลงของซอลฟา ฉันเห็นเธอยิ้มและดูเหมือนว่ารุ่นพี่ก็มีความสุขเช่นกัน หลังจากมอบดอกกุหลาบให้ซอลฟา เขายืนอยู่ด้านหลังของเธอแล้วชูหัวใจสีชมพูตางเสียงเพลงของเธอเช่นกัน หลังจากที่เพลงจบทุกคนต่างโฮ่ร้องและปรมมือจนเสียงดังสนั่น ซอลฟากล่าวขอบคุณแล้วผ้าม่านก็ค่อยๆปิดลง

ทุกคนลุกขึ้นแล้วปรมมือให้กับคอนเสิร์ตที่เพิ่งจบลงและทยอยกันออกไปจากหอประชุม

“ยังไม่กลับอีกเหรอ”

“อ่อ ฉันอยากเจอซอลฟาก่อนน่ะ”

“เอางั้นเหรอ ก็ดีนะ”

ฮีโระกลับมานั่งลงที่เก้าอี้เหมือนเดิม และมือที่ไม่อยู่นิ่งของเขาก็เล่นนู่นนี่ เปิดกล่องของขวัญอีกใบเข้า

“ฮะ หลอกกันซะจนเนียนเลยนะเนี่ย”

ฮีโระหัวเราะชอบใจกับหัวใจในกล่องอีกใบ มันไม่ใช่หัวใจสีดำหรอก หากแต่มันก็เป็นกล่องที่มีหัวใจสีชมพูเหมือนกัน นี่สินะที่บอกไว้ว่าจะทำให้ทุกคนกลับบ้านด้วยหัวใจที่อบอุ่นน่ะ

“นั่นน่ะ ฉันทำพิเศษเพื่อรุ่นพี่คนเดียวเลยนะคะ”

เสียงใครบางคนพูด และเดินเข้ามาใกล้พวกเรา ซอลฟาเดินมาพร้อมกับช่อดอกไม้ที่รุ่นพี่ให้เธอเมื่อครู่นี้

“เฮ้... ทำไมต้องเฉพาะของฉันด้วยล่ะเนี่ย”

“เพราะฉันอยากให้รุ่นพี่สมหวังยังไงล่ะคะ”

ซอลฟายิ้มให้กับฮีโระ ก่อนที่จะหันมาพูดกับฉัน

“รุ่นพี่ฮารุคงได้ยินที่ฉันพูดในคอนเสิร์ตแล้วนะคะ ฉันหวังว่ารุ่นพี่จะดูแลพี่ชินได้ ถ้าไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ปล่อยพี่ไว้แน่ๆ”

“นี่เธอหมายความว่ายังไง”

“พีชินน่ะ ชอบรุ่นพี่มาตลอด และก็ชอบรุ่นพี่แค่เพียงคนเดียว หรือจะพูดให้ชัดเจนกว่านั้นก็คือ ระหว่างที่เขามาคบกับฉัน ก็เพราะเขาไม่อยากให้ฉันไปรังแกพี่ยังไงล่ะ เขามาเพราะเขาอยากปกป้องพี่ จากคนแย่ๆอย่างฉัน”

ซอลฟาพยายามฝืนยิ้ม ก่อนที่จะปาดน้ำตาที่ค่อยๆไหลของเธอ

“แต่ถึงแม้ว่าจะเป็นแบบนั้น แต่ก็ใช่ว่าฉันจะชอบรุ่นพี่หรอกนะคะ อย่าเข้าใจผิดล่ะ”

ซอลฟาพูดทิ้งท้ายก่อนที่เธอจะเดินจากไป ฉันจึงดึงแขนของเธอเอา

“ฉันว่าเราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้นะ และฉันก็คิดว่าเธอก็สนุกเวลาที่เราได้อยู่ด้วยกันจริงไหม”

ซอลฟาไม่ตอบฉัน เธอหยุดนิ่งอยู่กับที่ และแล้วหยดน้ำตาก็พรั่งพรูบนใบหน้าขาดซีดของเธอ ฉันจึงโอบกอดเธอไว้จากด้านหลัง

“ฉันรู้ว่าฉันไม่มีสิทธิ์ที่จะร้องขอให้เธอคืนดีกับฉัน และก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะขอบคุณสำหรับทุกอย่างในวันนี้ แต่ว่าฉันก็อยากบอกจากใจจริงของฉันว่า... ฉันเคยคิดนะว่าฉันไม่ชอบเธอ แต่ว่าใจของฉันมันรับรู้ได้ว่า... เธอไม่ใช่คนที่ไม่ดีหรอก เพียงแต่ว่า... เพราะเธอชอบรุ่นพี่มากและไม่อยากให้ใครเอาใครไป ฉันเข้าใจนะ ฉันเข้าใจเธอจริงๆ”

ซอลฟาค่อยๆหันมาหาฉันอยากช้าเธอปาดน้ำตา

“ถ้ายังงั้น... รุ่นพี่ก็ไปหาพี่ชินซะ พาพี่ชินคนเดิมกลับมาให้ได้ อย่าให้เขาต้องทุกข์ใจ อย่าให้เขาฝืนยิ้มเหมือนกับตอนที่ต้องอยู่กับ รุ่นพี่จะต้องทำให้ได้นะคะ ฉันขอร้อง”

ฉันทำได้เพียงพยักหน้าให้กับซอลฟาเบาๆ แม้ว่าในใจจะหวั่นว่าจะทำได้จริงไหม แต่ด้วยความจริงใจแล้ว ฉันก็อยากจะทำแบบนั้นให้ได้เหมือนกัน ซอลฟาเดินออกไปจากหอประชุมแล้ว ตอนนี้ทั้งฉัน ฮีโระ และมุนอาก็กำลังเดินกลับบ้านเช่นกัน

“เฮ้อ ดูๆไปก็ไม่ได้ร้ายกาจเหมือนที่คิดเอาไว้เลยแฮะ นึกว่าจะได้เห็นอะไรที่แซ่บกว่านี้ซะอีก แต่กลายเป็นว่า... ยัยนั่นดูน่าสงสารขึ้นมาซะงั้น”

“ไม่มีใครอยากจะทำตัวเป็นคนไม่ดีหรอกน่า”

“แต่ตอนนี้... ฉันน่ะนะ โล่งอกขึ้นตั้งเยอะเลp ขนาดฉันไม่ใช่ฮารุนะ ในที่สุดความรักระหว่างเธอกับรุ่นพี่ก็หมดอุปสรรคสักที”

มุนอาพูดในขณะที่พวกเรากลับบ้านพร้อมกัน วันนี้อาจจะดูแปลกหน่อยที่พวกเราได้เดินกลับบ้านพร้อมกันสามคน เพราะกว่าจะเลิกคอนเสิร์ตก็ดึกมากแล้ว รถที่มุนอาจะขึ้นกลับบ้านก็ไม่มีแล้วด้วย ฉันก็เลยให้เธอมานอนที่บ้านฉันก่อน

“แล้วฮารุล่ะรู้สึกยังไงบ้าง”

มุนอาถามฉันในขณะที่เดินมาด้วยกัน ส่วนฮีโระก็ได้แต่เดินตามหลังมาเงียบๆ

“ไม่รู้สิ เฮ้อ... ที่จริงในหัวของฉันในตอนนี้ยังไม่ได้คิดอะไรไว้เลย ถึงแม้ว่าซอลฟาจะพูดแบบนั้น แต่ฉันก็ยังไม่รู้ว่าทุกอย่างมันจะง่ายแบบนั้นไหม แต่ฉันก็คงต้องลองดูสักครั้งละมั้ง”

“โอเค ดีมาก ต้องให้ได้ยังงั้นสิ สู้ๆ ว่าแต่... พวกเธอได้เดินกลับบ้านด้วยกันแบบนี้ทุกวันเลยเหรอ ดูโรแมนติกชะมัด”

มุนอามองดูรอบๆก่อนจะหันหน้ามามองฉันและฮีโระสลับกันไปมา

“โรแมนติกตรงไหนกัน!!!”

“โอ๊ะ ก็แค่พูดเล่น ทำไมสองคนต้องพูดพร้อมกัน แถมยังหน้าแดงด้วยละ มีอะไรกันหรือล่าวเนี่ย ฮะ”

ฉันกับฮีโระหันไปมองหน้ากัน ฉันว่าหน้าของฮีโระดูเหมือนกันจะแดงจริงๆด้วยแหละ แล้วเราทั้งสองคนก็หัวเราะ ก่อนจะบอกไปว่าไม่ได้คิดอะไร แล้วเราก็เดินมาถึงหน้าบ้านของฉัน ฮีโระโบกมือให้ก่อนจะเดินเข้าบ้านของเขาเช่นกัน

นี่เป็นครั้งแรกที่มุนอาได้มาที่บ้านของฉัน

“ว้าว บ้านของเธอน่ารักจังเลย แถมห้องนอนนี่ก็เยี่ยมไปเลย รู้ไหมว่าที่มันดีที่สุดของห้องนี้คืออะไร”

“อะไรเหรอ”

ฉันถามมุนอาในขณะที่เธอกระโดดขึ้นไปนั่งบนเตียงนอนแล้วมองออกไปข้างนอกหน้าต่าง

“ดีที่สุดก็ตรงนี้ไง เธอคงได้มองเห็นฮีโระได้ตลอดเวลาเลยสินะ น่าอิจฉาชะมัด ถ้าฉันไม่คิดถึงรุ่นพี่อินซาซะก่อน ฉันว่าฮีโระนี่ล่ะใช่ที่สุดละ”

มุนอายังคงเคลิ้มต่อไป และแล้วเธอก็เหลือบไปเห็นบอร์ดในห้องของฉัน

“นั่นเป็นภาพของเธอตอนเด็กๆเหรอ”

“อื้ม ตอนฉันอยู่ประถมน่ะ”

“น่ารักจังเลย แล้วเด็กผู้ชายคนนี้ใครเนี่ยที่ถือไอศครีมอยู่ในมือเนี่ย”

“อืม... นั่นสิ จำไม่ได้แหะ ที่จริงฉันจำเพื่อนสมัยเรียนประถมไม่ได้เลยสักคน รูปนี้ก็น่าจะประมาณป.4 ป.5 ได้มั้ง”

“อ๋า เสียดายจังเลย นี่ถ้าจำได้นะ ไม่แน่เธออาจจะมีโอกาสได้เจอเขาอีกครั้งก็ได้ ออกจะน่ารักดูสิ ฉันว่าโตมาเขาน่าจะหล่อๆมากเลยแหละ เสียดาย”

ฉันได้แต่หัวเราะกับความคิดของมุนอา บางทีก็เหมือนเป็นเรื่องที่ยังค้างคาใจของฉันเหมือนกัน ทำไมฉันถึงจำอะไรไม่ได้เลยนะ แต่ก่อนที่วันพรุ่งนี้เราจะตื่นสาย ฉันกับมุนอาก็ต้องรีบอาบน้ำและเข้านอน สักวันฉันคงจะจำมันขึ้นมาได้เองแหละมั้ง



เช้าวันรุ่งขึ้นมาถึง ฉัน มุนอา และฮีโระเดินมาโรงเรียนพร้อมกัน และระหว่างเข้าโรงเรียน พวกเราก็เจอรุ่นพี่ที่หน้าประตูด้วย แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้มองหน้าฉัน เราสามคนเดินขึ้นตึกมาพร้อมกันและระหว่างที่กำลังเดินขึ้นบันไดนั้นก็สวนทางกับแชวอนเข้าพอดี

“เอาไงต่อละเราอ่ะ”

แชวอนถามฉัน ทำเอาฉันทำหน้าไม่ถูก

“ไม่รู้สิ”

“โอกาสน่ะ ไม่ได้จะมาหาง่ายๆน่ะ รีบคว้าไว้ก่อนที่มันจะผ่านไป”

“เมื่อวาน พวกเธอก็คงอยู่ในงานคอนเสิร์ตด้วยใช่มั้ย”

“ก็... แค่คิดว่าจะมีเรื่องอะไรสนุกๆ แต่ก็... โอเคอ่ะนะ อ่อ ว่าแต่เธอรู้หรือยังว่ายัยนักดนตรีนั่นน่ะ วันนี้มาลาออกแล้วนะ”

แชวอนพูดเสร็จก็เดินผ่านไป มุนอาตะโกนใส่แชวอนก่อนที่พวกเขาจะไป

“อิจฉาเพื่อนฉันละสิ พวกเธออ่ะ”

“รอให้เพื่อนเธอผ่านมันไปให้ได้ก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดประโยคนี้กับฉัน ยัยกระต๊าก”

“ยัยกระต๊ากเหรอ หมายความว่าไงห๊ะยัยล่ำ”

มุนอาตะโกนใส่พวกแชวอนอีกครั้ง พวกเธอแค่หัวเราะแล้วก็เดินจากไป ซอลฟาลาออกแล้วเหรอ

“เดี๋ยวฉันไปถามรุ่นพี่อินซาเอง”

มุนอาปลีกตัวออกไปจากกลุ่ม ไม่นานเธอก็กลับมาพร้อมกับคำตอบที่ฉันอยากรู้

“ไปแล้วล่ะ เห็นว่าต้องรีบไปน่ะ น่าแปลกนะ แต่ก็ดี จะได้ไม่ต้องเบื่อเวลาเจอหน้าอีก”

เธอลาออกไปแล้วยังงั้นเหรอ มีอะไรกันนะ แต่เมื่อวานฉันก็รู้สึกแปลกๆเหมือนกัน เธอพูดเหมือนเธอจะไปไหนสักที และฝากฝังให้ฉันดูแลรุ่นพี่ให้ดี แม้ว่าฉันจะรับปากเธอไปแล้ว แต่ฉันก็ยังไม่แน่ใจหรอกว่าฉันจะเป็นคนที่ทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้จริงๆ

ตอนเย็นของวันนั้น ฉันเดินเข้าไปในโรงยิมและนั่งดูอยู่บนสแตนด์เชียร์ที่ไม่ได้มานาน รุ่นพี่กำลังซ้อมบาสอย่างแข็งขัน แต่ว่าเขาก็ไม่ได้สนใจฉันแม้แต่น้อย จนการซ้อมจบลง รุ่นพี่เก็บของและเดินขึ้นมาบนสแตนด์

“คุยกับฉันสักแปบได้มั้ยคะ”

ฉันทักรุ่นพี่ก่อนที่จะเดินออกจากโรงยิม รุ่นพี่ไม่ตอบอะไร แต่ฉันรู้ว่าเขากำลังฟังฉันอยู่

“ฉันไม่รู้หรอกนะคะว่าสิ่งที่ฉันควรจะทำคืออะไร ควรเจอกับรุ่นพี่ต่อดีไหม ตอนนี้ฉันเองก็สับสนมากเหมือนกัน แต่ไม่ว่ามันควรจะเป็นยังไง สิ่งที่ฉันหวังไว้จริงๆก็แค่... อยากให้รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิม คนที่ยังยิ้มและสดใสอยู่ตลอดเวลา ฉันก็ไม่รู้หรอกนะคะว่าฉันจะเป็นคนที่ทำให้รุ่นพี่มีความสุขได้ไหม แต่ต่อให้ตอนนี้ฉันจะทำได้เพียงแค่แอบมองรุ่นพี่อยู่ฝ่ายเดียวฉันก็จะยอมรับมันค่ะ เพราะรอยยิ้มของรุ่นพี่มันมีค่าสำหรับฉันและทุกๆคนที่ชอบรุ่นพี่มาก ได้โปรดกลับมาเป็นคนเดิมเถอะนะคะ อย่าเป็นแบบนี้อีกเลย”

ฉันพูดความในใจทั้งหมดออกไป แม้คำตอบของมันจะน่ากลัวกับฉันมากก็ตาม แต่ตอนนี้ฉันก็พร้อมที่จะรับมันแล้ว รุ่นพี่ยังคงไม่ได้พูดอะไรออกมา เขายืนหันหลังให้ฉันตั้งแต่ที่ฉันเรียกเขาไว้ .

“ฉันไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้พูดมันอีกครั้งไหม แต่ฉันอยากขอบคุณรุ่นพี่มากๆที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าครั้งหนึ่งความฝันของฉันได้เคยกลายมาเป็นความจริง และต่อจากนี้ฉันจะกลับมาสู่โลกความจริงของตัวเอง ช่วงเวลาที่ผ่านมายิ่งทำให้ฉันแน่ใจว่าฉัน...ชอบรุ่นพี่จริงๆและมันก็...เป็นความรู้สึกที่มากขึ้นทุกวันๆ ขอบคุณจริงๆค่ะ”

นี่อาจจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ฉันจะสามารถบอกความในใจให้รุ่นพี่ได้รับฟังได้ น้ำตาที่บอกไม่ถูกว่ามาจากความดีใจหรือเสียใจกำลังคลอเบ้าอยู่ ฉันพยายามครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อไม่ให้มันไหลออกมา หลายครั้งที่ฉันต้องทำเหมือนกับว่าฉันเข้มแข็งแต่ในวันนี้มันได้หายไป ความเงียบในตอนนี้ยิ่งทำให้ฉันอยากร้องไห้มากขึ้นไปอีก ตอนนี้ฉันทำได้เพียงแค่มองด้านหลังของรุ่นพี่เท่านั้น ฉันคิดว่าถ้าฉันพูดอะไรออกไปอีกแค่คำเดียวฉันคงกลั้นน้ำตาไม่ไหวอีกต่อไป

แต่จู่ๆ.....

รุ่นพี่ซึ่งหันหลังให้ฉันก็หันกลับมา เขาเดินเข้ามาหาฉันและ...กอดฉันไว้

“ขอโทษนะที่ผมดูแลฮารุไม่ได้เลย ผมรู้สึกละอายใจที่ทำให้ฮารุเจอแต่เรื่องแย่ๆ”

เพียงแค่คำพูดของรุ่นพี่แค่คำเดียว น้ำตาของฉันก็ไหลออกมาอย่างห้ามไม่ได้ ฉันไม่เคยคิดโทษใครในเรื่องราวต่างๆที่เกิดขึ้น แต่ฉันเพียงต้องการแค่...ใครสักคนที่ไม่ทิ้งฉันไปเท่านั้น รุ่นพี่กอดฉันไว้อย่างเนิ่นนาน เราทั้งคู่ไม่ได้พูดอะไรกันไปมากกว่านี้ แต่ฉันคิดว่ามีบางอย่างที่พวกเรารับรู้ร่วมกัน นั่นคือความรู้สึกของความห่วงใยของเราทั้งคู่ที่อยากทำเพื่อกันและกัน




ตะวันเริ่มลับขอบฟ้าแล้ว เราสองคนเดินอยู่บนทางเดินทางเดิมที่เคยเดินด้วยกัน ฉันไม่รู้ว่าจะพูดอะไรกับรุ่นพี่ดี เพราะความรู้สึกทั้งหมดของฉันได้พูดมันไปตอนที่อยู่โรงยิมแล้ว

“ผมรู้สึกแย่มากจริงๆที่ทำให้ฮารุต้องเจอเรื่องแย่ๆแบบนั้น และผมก็ดูแลฮารุไม่ได้ เรื่องของซอลฟาจริงๆแล้วผมรักเธอเหมือนน้องสาว แต่เมื่อยิ่งนับวันมันก็คงเป็นความผูกพันที่ทำให้เข้าใจผิด แต่ว่า... ผมก็รู้สึกผิดกับเธอมากเหมือนกัน เธอสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรง และวันนี้เธอก็ย้ายโรงเรียนแล้วไปรักษาตัวที่ต่างประเทศ ผมก็เพิ่งจะรู้จากอินซาเมื่อก่อนจะมีคอนเสิร์ตแค่ไม่กี่วัน สิ่งที่ผมทำให้ได้เธอก็มีแค่ความสงสารและความเศร้าเท่านั้นเอง”

“มิน่าช่วงหลังมานี้ฉันเห็นเธอหน้าซีด แต่ก็คิดว่าอาจจะเหนื่อยจากการเตรียมงาน เธอคงจะเศร้ามากแน่ๆเลย”

“ที่จริงแล้วผมอยากกลับมาหาฮารุนะ แม้ว่าซอลฟาจะบอกกับผมว่าเธอปล่อยผมไปแล้ว และอยากให้ผมมีความสุข แต่ผม... ก็ไม่อยากมีความสุข แล้วต้องทำให้คนอีกคนมีความทุกข์ แต่ว่า... ซอลฟาก็พยายามจะบอกผม...”

รุ่นพี่ยื่นอะไรบางอย่างให้ฉันดู เป็นจดหมายฉบับหนึ่ง

“ฉันอ่านมันได้เหรอคะ”

รุ่นพี่ยิ้มและยื่นมันมาให้ฉันอีกครั้ง ใจความในจดหมายทำให้ฉันรู้สึกตื้นตันใจ เพราะเธอมีความหวังดีอย่างเต็มเปี่ยมที่อยากจะให้รุ่นพี่มีความสุขในชีวิตจริงๆ

“ถึง... พี่ชิน คนรักที่ฉันแอบรักคนแรกและคนสุดท้าย

พี่จะทำหน้าเศร้าแบบนี้ไปถึงเมื่อไหร่กันคะ ฉันไม่ได้ชอบพี่ตอนที่พี่ทำหน้าเศร้าแบบนี้นะ

ยิ้มสิคะ เวลาฉันเห็นพี่ยิ้ม ฉันมักจะใจละลายทุกที

แล้วก็...ปฏิเสธสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบบ้าง อย่าทำอะไรเพื่อคนอื่นโดยไม่คิดถึงตัวเอง

เห็นพี่เจ็บปวด ฉันก็เจ็บปวดไปกับพี่ด้วยนะ

ครั้งนี้ฉันจะปล่อยพี่ไปแล้ว พี่ก็อย่าหลงคิดตัวเองว่าพี่จะเป็นอิสระล่ะ

ถ้าหากว่าวันไหน ฉันได้รู้ว่าพี่ไม่มีความสุขอีกละก็ ฉันจะกลับมาป่วนชีวิตของพี่อีกแน่

แล้วก็... สำหรับคนที่พี่ชอบน่ะ ฉันอิจฉาชะมัดเลย จากใจจริงนะคะ

แต่ว่ายังไง ก็อย่ามัวรอช้านักละ มีใครบางคนที่เขาอาจจะแย่งคนๆนั้นไปจากพี่ได้ตลอดเวลา ระวังเขาไว้ให้ดี

สุดท้ายจริงๆแล้ว หลังจากอ่านจมหมายฉบับนี้แล้ว ฉันคงไม่ได้กลับมาเจอพี่อีกนาน

พี่ต้องดูแลตัวเอง และดูแลคนที่พี่รักดีๆนะคะ ถ้าฉันกลับมา ฉันต้องเห็นนะว่าพี่กำลังยิ้มและกำลังมีความสุข

และขอย้ำอีกครั้งนะคะ ห้ามเด็ดขาด ห้ามโทษตัวเองและห้ามรู้สึกผิดต่อฉัน

ถ้าพี่อยากให้ฉันสบายใจ พี่ต้องมีความสุขเท่านั้น เพราะสิ่งเดียวที่จะทำให้ฉันมีความสุขได้ ก็คือ...

การได้เห็นว่าพี่มีความสุขค่ะ รักพี่นะคะ”

ความหวังดีของซอลฟาที่มีต่อรุ่นพี่ มันเป็นอะไรที่สวยงามเกินกว่าที่ฉันจะคิดได้

“ผมคงต้องรักษาสัญญา และทำให้มีความสุขเหมือนกับที่เธอบอกไว้ในจดหมายใช่ไหม”

รุ่นพี่ยิ้มให้ฉันก่อนที่จะยื่นมือมาให้ฉันจับมือของเขาไว้

“ขอโทษนะที่ทำให้ฮารุต้องร้องไห้”

“แค่วันนี้รุ่นพี่กลับมาเป็นคนเดิมฉันก็รู้สึกว่าไม่มีอะไรที่จะดีไปมากกว่านี้แล้วล่ะค่ะ แล้วก็ฉันเองก็ต้องดูแลรุ่นพี่ดีๆเหมือนกับที่ซอลฟาขอร้องไว้เหมือนกัน เพราะไม่ยังงั้นเธอจะต้องกลับมาว่าฉันอีกแน่ๆ”

“แล้วเรื่องที่ตาบวมไปโรงเรียนละ มันโอเคไหม”

“รุ่นพี่เห็นด้วยเหรออออคะ” = =

“ผมบอกแล้วไงว่า...ไม่ว่าผมจะมองไปทางไหนก็เจอแต่ฮารุตลอดเลย”

“หน้าฉันคงดูแย่มากๆเลยใช่มั้ยคะเนี่ย”

ฉันใช้มือสองข้างปิดตาตัวเองไว้ ตาบวมๆของฉันมันคงยิ่งพาให้หน้าของฉันดูจืดชืดเหมือนที่พวกแชวอนว่าไว้

“แต่ไม่ว่าหน้าตาฮารุจะเป็นไง ผมก็รู้สึกว่าชอบฮารุ ชอบฮารุ และชอบฮารุมากขึ้นอยู่ดี”

รุ่นพี่พูดออกมาตอนที่ฉันปิดตาไว้ ฉันเลยไม่ทันได้เห็นว่าหน้ารุ่นพี่ตอนพูดแบบนี้จะเป็นยังไง ตอนนี้ฉันเห็นเพียงแค่เขามองไปที่บนท้องฟ้าเท่านั้น

“ฉันก็ชอบรุ่นพี่ ชอบรุ่นพี่ และชอบรุ่นพีมากขึ้นเหมือนกันค่ะ”

“เลียนแบบเหรอเรา”

รุ่นพี่ใช้มือใหญ่ของเขาจับหัวฉันเบาๆ เราจับมือกันกลับบ้านอย่างเขินๆ ครั้งแล้วครั้งเล่าที่คิดว่ามันเหมือนความฝัน ขอให้สิ่งเหล่านี้อยู่กับพวกเราไปนานๆนะคะ ขอบคุณเธอ “ซอลฟา” ตั้งแต่ครั้งแรกฉันคิดว่าเธอคือเพื่อนที่ดีของฉัน แม้ว่าพวกเราจะมีช่วงเวลาที่ไม่ค่อยดีต่อกันนัก แต่ในอนาคตฉันก็หวังว่าพวกเราจะสามารถนั่งพูดคุยและหัวเราะด้วยกันได้จริงๆ ขอให้เธอหายไวๆนะ และขอบคุณอีกครั้งที่ส่งรุ่นพี่มาให้ฉัน ขอบคุณจริงๆ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 20 - ความจริงแล้ว...

“ที่จริงแล้วฉันไม่อยากเห็นเธอคนนั้นอ่อนแอ และไม่คิดว่าเธอยอมละทิ้งความตั้งใจง่ายๆแบบนั้น แต่ยังไงฉันก็ต้องขอให้เธอคนนั้นดูแลรุ่นพี่ด้วยนะค...

วันพุธที่ 3 มกราคม พ.ศ. 2561



ในตอนเย็นขอวันนั้น หลังจากที่ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว ทั้งฉันและฮีโระ เดินไปส่งมุนอาที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่เธอขึ้นรถไปแล้ว พวกเราก็ได้เจอกับรุ่นพี่ที่เดินสวนมาพอดี โชคดีที่ฮีโระรีบทักทายรุ่นพี่ก่อนที่ความอึดอัดระหว่างพวกเราจะครอบงำ

“โอ๊ะ รุ่นพี่กำลังจะไปไหนเหรอครับ ไม่ได้ซ้อมบาสหรอกเหรอครับวันนี้ โห ของกินเพียบยังกับจะมีปาตี้เลยนะครับ”

ฉันเหลือบมองไปในมือของรุ่นพี่ เขาหิ้วถุงขนม น้ำ และผลไม้มากมายอยู่ในมือ

“อ่อ พอดีวันนี้หยุดซ้อมน่ะ พรุ่งนี้ซอลฟาจะมีคอนเสิร์ต เขาก็คงจะเหนื่อยกับการเตรียมงานมาก ก็เลยอย่างที่เห็นนี่ล่ะ”

“อ่อ พวกผมก็ได้บัตรด้วยนะ ยังไงพรุ่งนี้เจอกันที่คอนเสิร์ตนะครับรุ่นพี่”

“อ่อ เหรอ”

รุ่นพี่ทำท่าแปลกใจเล็กน้อย และเดินจากไป หลังจากที่พวกเราเดินออกมาได้สักพัก ฮีโระก็ถามฉันบางอย่างกับฉัน

“กับรุ่นพี่นะ ตอนนี้รู้สึกยังไงบ้าง”

ฮีโระเอามือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงหลังจากที่ถามฉัน

“อืม... ตอนนี้รู้สึกยังไงกับรุ่นพี่น่ะเหรอ ถ้าจะให้พูดมันก็น่าเขินอยู่หรอกนะ และอาจจะฟังดูไม่ดี แต่ว่า... ไม่ว่ายังไงฉันก็ยังชอบเขาอยู่ดี เพียงแต่ว่า... บางครั้งความรักที่จริงใจก็อาจจะไม่ต้องสมหวังตลอดไปนี่นะ ฮะๆๆ”

ฉันพูดออกมาพร้อมกับตลกตัวเองเล็กน้อย ที่จริงก็อายนะที่ต้องพูดแบบนี้ต่อหน้าฮีโระ แต่มันก็เป็นความจริงที่ฉันต้องยอมรับและอยู่กับมันให้ได้

“ว้าว เดี๋ยวนี้ฮารุของเรา โตเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมากเลยนะเนี่ย”

ฮีโระ ดึงมือข้างหนึ่งของเขาออกจากกระเป๋ากางเกงและมาขยี้หัวของฉันจนยุ่ง

และหลังจากนั้นพวกเราก็ต่างแยกย้ายกันเข้าบ้านของตัวเอง ฉันแอบตื่นเต้นเล็กน้อยกับงานคอนเสิร์ตของซอลฟาที่จะมีขึ้นในวันพรุ่งนี้ รู้สึกเหมือนจะมีอะไรบางอย่างที่พิเศษรออยู่ แต่ว่ามันคืออะไรกันนะ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องร้ายหรือเรื่องดี ฉันก็พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับมันแล้วล่ะ ฉันต้องสู้ ฉันต้องเข้มแข็ง

Hero Message : Strong Strong เข้มแข็งไว้นะฮารุ

ราวกับว่าเขาจะรู้ว่าฉันต้องการกำลังใจ ฉันแอบแง้มผ้าม่านจากหน้าต่างสอดสายตาไปยังบ้านฝั่งตรงข้าม ฮีโระยกมือขึ้นไฟท์ติ้งให้ฉันหนึ่งครั้งก่อนที่เขาจะหยิบหูฟังขึ้นมาใส่อีกครั้ง

........................................................................................................................................................................................................................

เช้าตรู่ของวันรุ่งขึ้น ฉันมาสามารถลืมตาตื่นขึ้นเองได้โดยไม่ต้องเพิ่งเสียงปลุกจากนาฬิกาของฮีโระ นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าฉันรู้สึกตื่นเต้นกับคอนเสิร์ตที่จะจัดขึ้นในตอนเย็นของวันนี้มาก

“สวัสดีครับ คุณท้องฟ้า วันนี้น่ารัก สดใสจังเลยนะครับ ว้าวว อากาศสดชื่นมากๆเลย ต้องเป็นวันที่ดีๆมากแน่ๆเลยใช่ไหมครับ”

“ออกมายืนคุยคนเดียวอีกแล้วนะฮีโระ”

ฉันเดินออกมาจากบ้าน ก็เจอฮีโระยืนบ่นพึมพำอยู่แบบนี้ประจำ ดูเหมือนว่าเขาจะคุยกับท้องฟ้าจนกลายเป็นกิจวัตรของเขาไปแล้ว

“คุยกับฉันก็ได้ คุยกับท้องฟ้าเขาจะตอบเธอยังไงกันล่ะ”

“ไม่ได้หรอก เพราะมันเป็นความลับระหว่างผมก็คุณท้องฟ้าน่ะ”

ว่าแล้วฮีโระก็เดินมาดึงกระเป๋าถือจากมือฉันไป เขาก็มักจะทำแบบนี้เป็นประจำเหมือนกัน มายืนรอฉันที่หน้าบ้านทุกๆเช้า ทักทายคุณท้องฟ้า ช่วยฉันถือกระเป๋าและหาเรื่องตลกๆมาเล่าให้ฉันฟังในตอนที่ฉันเครียด และซื้อไอศกรีมให้ฉันตอนที่ฉันรู้สึกเหมือนว่าอยากจะร้องไห้

ภายใต้เงาร่มไม้ที่เรียงรายทั้งสองด้านของทางเดิน เงาของคนสองคนได้เดินไปด้วยกัน ในตอนนั้นฉันไม่เคยคิดเลยว่าช่วงเวลาที่เป็นความสุขของพวกเรานั้น มักจะผ่านไปเร็วเสมอ

ในห้องเรียน ฉันหวังว่าคาบเรียนแต่ละคาบ จะผ่านไปอย่างรวดเร็ว แต่ว่ามันก็ไม่ได้เป็นอย่างนั้น เวลาค่อยๆผ่านไปอย่างช้าๆ จากคาบคณิต มาคาบประวัติศาสตร์ กว่าจะถึงเที่ยงฉันก็ง่วงจนแทบจะหลับได้เลยทีเดียว

“ฮารุ เธอคิดว่าคอนเสิร์ตวันนี้จะมีอะไรยังงั้นเหรอ”

“ไม่รู้สิ แต่ก็อยากให้ถึงหกโมงเย็นเร็วๆเหมือนกันนะ”

“ดูท่าทางเธอจะตื่นเต้นกับมันมากนะ เผื่อใจเอาไว้หน่อยแล้วกัน ยังไงฉันก็ไม่ได้เชื่อใจยัยนั่นร้อยเปอร์เซ็นหรอก”

มุนอาพูดในขณะที่มือก็ตักไอศกรีมเข้าปากทีละคำทีละคำ

“แต่เวลาที่เรารออะไรสักอย่าง ทำไมถึงได้รู้สึกว่าเวลามันเดินช้าจังเลยเน้าะ ฉันไม่เคยจะต้องมารออะไรที่เหนื่อยแบบนี้มาก่อนเลย”

“เวลาของคนที่รอ กับเวลาของคนที่ไม่ได้รอ ผมว่ามันต่างกันจริงๆนะ และการรอ มันก็เหนื่อยมากด้วย แต่คนบางคนก็ยังเลือกที่จะรอ เพราะก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้อีก นอกจากรออยู่ต่อไป”

ฮีโระพูด แล้วหันมายิ้มให้ฉัน ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าสิ่งทีเขาพูดออกมาคือสิ่งที่เขากำลังรู้สึก ว่าแต่เขากำลังรออะไรอยู่กันนะ

“ทำยังกับว่าตัวเองก็มีเรื่องที่ต้องรออยู่ ยังงั้นแหละฮีโระ”

มุนอาพูดสวนขึ้นมาหลังจากที่ฮีโระพูดจบ

“คนเราทุกคน ต่างก็มีเรื่องให้รอกันทั้งนั้น เหมือนตอนนี้ที่ฮารุรอเวลาให้ถึงงานคอนเสิร์ต มุนอาก็ยังรอรุ่นพี่อินซาคืนดี ส่วนผม จะรออะไรดีนะ...”

“เฮ้.... ทีเรื่องของตัวเองล่ะไม่เคยจะบอกกับคนอื่นบ้างเลย แต่ทีเรื่องของคนอื่นฮีโระกลับรู้ไปหมดทุกเรื่อง เล่าให้พวกเราฟังบ้างสิ อยู่ด้วยกันมากี่เดือนแล้ว เรื่องครอบครัว พ่อแม่ ญาติพี่น้อง เรื่องตอนเป็นเด็กหรืออะไรก็ได้น่ะ”

“ฮะๆๆ นั่นสินะ บางทีผมก็ไม่รู้ว่าจะเล่าเรื่องอะไรดี ไม่ค่อยมีเรื่องอะไรที่น่าสนใจหรอกมั้ง”

ฮีโระยิ้มแห้งๆออกมา ถ้าฉันพอเดาได้ เขาอาจจะไม่อยากจะพูดถึงเรื่องบางเรื่องก็ได้ ฉันจึงไม่อยากจะคะยั้นคะยอให้เขาต้องลำบากใจ

“แล้วนี่ก็จ้องฮีโระไม่กระพริบตาเลยนะ ฮารุ อย่าบอกว่าตอนนี้เปลี่ยนใจมาชอบฮีโระแล้ว ไม่ได้นะ”

“ห๊า ฉันเหรอ ปล่าวสักหน่อย ก็แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยนะ”

“เฮ้อ... ที่จริงผมก็แอบหวังให้เป็นเหมือนที่มุนอาคิดนะ แต่ว่ายังไงก็คงเป็นไปไม่ได้แหะ”

“ตลกแล้วฮีโระเนี่ย”

ฉันใช้มือตีไปที่ไหล่ของฮีโระเบา เขาหัวเราะและเอามือมาลูบหัวฉัน เหมือนกับว่าฉันเป็นเด็กๆ

“พวกเธอก็เป็นกันซะแบบนี้แหละ ป่านนี้คนอื่นเขาก็คงจะมองว่าพวกเธอน่ะกำลังคบกันไปหมดแล้วมั้ง ขนาดฉันรู้จักพวกเธอยังแอบคิดเลย”

“ไม่หรอกน่า”

ฉันพยายามบอกกับมุนอาไปอย่างนั้น แต่บางทีก็รู้สึกเหมือนหัวใจเต้นแรงโดยที่ไม่รู้ตัวเหมือนกันนะ บางทีฉันก็รู้สึกเหมือนหายใจไม่ค่อยออก เวลาที่คิดถึงเรื่องฮีโระ แต่ยังไงฉันก็ไม่ควรจะคิดมาก เพราะว่าพวกเราน่ะเป็นเพื่อนกันนะ

หลังจากคาบบ่ายที่แสนน่าเบื่อผ่านพ้นไปได้ ฉัน มุนอา และฮีโระ ก็รีบไปหน้างานเพื่อรอประตูหอประชุมเปิด ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่าแล้ว ผู้คนเริ่มมาออกันที่ประตู ดูเหมือนว่าบัตรของซอลฟาจะถูกขายหมดเกลี้ยง หอประชุมของโรงเรียนน่าจะจุคนได้ประมาณ 1000 จากจำนวนนักเรียนในโรงเรียนของพวกเรา 1500 คน มีคนจำนวน 2 ใน 3 ของทั้งหมดโรงเรียนมาในงานคอนเสิร์ตครั้งนี้ ฉันเคยคิดแค่ว่าซอลฟาเป็นนักดนตรีที่มีชื่อเสียงและหลายคนพูดถึง แต่ว่า... ฉันก็ไม่เคยคิดว่าเธอจะเป็นที่รู้จักและมีคนชอบเธอมากขนาดนี้

หลังจากที่ประตูหอประชุมเปิด ฉัน ฮีโระและมุนอาก็ตรงไปยังที่นั่งตามบัตรที่ซอลฟาให้พวกเรามา และไม่คิดเลยว่าเธอจะเลือกที่นั่งด้านหน้าสุดให้กับฉัน ตอนนี้ที่นั่ง A15 ซึ่งอยู่เกือบตรงกลางเป็นที่นั่งของฉัน และถัดมา A16 และ A17 เป็นที่นั่งของฮีโระและมุนอา ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาในหอประชุมและนั่งที่ของตนเองแล้ว ด้านบนของหอประชุม สตาร์ฟกำลังจัดแจงเตรียมและเช็คอุปกรณ์ต่างๆเพื่อความพร้อม ฉันเหลือบไปมองด้านของที่นั่งของฉัน A14 ยังคงว่างอยู่ แต่ถัดจากนั้นที่ A13 เป็นรุ่นพี่อินซา หรือว่า... ที่นั่งตรงนั้นจะ...

ยังไม่ทันที่ฉันจะคิดอะไรมากไปกว่านั้น รุ่นพี่อินซาก็หันมายิ้มให้กับฉัน

“ขอโทษแทนซอลฟาที่ทำอะไรหลายๆอย่างให้เธอไม่สบายใจด้วยนะ แต่ว่าที่ตรงนี้ในวันนี้ เป็นที่สำหรับพวกเธอจริงๆ”

รุ่นพี่อินซาพูดพร้อมกับหันหลังไปโบกมือให้ใครคนหนึ่งซึ่งกำลังเดินเข้ามา ฉันหันไปมองตามเสียงเรียกของรุนพี่อินซา

รุ่นพี่ชินกำลังเดินเข้ามาพร้อมกับช่อดอกไม้สีขาวช่อใหญ่ และมานั่งที่ตำแหน่งที่นั่ง A14

“ขอโทษทีนะ มาช้าไปหน่อย”

รุ่นพี่ชินหันไปพูดกับรุ่นพี่อินซา ก่อนที่จะหันกลับมามองฉันและไม่ได้พูดอะไรออกมา ตอนนี้ทุกคนมาพร้อมกันหมดแล้ว ประตูของหอประชุมได้ปิดลง และไฟในหอประชุมก็ถูกหรี่แสงลงช้าๆ ไม่นานนักที่เวทีและทั้งหอประชุมก็ถูกดับลงมือสนิท มีเพียงแสงของสปอตไลท์ที่ฉายมายังตรงกลาง ซอลฟาปรากฏตัวขึ้นที่กลางเวทีพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจของเธอและเก้าอี้ไม้หนึ่งตัว เสียงปรบมือต้อนรับการปรากฏตัวของซอลฟาได้เริ่มดังขึ้นเรื่อยๆ เธอยิ้มและทักทายผู้คนที่มาร่วมงาน

“สวัสดีค่ะทุกคน ขอต้อนรับทุกท่านเข้าสู่งานคอนเสิร์ตของซอลฟาในเย็นวันนี้นะคะ ฉันขอสัญญาว่าในเย็นวันนี้จะเป็นวันที่ทำให้ทุกท่านมีหัวใจที่อบอุ่นพกกลับบ้านกันไปทุกคนแน่นอนค่ะ และสำหรับเพลงแรกที่ฉันจะร้องให้กับทุกท่านได้ฟังในวันนี้นั้นฉันจะขอเริ่มที่เพลง ครั้งแรกค่ะ เป็นเพลงที่ฉันแต่งขึ้นเองและมันเกิดจากความรู้สึกของฉันจริงๆ มาลองรับฟังกันดูนะคะ”

เสียงปรบมือดังขึ้นทั่วหอประชุมอีกครั้ง เสียงดนตรีจากกีต้าร์ของซอลฟาดังขึ้นและเสียงอันไพเราะของเธอก็ตามมา

“ฉันไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมสายตาฉันจึงมีแต่เธอ

ครั้งแรกที่เราได้พบ สบตาครั้งนั้นที่เจอ

ก็บอกเสมอว่าคนนี้คือคนที่ใช่

แม้ว่าวันนี้ทุกอย่างเป็นไป และคนที่ใช่ของเธอไม่ใช่ฉัน

มันปวดร้าวต้องรู้ เพราะว่าเรายังใกล้กัน

แต่ทำไมใจของฉัน มันเจ็บปวดเพียงนี้

อยากให้บอกเธอให้รู้ ว่าทุกนาทีที่ฉันยืนอยู่ ก็เพราะรักเธอหมดใจ

หากวันหนึ่งต้องไกล ก็ขอให้เธอรู้ไว้ และคนแรกและคนสุดท้ายคือเธอ”

เพลงครั้งแรกของซอลฟาทำให้ฉันรู้สึกได้ถึงความเศร้าในตัวเธอที่เธอไม่เคยแม้แต่จะแสดงออกมา เป็นเพลงที่เธอแต่งให้กับรุ่นพี่สินะ

“อาจจะดูเศร้าไปสักนิดนะคะ แต่สำหรับเพลงที่เพิ่งได้ฟังกันไป ฉันอยากจะเล่าความเป็นมาสักเล็กน้อยนะคะ ฉัน... มีคนๆหนึ่งที่ชอบมาตลอด พวกเรารู้จักกันมาตั้งแต่ฉันยังอยู่ประถม และเขาก็เป็นเพื่อนของพี่ชายฉันค่ะ เขาทั้งอบอุ่นและดูใจดีกับฉัน แต่ว่า... ฉันก็เพิ่งจะได้รู้ว่าแท้จริงความใจดีของเขาเห็นฉันเป็นเพียงน้องสาวเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ยังโลภและอยากให้เขามองฉันเหมือนผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ไม่ว่าจะทำยังไงฉันก็ไม่อาจจะได้หัวใจของเขามา ดูเศร้าใช่มั้ยละคะ ฮะๆ งั้นเรามาฟังเพลงต่อไปกันเลยดีกว่าค่ะ เพลงนี้.....”

ซอลฟาร้องเพลงต่อไปของเธอและเล่าถึงที่มาที่ไปของแต่ละเพลงที่เธอเล่นในวันนี้ ทุกคนในหอประชุมฟังด้วยความตั้งใจ และรุ่นพี่เองก็ยังคงนั่งนิ่งและฟังเพลงของซอลฟาด้วยความสนใจเช่นกัน เพลงที่ซอลฟาแสดงผ่านไปเพลงที่สอง เพลงที่สาม จนมาถึงเพลงที่ 5 ซอลฟาร้องเพลงเกี่ยวกับความหอมหวานของความรัก ซึ่งเป็นความรักในแบบที่เธออยากเจอ ซึ่งในเพลงนี้ทกคนต่างก็ตื่นตาตื่นใจกับเหล่าลูกโป่งสีพาทเทลมากมายที่หล่นมาจากด้านบน ภายในลูกโป่งสีสดใสเหล่านั้นมีลูกกวาดที่แสนน่ารักอยู่ข้างใน

“ว้าว สุดยอดไปเลย มีลูกกวาดอยู่ในลูกโป่งด้วย”

“นี่มันสุดยอดเซอร์ไพรส์เลยนะเนี่ย”

แม้กระทั้งฮีโระเองก็ยังแปลกใจกับเซอร์ไพรส์ในครั้งนี้

“เหลือเชื่อเลยแฮะ ยัยเด็กคนนี้คิดอะไรแบบนี้ก็เป็นกับเขาด้วย”

แล้วเขาก็ดึงลูกอมออกมาจากลูกโป่งแล้วก็เกะมันออกมายื่นให้ฉัน ฉันรับมันแล้วหยิบใส่ปาก เราได้ฟังเพลงหวานๆที่สามารถรับรู้ความรู้สึกหวานไปด้วย มันเป็นสุดยอดเซอร์ไพรส์จริงๆ ฉันเองหันไปมองรุ่นพี่ เขาเองก็ถือลูกโป่งใบนึงอยู่ในมือเหมือนกัน

“นี่คือ ความหวานในแบบที่ฉันอยากจะให้ทุกคนได้รับรู้นะคะ เพราะในความรักที่แท้จริงความหวานของมันเราไม่อาจจะสัมผัสได้ด้วยร่างกาย แต่เราต้องสัมผัสมันด้วยใจ เอาล่ะค่ะเพลงต่อไป...”

เพลงในแบบฉบับของซอลฟายังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ จนมาถึงเพลงสุดท้ายของคอนเสิร์ต

“อ่า น่าเสียดายจังเลยนะคะ มองดูนาฬิกาตอนนี้ก็ใกล้ๆจะสองทุ่มแล้ว คอนเสิร์ตของฉันได้เดินทางมาถึงเพลงสุดท้ายแล้ว แต่ก่อนที่ทุกท่านจะได้รับฟังเพลงสุดท้ายที่สุดแสนจะพิเศษของฉันในวันนี้ ขอขอบคุณคนๆนึงที่เป็นแรงบันดาลใจทำให้ฉันอยากจัดคอนเสิร์ตในวันนี้ขึ้นนะคะ สปอตไลท์ช่วยฉายไปที่ที่นั่งเบอร์ A14 ด้วยค่ะ”

ไฟได้ฉายมายังรุ่นพี่ที่ตอนนี้ได้ลุกขึ้น

“ขอบคุณค่ะ ฉันอยากจะบอกว่า... จริงๆแล้วสำหรับเพลงครั้งแรกที่ฉันได้ร้องไปนั้น คนๆนั้นก็คือรุ่นพี่ชินกิ ประธานโรงเรียนของเรานั่นเอง คิดว่าคงจะเดากันได้ไม่ยากใช่ไหมละคะ”

ทุกคนในห้องต่างร้องเป็นเสียงเดียวกันว่าช่างน่าตื่นเต้นอะไรเช่นนี้ ฉันเองก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ยังคงยิ้มและปรบมือให้กับเธอ

“แต่ว่า... ก็เหมือนกับในเนื้อเพลงนั้นแหละค่ะ ความรักของฉันไม่ได้สมหวังแม้ว่าฉันจะพยายามมากสักเท่าไหร่ก็ตาม มันเป็นเวลาที่เนิ่นนานนะคะกว่าที่ฉันจะสามารถยอมรับความจริงในข้อนี้ได้ ต้องขอบคุณพี่ชายของฉันที่นั่งในที่นั่ง A13 และคนอีกคนนึงในที่นั่ง A16 พวกเขาช่วยดึงฉันขึ้นมาพบกับโลกความจริงและไม่หลอกตัวเองอีกต่อไป ขอบคุณมากค่ะ”

“รุ่นพี่อินซา เป็นพี่ชาย ซอลฟาเหรอ ไม่น่าเชื่อ”

“น้องสาวก็สวย พี่ชายก็หล่อ ทำไมเราถึงมาจะรู้เนี่ย”

ซอลฟาก้มหัวและขอบคุณพวกเขา คนในห้องประชุมต่างฮือฮากันอีกครั้ง มันเป็นความจริงที่ว่าไม่เคยมีใครรู้ว่ามาก่อนเลยว่าซอลฟาเป็นน้องสาวของรุ่นพี่อินซา ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ดูเหมือนนี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พูดถึงพี่ชายให้กับทุกคนได้รับรู้ ฉันหันไปมองฮีโระผ่านความมืด เขาเองก็หันมายิ้มให้ฉันเช่นกัน

“จากนี้ไปฉันหวังว่ารุ่นพี่ชินกิจะมีความสุขและสามารถยิ้มออกมาอย่างสดใส เหมือนอย่างที่รุ่นพี่เคยเป็นและไม่ต้องฝืนยิ้มให้กับฉันอีกแล้วนะคะ และฉันอยากจะฝากใครอีกคนหนึ่งซึ่งเธอก็อยู่ที่นี่ด้วย...”

ซอลฟาหยุดนิ่งไปสักพักก่อนจะพูดต่อ...



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ


>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 19 - เพื่อ...

ในตอนเย็นขอวันนั้น หลังจากที่ฉันเก็บของเรียบร้อยแล้ว ทั้งฉันและฮีโระ เดินไปส่งมุนอาที่ป้ายรถเมล์ หลังจากที่เธอขึ้นรถไปแล้ว พวกเราก็ได้เจอก...

วันอังคารที่ 2 มกราคม พ.ศ. 2561



เช้าวันต่อมา...

ฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าดูแจ่มใสมากกว่าทุกวัน คงเพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันเอาอยู่แต่พะวงกับเรื่องของรุ่นพี่ และคาดหวังว่ามันจะเป็นอย่างที่ตัวเองต้องการ แต่เพราะเหตุการณ์เมื่อวานทำให้ฉันเริ่มคิดและปลงกับมันได้ ฉันจะใช้ชีวิตทุกวันให้คุ้มค่า อยู่กับมุนอา กับฮีโระ สำหรับรุ่นพี่เราอาจจะบังเอิญได้เจอ และทักทายกันบ้าง นั่นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉัน

“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ”

ฉันกดปิดนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ แล้วลุกขึ้นเตรียมตัวเพื่อไปโรงเรียน

“ฮ้า วันนี้อากาศดีจังเลยนะ ฮีโระ”

“มาแปลกแฮะวันนี้ ใช่ฮารุจริงหรือปล่าวเนี่ย”

ฮารุเอามือมาพัดตรงที่หน้าของฉัน ในขณะที่เราเดินออกมาเจอกันที่หน้าบ้าน

“ไม่รู้สินะ บางทีฉันอาจจะเป็นคนใหม่ก็ได้ เพราะว่าฉันมีฮีโระ กับมุนอายังไงล่ะ”

ฉันหันไปยิ้มให้กันฮีโระ

“ยิ้มหวานแบบนี้มันคืออะไรกันเนี่ย ไม่คุ้นเลยแฮะ”

ฮีโระทำหน้าแดงก่อนจะดึงกระเป๋าจากมือของฉันไปถือ และเร่งเดินนำหน้าฉันไป บางทีเขาก็ดูน่ารักในแบบฉบับของเขาเหมือนกันแฮะ

“อะไรกันเนี่ย เขินเหรอ หน้าแดงเชียว”

“เขินอะไร ผมเนี่ยนะ ไม่ได้เขินสักหน่อย”




ในขณะที่ฉันและฮีโระกำลังเดินเข้าโรงเรียนอยู่นั้น ฉันก็บังเอิญได้สบสายตากับรุ่นพี่เข้า วันนี้ฉันไม่เหมือนเมื่อวานแล้วนะคะรุ่นพี่ ฉันอยากเป็นคนใหม่ที่เข้มแข็งไม่ทำให้รุ่นพี่ต้องเป็นห่วงฉันอีก ฉันก้มหัวพร้อมกับส่งรอยยิ้มให้กับรุ่นพี่เล็กน้อย รุ่นพี่ไม่ได้ยิ้มกลับมาให้ฉัน แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็เข้มแข็งขึ้นได้แล้วจริงๆ

“โห เปลี่ยนไปมากจริงๆนะเนี่ย ไปทำอะไรมาหรือปล่าวเนี่ย”

“ปล่าวสักหน่อย อยู่ดีๆก็ปลงได้ละมั้ง ฮะๆๆ”

ก่อนที่ฉันและฮีโระจะทันได้เดินขึ้นตึก พวกเราก็บังเอิญเดินสวนกับซอลฟาอีกครั้ง

“ไง สาวน้อยนักดนตรี”

“สวัสดีค่ะ”

ซอลฟากล่าวทักทายฮีโระแค่เพียงเล็กน้อยก่อนเดินจากไป

“ซอลฟา เอ่อ.. อรุณสวัสดิ์นะ”

“เอ๊ะ...”

ซอลฟานิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่จะเดินจากไป ตอนที่พวกเรายังคุยกันได้ ฉันไม่เคยคิดแม้แต่น้อยว่าเธอจะเป็นคนที่ดูร้ายกาจ แม้ว่ามาถึงตอนนี้ระหว่างพวกเราจะมีอะไรหลายๆอย่างเปลี่ยนไป แต่ว่า... เมื่อมาลองนึกดูดีๆแล้ว สิ่งที่เธอทำไปก็เพราะเธอชอบรุ่นพี่มาก และแม้ว่าเธอจะต้องเจ็บปวดขนาดไหนเธอก็ยอมทนได้ ฉันไม่กล้าแม้แต่จะคิดเกลียดเธอ และเมื่อย้อนกลับไปคิดถึงคำพูดของเธอเคยคุยกับฉันในวันนั้นแล้ว ฉันคิดว่ามันน่าจะมาจากใจที่หวังดีของเธอจริงๆ

“ฮารุเป็นแบบนี้ ผมก็กลัวเหมือนกันนะเนี่ย คนที่ไม่เคยแม้กระทั่งจะสบตา เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้เลยเหรอ”

ฮีโระยังคงทำท่าทางเหมือนกับว่าเขายังไม่ค่อยเชื่อนัก จนพวกเราขึ้นห้องเรียนมุนอาก็รออยู่ที่ริมหน้าต่างแล้ว

“ดู ดูสิ ยัยนั่น เริ่มแต่เช้าเลยนะ ไม่รู้ว่าต้องการอะไร ทำไมถึงได้เกาะติดรุ่นพี่เป็นตังเมแบบนี้นะ สงสารก็แต่รุ่นพี่ ดูสิ ทำหน้าอย่างกับโดนบังคับขืนใจยังไงยังงั้น”

“ยืนบ่นอะไรอยู่คนเดียวน่ะมุนอา”

“อ่าว ฮีโระ ฮารุ หวัดดี มาดูนี่สิ ยัยซอลฟา มาประกบรุ่นพี่ตั้งแต่เช้าเลยทำอย่างกับว่าชีวิตนี้จะไม่ได้อยู่ด้วยกันยังไงยังงั้นแหละ”

“อ๋อ พวกเราเจอเธอตั้งแต่ตอนจะขึ้นมาแล้วล่ะ”

ซอลฟากำลังเดินไปหารุ่นพี่ ถ้าเปิดใจกว้างสักนิด พวกเขาก็ดูเหมาะสมกันดีนะ เป็นอย่างนี้ก็ดีแล้วล่ะ

“ฮารุ นี่ยังจะยิ้มได้อยู่อีกเหรอ”

“บางทีเป็นอย่างนี้ก็ดีเหมือนกัน ฉันน่ะ ยังไงซะแค่ได้มองรุ่นพี่ก็มีความสุขแล้ว มันเป็นความหวังที่มากที่สุดที่ฉันได้รับแล้วล่ะ”

ฮีโระกับมุนอา มองหน้ากันอย่างไม่เข้าใจ พวกเขาจะรู้ไหมนะ การที่ฉันดีขึ้นได้แบบนี้ หากไม่มีพวกเขาฉันคงไม่รู้ว่าจะอยู่ยังไงแน่ๆ



ตอนพักเที่ยงของวันนั้น ราวกับว่าโชคชะตากำลังทดสอบความอดทนของฉัน จึงทำให้ฉันวนเวียนไปเจอภาพเดิมๆอีกครั้ง

“รุ่นพี่ลองทานนี่ดูสิคะ”

“อ๋อ ขอบใจนะ”

ซอลฟากำลังป้อนขนมให้กับรุ่นพี่ มุนอาทำท่าจะเดินเข้าไปหาพวกเขา แต่ฉันจับมือห้ามเธอไว้ได้ทัน

“ทำไมล่ะ น่าสนุกดีออก ไปนั่งกินด้วยกันทั้งหมดนี่เลยสิ”

“ไม่เอาน่า ปล่อยพวกเขาเถอะ ถ้าเธอทำแบบนั้น จะกลายเป็นฉันเองนะที่ต้องอึดอัด”

“ป่ะๆ นั่งตรงนู้นกันดีกว่าพวกเรา เรื่องบางเรื่องปล่อยผ่านไปซะบ้าง เดี๋ยวมันก็จะดีเองแหละ”

ฮีโระดันมุนอาไปนั่งที่โต๊ะอีกมุมหนึ่งของโรงอาหาร ขอบใจนะฮีโระ นายเหมือนจะรู้ใจฉันไปหมดซะทุกอย่าง

“ฉันไม่เข้าใจอะไรเธอเลยจริงๆนะ ฮารุ ทำไมถึงต้องยอมยัยนั่นขนาดนั้นด้วย มีอะไรให้เธอต้องกลัวฮะ”

“ไม่มีอะไรที่ฉันต้องกลัวหรอก”

“งั้นทำไมไม่เจอกันซึ่งๆหน้าสักครั้งนึงละ เอาให้มันรู้กันไปเลยว่ารุ่นพี่จะเลือกใคร”

“ถ้าทำแบบนั้น แล้วฉันจะมีความสุขจริงๆนะเหรอ”

ฉันย้อนถามมุนอา เธอทำท่าครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนเอ่ยเสียงบางเบาว่าเธอเข้าใจแล้ว ฉันหันไปมองรุ่นพี่กับซอลฟาอีกครั้ง ไม่มีความน้อยใจ ความสงสัย หรือความรู้สึกใดๆอีกแล้ว และฉันได้แต่หวังว่าพวกเขาจะมีความสุขกันจริงๆสักที ฮีโระอาสาออกไปซื้อไอศครีมให้ฉันกับมุนอา ก่อนที่ฉันจะได้ตักไอศกรีมเข้าปาก กระดาษแผ่นหนึ่งก็ถูกยื่นมาตรงหน้า

“หืม??”

“งานคอนเสิร์ตของโรงเรียนมะรืนนี้ค่ะ”

ซอลฟายื่นบัตรคอนเสริตมาให้ฉัน เธอส่งมาให้ด้วยสีหน้าที่ราบเรียบ

“แปลว่า... เธอจะให้พวกเรา... ไปยังงั้นเหรอ”

“มาให้ได้ละกันค่ะ”

เธอยัดมันใส่ในมือของฉันแล้วเดินจากไป มันหมายความว่ายังไงกันนะ ทำไมเธอถึงได้อยากให้ฉันไปงานคอนเสิร์ตของเธอด้วย คำถามมากมายพรั่งพรูอยู่ในหัว

“ไปเถอะน่า นักดนตรีคุณภาพเชิญขนาดนี้ อย่ามัวมาคิดมากเลย ยังไม่ต้องคิดหรอกว่ามันหมายถึงอะไร”

“นี่ ยัยนั่นเป็นบ้าอะไรหรือเปล่าเนี่ย ทำเพื่อ... ฉันงงไปหมดแล้วนะ เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย แล้วนี่อะไรอีกละเนี่ย”

มุนอามองตามซอลฟาที่เดินจากไป และเธอก็บ่นออกมาไม่หยุด ฉันเองก็ได้แต่ถอนหายใจ ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ก็คงต้องเลิกคิดเหมือนที่ฮีโระพูด เมื่อถึงวันนั้นฉันก็คงจะเข้าใจมันเอง

ฉันเก็บตั๋วคอนเสิร์ตเอาไว้ในกระเป๋า วันมะรืนนี้จะมีงานจะจัดขึ้นที่โรงเรียน ในวันนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นกันนะ ทำไมฉันถึงได้รู้สึกกังวลชอบกล



“คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ คูรูรุ คูรูรุ สวัสดีเช้าแสนสดใส ยิ้มรับวันใหม่กันนะคร๊าบ”

“เอ๋... เดินห่างกันแค่นี้ ทำไมต้องโทรหากันด้วยละฮีโระ”

“รับเถอะน่า”

ระหว่างทางที่ฉันและฮีโระเดินกลับบ้านพร้อมกัน จู่ๆเขาก็เดินช้าลงจนทิ้งระยะห่างจากฉันไปมาก แถมโทรหาฉันและให้ฉันรับสายของเขาด้วย ทำอะไรแปลกๆอีกแล้วนะ

“ฮัลโหล ว่าไงเหรอฮีโระ เล่นอะไรอยู่เนี่ย”

“หวัดดีฮารุ ไม่ได้เจอกันนานเลยนะ สบายดีมั้ย”

“เอ๋...”

เพราะเขาถามอะไรฉันแปลกๆ ฉันจึงหยุดเดินและหันไปมองเขา แต่เขาก็ปัดมือแล้วทำท่าบอกให้ฉันหันกลับไป

“เอ่อ... อื้ม ฉันสบายดี”

“ทางเดินกลับบ้านยังดูสวยดีเหมือนตอนที่เราเคยมาเดินด้วยกันอยู่ไหม”

“ตอนนี้ก็ยังเดินด้วยกันอยู่นี่ ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันทั้งร่มรื่นและสบายตาสุดๆไปเลย”

“ถ้าวันหนึ่งเราได้เจอกัน เราไปเดินเล่นด้วยกันบ่อยๆนะ”

“ไม่ตลกเลยนะฮีโระ เล่นอะไรเนี่ย”

ฉันหันขวับไปหาฮีโระ แต่เขาก็ยังคะยั้นคะยอให้ฉันคุยผ่านโทรศัพท์อยู่ดี

“ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นพวกเราก็จะยังจดจำกันและกันได้ใช่ไหม ไม่ว่าผมจะห่างจากฮารุแค่ 5 ก้าว 10 ก้าว 5 กิโลเมตร 10 กิโลเมตร หรือไกลแสนไกล”

“แม้ว่ามันจะดูน้ำเน่าไปหน่อย แต่ฉันก็จะตอบอย่างมั่นใจว่า แน่นอน ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็ต้องจำฮีโระได้แน่นอน”

“ดีจัง ผมคิดถึงฮารุนะ คิดถึงจริงๆ”

“ฮีโระ พอได้แล้วน่า ยิ่งคุยฉันจะยิ่งรู้สึกแปลกไปทุกที นี่เป็นอะไรหรือเปล่าเนี่ย ทำตัวแปลกๆไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วนะ”

ฉันหันไปทำท่าทางดุฮีโระ เขาเก็บโทรศัพท์ลงไปในกระเป๋ากางเกง แล้วกระโดดเหย๋งๆมาเดินข้างๆฉัน

“ก็เห็นในทีวีทำแล้วมันดูเท่ห์ดี ก็เลยอยากลองทำบ้าง ฮารุสนุกไหม ฮะๆๆ”

“เพี๊ยนไปแล้วจริงๆด้วย”

ฮีโระเดินหน้าหยุดอยู่ที่หน้าบ้านของฉัน

“อ่าว ไม่เข้าบ้านเหรอ”

“ก็รอส่งฮารุเข้าไปก่อน กลัวว่าจะเจอพวกโรคจิตไง นี่ผมคุ้มครองเต็มที่เลยนะเนี่ย”

“ฮีโระนั่นแหละ น่ากลัวยิ่งกว่าพวกโรคจิตอีก”

ฉันพูดพลางหัวเราะ เพราะฮีโระทำท่าหน้าเหวอซะจนฉันอดขำไม่ได้



ในเย็นวันนั้นหลังจากที่ทานข้าวเย็นแล้ว ฉันหยิบบัตรคอนเสิร์ตที่ซอลฟาให้ออกมาดู

“Salfa wonder Concert

คอนเสิร์ตสุดแสนประทับใจจากนักร้องน่ารักที่จะทำให้ทุกหัวใจกลับมาอบอุ่นอีกครั้ง”

เธอคิดจะทำอะไรกันแน่นะ ฉันเหม่อมองออกไปยังหน้าต่างกระจก อีกฝั่งหนึ่งของกระจกใสทำให้มองเห็นไปถึงห้องของฮีโระ เขากำลังนั่งฟังเพลงจากหูฟังของเขาเหมือนเคย และเมื่อเขาเห็นฉันก็โบกมือและส่งรอยยิ้มมาให้ ฉันนิ่งไปชั่วครู่เพราะไม่คิดว่าเขาจะหันมาพร้อมกับที่ฉันหันไปพอดี ฉันโบกมือให้เขา

.........................................................................................................................................................................................................................

เช้าของอีกวันได้ผ่านเข้ามา ฉันไม่ได้เจอกับซอลฟาแม้แต่น้อย แต่ถ้าจะให้เดา ฉันคิดว่าเธอคงจะยุ่งๆอยู่กับการเตรียมงานคอนเสริตในวันพรุ่งนี้แน่ๆ ตอนเช้าฉันได้เจอกับรุ่นพี่ที่หน้าโรงเรียนอีกครั้งฉันทักทายเขาก่อนที่จะเดินจาก สายตาของรุ่นพี่ยังคงดูเศร้า แม้ว่าฉันจะพยายามที่จะทำเหมือนกับว่าไม่รู้สึกอะไรแล้ว แต่...ฉันก็ยังคงรับรู้ได้ว่ารุ่นพี่จะต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างที่กำลังลำบากใจแน่ๆ

ฉันเดินมาจนถึงห้องเรียนในตอนเช้าพร้อมกับฮีโระ ทุกคนกำลังพูดถึงเรื่องงานคอนเสิร์ตของซอลฟา พวกเขาดูตื่นเต้นกันมากเลยทีเดียว

“นี่ๆพวกเรา ไปดูด้วยกันเถอะ น้องสาวน่ารักคนนั้นน่ะ จะมีคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้แล้วนะ แกอ่ะแอบชอบมานานแล้วไม่ใช่เหรอ”

“เฮ้ๆ พูดให้มันดีๆหน่อย น้องเขามีแฟนไปแล้วเว้ย ใครจะกล้ายุ่ง เป็นถึงแฟนของประธานโรงเรียนเชียวนะแก พูดอะไรระวังปากหน่อย ก่อนงานจะเข้าฉัน”

“แหม ทำปากดีไปได้ ก่อนหน้านี้ก็ยังขายขนมจีบให้น้องเขาอยู่เลย ไปกันเถอะ อยากดูจริงๆ”

และพวกผู้หญิงก็กำลังพูดถึงซอลฟาอยู่ด้วยเหมือนกัน

“เธอจะไปมั้ย คอนเสิร์ตยัยนั่นน่ะ”

“ที่จริงฉันก็ไม่ได้ชอบอะไรยัยนั่นอยู่แล้ว ริอาจมาชอบรุ่นพี่ แต่ว่า... ก็อยากรู้เหมือนกันว่าจะมีอะไร ไปก็ได้”

ในระหว่างที่ฉันกำลังเพลินกับการแอบฟังเพื่อนๆพูดถึงงานคอนเสิร์ตในวันพรุ่งนี้ ก็มีคนกลุ่มหนึ่งมาเคาะที่หน้าห้อง

กลุ่มแชวอนกับเพื่อน กวักมือเรียกให้ฉันออกไป

“นี่ พรุ่งนี้น่ะ จะไปกับเขาด้วยหรือปล่าว”

“หมายถึงงานคอนเสิร์ตนะเหรอ มีบัตรแล้วล่ะ ก็คงต้องไปแหละนะ”

“ยัยนั่นให้มาใช่มั้ย แน่ใจเหรอว่ายัยนั่นจะไม่มีเล่ห์เหลี่ยมอะไรน่ะ”

แชวอน ดึงลูกอมแคนดี้ออกมาจากปากก่อนที่จะบอกเตือนฉันเรื่องที่จะไปงานคอนเสิร์ตของซอลฟา

“ถ้าพวกเธอเป็นห่วงฉัน ก็ไปด้วยกันสิ”

“ฮะๆ อะไรนะ เธอพูดว่าอะไรนะ”

เพื่อนของแชวอนหัวเราะออกมาดังลั่น ราวกับว่าเรื่องที่ฉันพูดดูน่าตลกมากๆ

“ใครเป็นห่วงเธอ พวกฉันเหรอ ไม่มีทางหรอก ก็แค่... กลัวว่าเธอจะไม่ทันคนต่างหาก”

“คงไม่มีอะไรมากหรอกมั้ง”

“เธอนี่มันโลกสวยเกินไปมั้ยห๊า พูดกับเธอแล้ว ฉันอารมณ์ขึ้นแฮะ เตือนแล้วนะไม่เชื่อเอง เกิดอะไรขึ้นมาก็อย่ามาโทษว่าพวกฉันเป็นคนทำละกัน ไปกันเถอะพวกเรา”

แชวอนเอามือมาแตะที่ไหล่ของฉันเบาๆก่อนที่จะชวนเพื่อนๆของเธอเดินจากไป ก่อนที่จะลับสายตา ฉันได้ยินพวกเขาคุยกันถึงเรื่องบัตรคอนเสิร์ตว่าจะต้องซื้อที่ไหนด้วย ดูเหมือนว่าฉันจะมีเพื่อนที่จริงใจเพิ่มขึ้นมาอีกคนหนึ่งแล้วสินะ

ฉันเดินกลับมาที่โต๊ะเรียน มุนอาสงสัยว่าพวกนั้นมาหาฉันทำไม

“ยัยนั่นมาทำไมอ่ะ ดีกันแล้วเหรอ”

“ก็ไม่ได้ทะเลาะกันสักหน่อยนี่”

“เฮ้ย ได้ไง อย่าไปสนิทกับยัยนั่นมากนะ ฉันไม่ยอมด้วยนะ”

มุนอาทำท่าฟึดฟัด

“ไม่มีใครที่จะสนิทกับฉันเท่ากับเธอได้หรอกน่า”

“จริงๆนะ อย่าโกหกกันนะ แล้วงั้น... ฮีโระ”

“เอ่อ... ฮีโระเหรอ นั่นสินะ งั้นขอเป็นตำแหน่งเดียวกับมุนอาได้มั้ยล่ะ”

“ได้ไงกันล่ะ ที่ 1 นะ มันต้องมีแต่คนเดียวสิน่า จะมีสองคนได้ไงกัน”

มุนอาทำท่าแก้มตุ่ยและเริ่มจะงอนฉันเข้าให้แล้ว ฮีโระเดินมานั่งที่โต๊ะและจู่ๆก็พูดขึ้นว่า

“ไม่เป็นไร ผมขอเป็นที่ 2 ก็ได้ อย่างน้อยๆก็ยังอยู่ในลิสต์ที่ฮารุวางไว้”

เขายิ้มจนตาหยี๋ให้กับฉัน ที่ 2 เหรอ ฉันเริ่มคิดแย้งขึ้นมาในใจ ฮีโระก็ดีกับฉันมากขนาดนี้ฉันจะเห็นว่าเขาเป็นที่ 2 ได้ยังไงกันนะ





The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 18 - เธอคนนั้น

เช้าวันต่อมา... ฉันคิดว่าวันนี้เป็นวันที่ท้องฟ้าดูแจ่มใสมากกว่าทุกวัน คงเพราะว่าช่วงที่ผ่านมานี้ ฉันเอาอยู่แต่พะวงกับเรื่องของรุ่นพี่ และค...

วันจันทร์ที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2561



ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจอ่อนให้กับมุนอาแน่

“ฮารุ บอกให้ยัยนี่เลิกตามพี่ทีได้ไหม”

เสียงรุ่นพี่อินซาพูด กึ่งหัวเราะที่มุนอาพยายามทำหน้าตาน่ารักใส่

“รุ่นพี่ก็ยอมใจอ่อนสักทีเถอะค่ะ ฉันรู้นะคะว่ายังไงรุ่นพี่ก็ยังรอมุนอาอยู่น่ะ”

“รอเหรอ ไม่หรอกน่า สาวๆมาชอบพี่ตั้งเยอะ แต่พี่แค่อยากตั้งใจเรียนมากกว่า ใครจะไปรอคนซื่อบื้ออย่างยัยนี่กัน”

ว่าแล้วรุ่นพี่ก็เอามือยีหัวของมุนอาจนยุ่ง เห็นแล้วก็ทำให้นึกถึงตอนที่ฉันได้อยู่กับรุ่นพี่ ความรู้สึกแบบนั้นเป็นความรู้สึกที่ดีจริงๆ

“ว่าแต่ฮารุ โอเคใช่มั้ย ขอโทษนะที่ซอลฟาเป็นต้นเหตุให้ฮารุต้องเลิกกับชินน่ะ”

“ฉันไม่เป็นไรแล้วล่ะค่ะ เพียงแค่... บางครั้งฉันเองก็ยังเผลอคิดถึงรุ่นพี่ขึ้นมา แต่ว่าที่ฉันได้มองรุ่นพี่อยู่อย่างนี้ก็ดีมากๆแล้วล่ะค่ะ”

ฉันบอกรุ่นพี่อินซาและพยายามยิ้มเพื่อให้เขาสบายใจ แม้ว่าในใจจะยังแอบหวังอยู่ลึกๆว่าอาจจะมีวันที่เราได้กลับมาเป็นเหมือนเดิมก็เถอะ

“รุ่นพี่ชินน่ะ เป็นคนแรกที่ฮารุชอบเลยนะ นายน่ะไม่รู้บางเลยเหรอว่า ฮารุน่ะมองแต่รุ่นพี่ชินมาตั้งปีกว่าแล้วนะ ทำไมยัยนั่น เอ่อ... ฉันหมายถึงซอลฟาน่ะ ทำไมถึงได้มาทำแบบนี้ ทั้งๆที่เธอก็รู้ว่าฮารุชอบรุ่นพี่ชินล่ะ คิดแล้วมันก็น่าโมโหนะ ถึงจะเป็นน้องของนายก็เถอะ”

มุนอาทำท่าค้อนใส่รุ่นพี่อินซา ส่วนรุ่นพี่อินซาก็ทำท่าทางเหมือนกับมีเรื่องอัดอั้นบางอย่างอยู่

“เฮ้อ... ขอโทษนะฮารุ พี่รู้นะว่าเราอ่ะชอบชินมาก จริงๆแล้วซอลฟาเขา...”

“พี่!!!”

ก่อนที่รุ่นพี่จะทันได้พูดอะไรสักอย่างออกมา ซอลฟาน้องสาวของเขาก็โผล่มาซะก่อน

“มาได้เวลาจริงๆนะ”

มุนอาพูดออกมาพร้อมกับทำหน้าเมินใส่ซอลฟาที่วิ่งมาเกาะแขนรุ่นพี่อินซา

“มาทำอะไรอยู่ตรงนี้คะ ฉันคิดว่าเรามีอะไรต้องคุยกันหน่อยแล้ว”

แล้วซอลฟาก็ลากแขนรุ่นพี่ไป เหลือทิ้งไว้แค่ปริศนาบางอย่างที่พวกเราทั้งสามคนก็ยังไม่เข้าใจ มีอะไรบางอย่างที่รุ่นพี่อินซาอยากบอกพวกเรา ว่าแต่มันคืออะไรนะ ฉันอยากรู้จังเลย

และแล้วพวกเราก็ไม่ได้คำตอบจากรุ่นพี่ ฉันและฮีโระเดินกลับบ้านพร้อมกัน พวกเรายังคงต้องการรู้เรื่องนั้นอยู่ดี

“ฮีโระว่ารุ่นพี่อินซากำลังจะบอกอะไรกับพวกเราเหรอ”

“นั่นสินะ เรื่องบางเรื่องที่เหมือนเป็นความลับละมั้ง”

ฮีโระทำท่าครุ่นคิด และตัวเขาเองก็เอาแต่ทำท่านับไม้นับมือตั้งแต่เดินออกมาจากโรงเรียนแล้ว

“นับอะไรอยู่เหรอ”

“อ๋อ เปล่า ก็แค่นับเลขเฉยๆ ฮะๆ”

เขายิ้มกลบเกลื่อนแล้วก็วิ่งกลับบ้านไป

ช่วงดึกของคืนวันนั้นฉันก็ได้รับข้อความจากฮีโระ

Hero Message : ทุกอย่างจะผ่านไปด้วยดี สู้ๆนะ

...................................................................................................................................................................................................................

เช้าของวันต่อมาฉันกับฮีโระเดินไปโรงอาหาร เพราะวันนี้พวกเราออกมาสาย ทำให้ไม่ทันได้กินข้าวเช้า พวกเราจึงไปหาซื้อขนมปังกัน แต่แล้วก็ได้เจอกับซอลฟาที่นั่น เธอกำลังนั่งกินข้าวอยู่คนเดียว และดูเหมือนว่าเธอกำลังจะร้องไห้

“เฮ้ นี่สาวน้อย เธอคงไม่ได้จะร้องไห้หรอกใช่ไหมนั่นน่ะ”

ฮีโระถือแซนวิชกับนมรสแตงโม เดินตรงไปหาโต๊ะที่ซอลฟาอยู่ ฉันจึงเดินตามเขาไป

“ร้องไห้อะไรกัน นี่รุ่นพี่จะเล่นมุขอะไรหรือเปล่าคะ ฉันเนี่ยนะจะร้องไห้”

ซอลฟาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับพยายามห้ามน้ำตาไม่ให้ไหล แต่มันชัดเจนมากเลยนะซอลฟา

“เหรอ ไม่ร้องก็ไม่ร้อง งั้นขอนั่งด้วยคนได้ไหมล่ะ”

ฮีโระเอาแซนวิชกับนมวางไว้บนโต๊ะก่อนที่จะขยับม้านั่งออก เขาพยักเพยิดให้ฉันนั่งด้วย ฉันควรจะเดินไปจากตรงนั้นถ้าหากว่าฉันอึดอัด แต่ว่ามีบางอย่างทำให้ฉันอยากอยู่ที่นั่นต่อ

“ว่าแต่... ทำไมวันนี้มานั่งกินคนเดียวล่ะ ปกติเธอจะตัวติดกับรุ่นพี่เป็นปลาท่องโก๋เลยไม่ใช่เหรอ”

“ทำไมเหรอคะ รุ่นพี่เขาก็แค่ไม่ค่อยว่าง ว่าแต่แล้วรุ่นพี่ฮีโระกับรุ่นพี่ฮารุมีอะไรกับฉันหรือเปล่าคะ ทำไมต้องมาจ้องหน้าฉันเหมือนกับว่าฉันไปทำอะไรให้กับรุ่นพี่ยังงั้นแหละ”

ซอลฟาหลบสายตาจากฉัน และตักข้าวในจานใส่ปากต่อ

“รุ่นพี่ไม่ว่าง หรือ... เขาไม่อยากมาด้วยกันแน่”

ฮีโระยังคงสอบสวนเหมือนเธอเป็นผู้ต้องสงสัย เขายัดขนมปังใส่จนเต็มปาก และตามด้วยนมรสแตงโม จนแก้มของเขาบวมเป่ง

“ไม่ว่ามันจะเป็นยังไง มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับรุ่นพี่สองคน ไม่ใช่เหรอคะ ขอตัวนะคะ”

ซอลฟาลุกขึ้นจากโต๊ะและหยิบจานข้าวกับแก้วน้ำขึ้น มันคงน่าอึดอัดที่จะนั่งอยู่ต่อ เหมือนฉันตอนนี้ที่ทำได้แค่ฟังทั้งสองคนคุยกัน

“ถ้ามันเหนื่อยนัก ก็หยุดเถอะ อย่าฝืนไปต่ออีกเลย”

จู่ๆฮีโระก็พูดขึ้น ทำให้ซอลฟาหยุดนิ่งอยู่กับที่อย่างนั้น น้ำเสียงของเขาไม่ได้โกรธหรือประชดประชันอะไรทั้งสิ้น มันเป็นน้ำเสียงที่ดูเห็นอกเห็นใจมากกว่า จนทำให้ซอลฟาต้องหันกลับมาคุยกับเขาอีกครั้ง

“แล้วรุ่นพี่ล่ะคะ ถ้ามันต้องเหนื่อยขนาดนี้แล้ว ทำไมรุ่นพี่ถึงไม่หยุดล่ะ”

ซอลฟาพูดขณะที่น้ำตาคลอเบ้าอีกครั้ง เธอเดินจากไป แต่ฮีโระยังคงเงียบ เขาจ้องมาซอลฟาที่เดินจากไปอยู่อย่างนั้นโดยาไม่ได้พูดอะไรออกมา ฉันได้แต่สะกิดเขาที่กำลังเหม่อลอยเหมือนคิดอะไรบางอย่าง

“นั่นสินะ ทำไมผมถึงไม่หยุดนะ”

ฮีโระพูดขณะถอนหายใจออกมา เขาบ่นพึมพำอะไรของเขากันนะ ฉันนั่งจ้องหน้าฮีโระอยู่นานโดยที่ไม่รู้ตัวจนกระทั่งฮีโระหันมามองหน้าฉัน จนทำให้ฉันสะดุ้ง

“เอ่อ... ฮีโระเป็น... อะไรหรือเปล่า”

ฉันได้แต่ถามแบบกระอึกกระอัก เพราะไม่คิดว่าจู่ๆเขาจะหันมามองหน้าฉัน ฮีโระเผยรอยยิ้มบนมุมปากอีกครั้ง เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลแต่ปนกับความเศร้า

“บางทีการที่เรารักใครสักคน มันก็ยากนะที่จะตัดใจ ไม่ว่าตอนนั้นคนๆนั้นเขาจะรักใครอยู่ในใจ แต่ว่า...เราก็ยังคงมีแค่เขาคนเดียว ทำไมนะ ทำไมเราถึงไม่สามารถที่จะมองไปดูคนอยู่รอบๆตัวบ้าง”

“เอ๋.. ถามฉันเหรอ... นั่นก็อาจจะเพราะว่า... เราจริงใจกับคนคนนั้น และเราก็หวังดีกับเขามาก จนไม่เคยคิดว่าสิ่งที่เราให้เขาไปจะได้รับสิ่งตอนแทนไหม มันจะเป็นแบบนั้นละมั้ง”

ทุกครั้งที่ฉันได้เจอรุ่นพี่ ฉันไม่เคยแม้แต่จะคาดหวังสิ่งใดๆ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังมีความเจ็บปวดตามมาจนได้สินะ

“สำหรับผมกับฮารุก็คงจะเหมือนกันสินะ พวกเราเป็นเหมือนเส้นขนาดที่ไม่มีทางจะมาพบกันได้”

“เส้นขนานอะไรกันล่ะ แต่ถึงจะเป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันได้เจอกัน แต่ว่าพวกเราก็ยังเดินข้างๆกันได้นะ”

“เหรอ”

ฮีโระส่งยิ้มเจือนๆ ก่อนจะลุกไปโต๊ะที่ใกล้ถังขยะแล้วขว้างมันลงไปในถังอย่างแม่นยำ

หลังจากนั้นพวกเราก็ลุกไปเข้าเรียนตามปกติ พอมาถึงในห้องมุนอาก็เรียกฮีโระไปคุยด้วย ฉันไม่รู้ว่าพวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน และในตอนพักเที่ยงของวันนั้นฮีโระก็หายไป เขาไม่ได้มากินข้าวกับพวกเราสองคน หลังจากที่กินข้าวเสร็จฉันกับมุนอาจึงขึ้นไปนั่งเล่นบนดาดฟ้า และฉันก็อดถามเรื่องฮีโระไม่ได้

“ฮีโระ เขาไปไหนกันเหรอ”

“ทำไมเหรอ เดี๋ยวนี้หัดสนใจคนรอบข้างบ้างแล้วเหรอ ฮิฮิ”

มุนอาแซวฉันก่อนจะพูดต่อ

“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันนะ เห็นรุ่นพี่อินซาฝากบอกมาว่าพักเที่ยงนี้ให้ไปหาที่โรงยิมน่ะ แต่ว่าจะคุยเรื่องอะไร ฉันไม่รู้หรอก”

“รุ่นพี่อินซาเหรอ แปลกนะทำไมเขาถึงเรียกฮีโระไปหากันล่ะ”

“นั่นสิ ฉันเองก็ยังแปลกใจอยู่เหมือนกัน”

ฉันกับมุนอา ยืนมองลองไปยังข้างล่าง เมื่อได้ยินมุนอาพูดถึงโรงยิมสายตาของฉันก็พลันมองไปหาโรงยิมอัตโนมัติ

“นั่นไงๆ ฮีโระเดินออกมาแล้ว ป่ะ เรารีบไปถามฮีโระกันดีกว่า”

“อื้อ”

มุนอาคว้าแขนฉัน แล้วดึงฉันวิ่งลงบันได พอมาถึงในห้องเรียนฮีโระก็นั่งเหม่อลอยอยู่ริมหน้าต่าง

“นี่ สรุปว่าไงบ้าง หมอนั่นเรียกนายไปทำไมเหรอ”

มุนอาใช้มือตีที่ไหล่ของฮีโระเบาๆ เขาหันกลับมา

“หือ ก็ไม่เห็นจะมีอะไรนี่นา ก็แค่... บอกมาว่าอาจจะเปลี่ยนใจเรื่องเธอก็ได้อะไรประมาณนั้นแหละ”

“จริงเหรอ รุ่นพี่พูดยังงั้นจริงๆนะ”

มุนอาพูดพลางเขย่าฮีโระ และเขาก็เออ ออ ไปกับเธอ แต่ว่านายกำลังโกหกอยู่หรือเปล่าฮีโระ ฉันว่านายกำลังมีอะไรบางอย่างที่ไม่ได้บอกพวกเรา ฉันได้แต่มองสายตาที่เลื่อนลอยของเขา แม้ว่าอยากจะถามเอาความจริงสักเท่าไหร่ก็ตาม แต่ฉันก็ไม่อยากทำให้เขาต้องมาลำบากใจที่จะตอบคำถามฉันอีก

ในตอนเย็นของวันนั้น ฮีโระบอกให้ฉันกลับไปก่อน เพราะเขามีเรื่องที่จะต้องไปทำ ฉันรับปากกับเขาว่าจะกลับก่อน แต่ว่าไม่ใช่วันนี้ ฉันอยากจะรู้อะไรบางอย่าง และอยากจะรู้ว่าเขากำลังปิดบังอะไรฉันอยู่กันแน่

ฉันทำเหมือนเดินออกมาจากโรงเรียนราวกับว่าฉันกลับบ้านตามปกติ แต่เมื่อฮีโระหันกลับหลังไปแล้ว ฉันก็แอบเดินตามเขาอยู่ห่างๆ จนในที่สุดเขาก็เดินมาจนถึงโรงยิม ฉันแอบเดินตามเข้าไปเงียบๆ และแอบมองจากอีกมุม รุ่นพี่กำลังนั่งอยู่ข้างๆกับซอลฟา ดูเหมือนว่าพวกเขายังไม่ได้เริ่มซ้อม ซอลฟากำลังเล่นกีต้าร์และร้องเพลงที่แสนไพเราะให้กับรุ่นพี่ฟัง รอยยิ้มของรุ่นพี่ที่ฉันไม่ได้เห็นมานาน ฉันคิดถึงจังเลยค่ะรุ่นพี่ แต่ว่า... ไม่รู้ว่าเพราะฉันแอบคิดไปเองหรือเปล่า ฉันแอบสังเกตเห็นว่า... รอยยิ้มนั้นดูเศร้าและไม่มีชีวิตชีวาเหมือนเคย

ฮีโระเดินตรงไปหารุ่นพี่และซอลฟา ก่อนที่จะนั่งลง

“เฮ้อ วันนี้อากาศดีเป็นพิเศษนะครับรุ่นพี่ แล้วเพลงก็เพราะซะด้วย”

“อ่อ ฮีโระ เอ่อ มีอะไรเหรอ ทำไมวันนี้ถึงมาที่นี่ได้ล่ะ”

“ก็ไม่มีอะไรหรอกครับ ก็แค่อารมณ์ดีอยากจะมานั่งดูรุ่นพี่ซ้อมบาสสักหน่อย นานแล้วนะครับที่ผมไม่มาที่นี่”

“อ่อ ยังงั้นเหรอ”

ฮีโระนั่งอยู่ข้างๆซอลฟา และอีกฝั่งหนึ่งก็มีรุ่นพี่นั่งอยู่ตรงนั้น ฉันได้ยินบทสนทนาทั้งหมด แต่ว่าฮีโระเขาจะมานี่ทำไมกันนะ

“เดี๋ยวมานะ คุยกันไปก่อนละกัน”

รุ่นพี่ลุกออกไป ตอนนี้เหลือแค่ฮีโระกับซอลฟาที่นั่งอยู่ด้วยกัน

“รุ่นพี่ฮีโระ วันนี้มีอะไรหรือปล่าวคะ รู้สึกเหมือนว่าจะบังเอิญ ไม่สิ เหมือนจะตั้งใจมาเจอฉันนะ”

ซอลฟาเลิกดีดกีต้าร์แล้วหันหน้ามาคุยกับฮีโระ

“เฮ้ ตั้งจงตั้งใจอะไรกัน ก็แค่บังเอิญผ่านมาก็เลยลองมาดู ไม่ได้คิดว่าจะเจอเธอสักหน่อย หรือว่า... ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นพรมลิขิตก็ได้นะ ฮะๆๆ”

“ฉันไม่ตลกด้วยหรอกนะคะ ต้องการอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ จะได้ไม่ต้องอึดอัดเวลาที่ต้องเจอพวกรุ่นพี่อีก”

“อะไรจะขนาดนั้น นี่พวกเราก็คนกันเองทั้งนั้น เธอน่ะก็เป็นสมาชิกในแก๊งของพวกเรามาก่อนนิ ทำเป็นไม่เคยสนิทกันไปได้”

“ก็แค่เคย แต่พูดตามตรงฉันก็ไม่คิดว่าอยากจะสนิทกับพวกรุ่นพี่จริงๆหรอกนะคะ”

ซอลฟายังคงบ่ายเบี่ยงกับคำพูดของฮีโระ และพวกเขาก็ยังคงนั่งคุยกันอยู่อย่างนั้น

“เธอน่ะ จริงๆแล้วก็ไม่ใจร้ายอะไรขนาดนั้นหรอกใช่มั้ยล่ะ เธอก็แค่... อยากให้เขามาสนใจเธอบ้าง”

“ดูเหมือนจะรู้อะไรเยอะนะคะ แต่ว่า... รุ่นพี่ไปดูแลเรื่องของตัวเองก่อนเถอะค่ะ”

“ผมเหรอ ก็ทำอยู่นี่ไง เรื่องที่ผมควรจะทำ แต่ว่าเรื่องของเราน่ะ มันต่างกันนะ ผมอยากให้ลองคิดดูดีๆ บางอย่างที่ทำแล้วมันดีกับตัวเองจริงๆ เราก็มีความสุขกับมันสิ แต่ถ้าทำไปแล้วมันเป็นทุกข์ แน่ใจเหรอว่ามันดีกับเราแล้วจริงๆน่ะ”

ซอลฟานั่งเงียบ เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา

“ผมน่ะ ก็เป็นแค่คนนอกคนหนึ่งที่ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับพวกเธอหรอก แต่ว่าถึงอย่างนั้นพวกเราก็มีความทรงจำและเรื่องดีๆต่อกันได้ไม่ใช่เหรอ เพียงแค่... รู้จักยอมรับความจริงและ...ปล่อยวาง กับเรื่องที่เราไม่สามารถควบคุมมันได้”

“พอเถอะค่ะ”

“วันนี้เธอได้ตัวเขามา แต่ว่า... เธอไม่มีวันได้หัวใจของเขามาหรอก หยุดแค่นี้เถอะ เพราะคนที่จะเสียใจมากที่สุดก็คือเธอนะ”

“ฉันบอกให้หยุดไงคะรุ่นพี่”

ฉันแอบเหลือบไปมองซอลฟา ใบหน้าของเธอดูเศร้ามาก และเธอพยายามกลั้นใจที่จะไม่ร้องไห้ออกมา

“ฉันน่ะไม่ว่ายังไงฉันก็ยอมได้ ฉันมีความสุข เห็นมั้ยคะว่าฉันมีความสุขดี”

ซอลฟาพูดมา แต่ครั้งนี้เธอไม่สามารถกลั้นน้ำตาออกมาได้อีกต่อไป เธอใช้มือกุมหน้าที่ขาดซีดของเธอ ฉันได้ยินเสียงเธอสะอื้นเบาๆ ฮีโระใช้มือตบไหล่ของซอลฟาเบาๆ ทำไมกันนะ ฉันถึงได้อยากร้องไห้ตามซอลฟาแบบนั้น พวกเขากำลังพูดถึงเรื่องของรุ่นพี่ และถ้าฉันเดาไม่ผิด ฉันคิดว่าระหว่างรุ่นพี่กับซอลฟาคงเป็นเรื่องที่ยากจะเข้าใจ ฉันรับรู้ได้ถึงความเศร้าเหล่านั้น เพราะตัวฉันเองก็ยังไม่แน่ใจว่า หากไม่มีเรื่องของซอลฟาเข้ามา พวกเราจะยังกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า

“ผมเคยเข้าใจว่าเธอเป็นคนที่เข้าถึงยาก แต่ตอนนี้ผมขอเปลี่ยนใจแล้วล่ะ หัวใจของเธอน่ะบอบบางและอ่อนโยนมากกว่าที่เธอแสดงออกมาอีกนะ”

ฮีโระกำลังพูดอะไรบางอย่างที่ดูเหมือนว่าเขาเข้าใจซอลฟา แม้ว่าฉันจะไม่เข้าใจอะไรมากนัก แต่ฉันก็เริ่มรู้สึกว่าซอลฟานั้นมีบางอย่างที่น่าสงสารและน่าเห็นใจ ตอนนี้ฉันไม่คิดอยากรู้ว่าฮีโระมาที่นี่เพื่ออะไรอีกแล้ว และไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อจากนี้ ฉันเองก็จะเข้มแข็งและผ่านพ้นมันไปให้ได้เช่นกัน ฉันจะไม่ถามรุ่นพี่ว่าเพราะอะไรถึงได้ออกห่างฉัน ฉันจะไม่ถามว่ามันเกิดขึ้นเพราะใคร เพราะตอนนี้ไม่ว่าฉันจะได้คำตอบแบบนี้ มันก็มีแต่จะทำให้พวกเราต่างก็เจ็บปวดกันทั้งนั้น ถ้าหากปล่อยให้มันผ่านไปเองมันน่าจะดีกว่า ฉันคิดว่าตอนนี้ฉันควรจะกลับบ้านแล้วไปช่วยแม่ทำกับข้าวอร่อยๆเอาไปฝากฮีโระดีกว่า แต่ก่อนที่ฉันจะทันได้ขยับตัว คนๆหนึ่งก็มายืนอยู่ข้างหน้าฉันแล้ว เขาทำให้ฉันพูดอะไรไม่ออก

“มาทำอะไรที่นี่เหรอ”

“เอ่อ ก็แค่... ก็แค่... แค่ผ่านมาน่ะค่ะ”

“เหรอ”

รุ่นพี่พูดเสร็จก็รีบเดินผ่านฉันไป ฉันเดินออกมาจากโรงยิมอย่างช้าๆ ความห่างเหินของพวกเราทำให้ฉันใจหาย มันไม่น่าจะเกิดขึ้นหรือเป็นฉันเองที่ไม่ควรจะชอบรุ่นพี่ตั้งแต่แรกกันนะ แต่พอคิดในอีกแง่หนึ่ง ฉันก็ดีใจนะที่อย่างน้อยๆพวกเรายังได้มีโอกาสที่จะพบเจอและทักทายกัน แม้ว่ามันจะเป็นเพียงเสี้ยววินาทีก็ตาม

ทางเดินกลับบ้านในเย็นวันนี้ มีบางอย่างที่ทำให้ฉันรู้สึกพิเศษไปจากเดิม อาจจะเพราะฉันได้ปล่อยวางบางอย่างที่หนักอึ้งออกไปแล้ว และได้มองบางสิ่งบางอย่างที่อยู่รอบๆตัวบ้าง ไม่แปลกเลยว่าทำไมฮีโระถึงมีความสุขที่ได้เดินกลับบ้าน ทุกครั้งฉันจะเห็นเขาร่าเริงและสดใส เขาชอบดอกไม้ ต้นไม้ สายลมและแสงแดด ซึ่งฉันไม่เคยได้สังเกตเลยว่ามันจะรู้สึกดีขนาดนี้

ระหว่างที่ฉันกำลังเพลินกับการชมต้นไม้ริมทาง ก็พลันได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินตามหลังมา ฉันไม่แน่ใจว่าจะเป็นฮีโระหรือเปล่า แต่ถ้าหากเป็นเขาจริง เขาก็น่าจะเรียกชื่อฉันสิ เพราะแค่เห็นข้างหลังเขาจำฉันได้แล้ว แถมตอนนี้ก็เย็นมากแล้วด้วย ฉันเร่งฝึเท้ามากกว่าเดิม แต่พอฉันหยุดเดิน เสียงฝีเท้าก็เงียบไปด้วย และเมื่อฉันเดินต่อ ฝีเท้านั้นก็กลับมาชัดเจนอีกครั้ง และครั้งนี้ฉันก็ตัดสินใจที่จะวิ่ง เพราะหากว่าเป็นโรคจิตหรือคนไม่ดีละก็ ฉันต้องแย่แน่ๆ แต่ก่อนที่ฉันจะวิ่งหนีได้ มือๆหนึ่งก็เอื้อมมาจับแขนฉันไว้

“ปล่อยฉันนะ ช่วยด้วย ช่วยด้วย”

ฉันพยายามสะบัดข้อมือให้หลุดออกจากมือของคนปริศนาที่ตามมา

“หยุด หยุด... ก่อน แฮ่ก แฮ่ก”

เสียงหอบของเขายิ่งทำให้ฉันรู้สึกระแวง ฉันพยายามดึงมือของจากแขนของคนๆนั้นอีกครั้ง โดยไม่ได้มองหน้าของเขา ฉันหลับหูหลับตาเอากระเป๋าฟาดไปที่มือของเขาเพื่อให้เขาปล่อยแขนของฉันจนในที่สุดเขาก็ปล่อยมือออกจนได้ ฉันจึง

รีบวิ่งออกมาอีกครั้ง

“โอ๊ย...เจ็บจริงๆเลย เฮ้อ คนใจร้าย!”

เสียงของคนๆนั้นทำให้ฉันต้องสะดุด เขาไม่ได้เป็นคนร้าย แต่ว่าเขาคือ...

“ฮีโระ!!”

ฉันหันกลับไปมองเขา ก็พบว่าเขากำลังเอามืออีกข้างหนึ่งจับข้อมือของตัวเองไว้ หรือว่าที่ฉันเอากระเป๋าตีเขาเมื่อกี้นี้...

“ฮะๆ ฮารุเนี่ย วิ่งหนีเอาเป็นเอาตายเหมือนกันนะเนี่ย”

ฉันรีบวิ่งเข้าไปหาเขา แต่เขาก็ยังมีหน้ามาหัวเราะฉันอีก

“ยังจะมาหัวเราะฉันอีกนะฮีโระ เล่นอะไรของฮีโระเนี่ย ทำไมไม่บอกฉันดีๆล่ะ แล้วเป็นอะไรมากหรืเปล่า”

ฉันรีบคว้าแขนของเขามาดู แขนของเขามีรอยแผลยาวแต่ไม่ลึกมาก น่าจะเพราะซิปกระเป๋าหรืออะไรสักอย่างที่ฉันกระหน่ำฟาดลงไปข่วนโดนแขนของเขา

“เลือดออกเลยนะเนี่ย ฉัน.. ฉันขอโทษนะฮีโระ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”

“ไม่เป็นไรหรอกน่า แค่นี้เองจิ๊บๆ”

ฮีโระส่ายหน้าราวกับว่าเขาไม่ได้ซีเรียสอะไร แต่ถึงอย่างนั้นฉันก็รู้สึกผิดจนแทบจะอยากร้องไห้ออกมาด้วยซ้ำ

“โอ๊ะ โอ๊ะ ไม่นะฮารุ ห้ามร้องเลยนะ ห้ามร้อง”

ฮีโระทำท่าทำทางเพื่อปลอบฉันและไม่อยากให้ฉันร้องไห้แต่ว่า... ขอโทษด้วยจริงๆ ฉันทำให้เธอต้องบาดเจ็บเพราะฉัน ฉันผิดเอง โฮ T-T

สุดท้ายฮีโระก็ต้องปลอบใจฉันยกใหญ่ กว่าจะทำให้ฉันเลิกร้องไห้ได้

“เฮ้อ ผมก็แค่อยากให้ฮารุระวังตัวบ้าง เวลาเดินกลับบ้านคนเดียวน่ะ มันอันตรายเพราะฉะนั้นก็อย่าได้กลับบ้านค่ำ บอกให้กลับบ้านไปก่อนตั้งนานแล้ว แต่ดูสิ เพิ่งมากลับเอาป่านนี้ ดื้อจริงๆเลย”

“ยังไงฉันมีฮีโระเดินกลับบ้านเป็นเพื่อนอยู่แล้วนิ ทำไมต้องกลัวด้วยหละ”

“แล้วถ้าผมไม่อยู่แล้วล่ะ...”

คำพูดของฮีโระทำให้ฉันเหมือนฉุกคิดอะไรบางอย่างได้

“อ่ะ หน้านิ่วเลย คิ้วจะชนกันอยู่แล้ว ผมแค่ล้อเล่น แหม... แต่ถึงยังไงฮารุก็ต้องดูแลตัวเองดีๆนะรู้มั้ย”

ฮีโระใช้มือยีหัวฉันเล่นอีกแล้ว เวลาที่ฉันเหมือนจะฉุกคิดอะไรขึ้นได้ เขาก็มักจะทำลายสมาธิฉันด้วยการยีหัวฉันเล่น จนทำให้ฉันคิดไม่ออกทุกที

สุดท้ายแล้ววันนี้จากที่ฉันคิดว่าอยากจะทำกับข้าวไปให้ ก็กลายเป็นว่าฉันต้องหอบเอากล่องปฐมพยาบาลไปทำแผลให้เขาแทน และในค่ำวันนั้นฉันก็ได้ยินคำพูดแปลกๆจากเขา

“อยากให้มีวันดีๆแบบนี้ตลอดไปจังเลยครับ คุณท้องฟ้า”


The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ



The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ

>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<

................................................................................................................................................................................
นิยายรักหวานแหวว โดย : Pk.Sunfany
Facebook Fan : https://www.facebook.com/sunksong

The secret of memory : ตอนที่ 17 : ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย

ช่วงนี้ดูเหมือนว่ามุนอากำลังมีความสุข แม้ว่าเธอจะต้องเสียฟอร์มที่คอยตามง้อรุ่นพี่อินซาอยู่ทุกวัน แต่ฉันคิดว่าสักวันรุ่นพี่อินซาจะต้องยอมใจ...

ค้นหา เพลงเกาหลี

 

เนื้อเพลง เพลงเกาหลี KPOP ร้องง่าย อ่านสบายตา © 2015 - Designed by Templateism.com, Plugins By MyBloggerLab.com