เสียงรองเท้าของฉันกระทบกับน้ำที่เริ่มนองบนสนามหญ้าหน้าบ้านที่ฮีโระเช่าอยู่ ฉันวิ่งออกมาจากบ้านโดยที่ไม่ได้พกร่มมาด้วย แม้ว่าบ้านของเราจะใกล้กันแต่ฝนที่ตกในตอนนี้ก็พอจะทำให้ฉันเปียกได้ ฉันวิ่งเข้าไปหลบฝนที่หลังคาหน้าบ้านของฮีโระ
และ แน่นอนฉันก็ไม่เคยได้เข้ามาในบ้านของคุณลุงสักครั้ง ฉันเริ่มกวาดตามองไปรอบๆ ข้างหน้าบ้านมีสนามหญ้าเขียวๆ มีชิงช้าสีขาวอยู่หน้าบานชิดรั้วด้านซ้าย ใกล้ๆกันนั้นมีพื้นไม้ยกระดับสูงขึ้นมานิดหน่อยมีโต๊ะกับเก้าอี้เอนคู่วางอยู่ด้วย เพราะคุณลุงชอบปลูกต้นไม้ที่นี่จึงมีดอกไม้และต้นไม้นานาชนิด หากตอนนี้ฝนไม่ตก ฉันคิดว่าบรรยากาศที่นี่คงจะดีกว่านี้มาก
เงาของใครบางคนผ่านสายฝนเดินเข้ามาผ่านรั้วหน้าบ้าน ใกล้เข้ามาและใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ฮีโระกำลังถือร่มคันเดิมเดินเข้ามา
“ไปไหนมาเหรอ”
ฉันมองตามฮีโระที่กำลังจะเดินเข้าบ้าน เขาคงไม่รู้หรอกว่าฉันนั่งยองๆหลบอยู่ที่ข้างเสาหน้าบ้าน
ฮีโระหันมามองด้วยท่าทีเฉยชา
“ก็แค่... ออกไปสูดอากาศละมั้ง”
เขายิ้มที่มุมปากเล็กน้อยก่อนที่จะเดินเข้าบ้านและปิดประตูดังปัง
ฉันได้แต่ยืนนิ่งอยู่ที่หน้าบ้านของเขา นี่เขายังไม่หายโกรธเรื่องโทรศัพท์อีกเหรอ ทั้งๆที่ฉันอุตส่าห์ได้มันคืนมาแล้วแท้ๆ ฉันกำมือถือของฮีโระไว้แน่น ส่วนมืออีกข้างหนึ่งยื่นออกไปสัมผัสกับสายฝนชุมฉ่ำ ถ้าฉันรออยู่ตรงนี้ฮีโระจะหายโกรธฉันไหมนะ
เปาะ แปะ... เปาะ แปะ...
สายฝนซาลงบ้างเล็กน้อย ตอนนี้เหลือเพียงละอองฝนเป็นฝอยเล็กๆกระจายลงมา
“ฮัดชิ้ววว” - - หวังว่าฉันคงไม่ได้จะเป็นหวัดหรอกนะ
อยู่ดีๆลมเย็นๆก็พัดเข้ามา ทำให้ฉันซึ่งยืนอยู่หน้าบ้านฮีโระตัวสั่นขึ้นมาทันที ฉันเหลือบมองไปที่ประตู ไม่มีท่าทีว่าฮีโระจะออกมาแต่น้อย
แอ๊ด… เสียงประตูเปิดออกมาเบาๆ ฮีโระคงยอมคุยกับฉันแล้วสินะ ฉันค่อยๆหันกลับไปที่ประตู
ควับ.. ผ้าขนหนูสีขาวตกลงมาใส่หัวฉันก่อนที่ฉันจะทันได้หันไปเจอฮีโระ
“มายืนแบบนี้เดี๋ยวก็ไม่สบายหรอก”
ฮีโระออกมายืนอยู่ข้างๆฉัน ฉันหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดผมเบาๆ
“ก็เห็นว่ามีคนไปตามหาฉัน แต่ฉันก็ไม่ได้เจอเขา ฉันก็เลยต้องไปตามหาเขาเองน่ะสิ”
“ผม... ไม่ได้ไปตามหาใครสักหน่อยก็แค่...ออกไปเดินเล่น ก็เท่านั้นเอง”
เขาเมินหน้าจากฉัน พร้อมกับยื่นร่มให้
“ตัวเปียกหมดแบบนี้เดี๋ยวจะไม่สบายได้ กลับเข้าบ้านเถอะ”
ฮีโระยื่นร่มให้ฉันและหันกลับจะเข้าบ้าน
“ฉันจะกลับแน่ แต่ฮีโระต้องบอกมาก่อนว่าวันนี้ฮีโระเป็นอะไร ทำไมถึงต้องทำเมินเฉยกับฉันด้วย”
ฉันพูดขึ้นก่อนที่ฮีโระจะเข้าบ้าน เขานิ่งเงียบอยู่ที่หน้าประตู เพราะฉันเป็นห่วงและไม่อยากให้เราต้องเป็นแบบนี้ต่อไป เขาเป็นเพื่อนที่ดีของฉันและฉันไม่อยากให้เราเข้าใจผิดกันแบบนี้
“ไม่มีอะไรหรอก อย่าคิดมากเลย”
ฮีโระถอนหายใจเบาๆ ก่อนที่จะหันกลับมาจับหัวฉันเบาๆ รอยยิ้มของเขาในตอนนี้
มันดูเหนื่อยล้าไม่เหมือนฮีโระคนเดิม
“ฉันมีอะไรจะให้ฮีโระดู” ฉันยื่นบางอย่างให้เขาดู ฮีโระดูตกใจเล็กน้อย
“ถ้าคืนให้ผมอีก ผมจะทำให้มันพังไปเลยคอยดูสิ”
ฮีโระพูดด้วยสีหน้าจริงจัง ฉันเชื่อว่าเขาคงทำจริงแน่ถ้าหากว่าฉันยังดื้อดึงไม่ยอมรับมันไว้
ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่าเขาคงอยากให้ฉันเก็บไว้จริงๆ มือถือเครื่องนี้ยังไงฉันก็คงต้องรับมันไว้สินะ
“คราวนี้ฮีโระจะทิ้งมันอีกไม่ได้แล้วล่ะ เพราะมันเป็นของฉันแล้ว ฉันจะดูแลมันเอง”
เขาเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย ฉันรู้ว่าเขาต้องดีใจมากแน่ๆที่ฉันรับมันไว้
“ผมคิดว่า ฮารุคงจะไม่สนใจและคงให้มุนอาไปแล้วซะอีก”
เขาเห็นตอนนั้น ตอนที่มุนอาขอโทรศัพท์เครื่องนี้จากฉัน
“ขอโทษนะที่ทำให้เธอไม่สบายใจ เลิกโกรธฉันได้แล้วนะ เด็กดี”
ฉันเขย่งขาแล้วเอื้อมเอามือไปลูบหัวเขา แม้ว่า...เขาจะสูงกว่าฉันเยอะ = =
“คงต้องดื่มนมให้สูงกว่านี้นะ ถึงจะลูบหัวผมได้”
เขาหัวเราะออกมาเมื่อเห็นฉันพยายามกระโดดเพื่อจะแตะหัวของเขา ฮีโระคนเดิมกลับมาแล้วสินะ
..............................................................................................................................................................................................................
สี่ทุ่มของวันนี้ในขณะที่ฉันกำลังจะเข้านอน มีข้อความเข้ามาในมือถือที่ฮีโระให้
“Hero message: The Begining นอนหลับฝันดีนะฮารุ ^^”
..............................................................................................................................................................................................................
รุ่งเช้าของอีกวัน ฉันรีบออกมาจากบ้านก่อนเวลา และตอนนี้ฉันก็ยืนอยู่ที่หน้าบ้านของฮีโระเรียบร้อย
“โอ๊ะ ทำไมวันนี้ถึงได้ออกมาเช้าได้ล่ะ”
ฮีโระเดินออกมาจากบ้าน ดูเหมือนเขาแปลกใจมากๆที่คนตื่นสายอย่างฉันสามารถตื่นเช้าได้
“ก็เพราะว่าถ้าฉันมาช้า ฉันอาจจะโดนทิ้งให้เดินไปโรงเรียนคนเดียวอีกนะสิ”
ฮีโระยิ้มออกมาอย่างร่าเริง
“ฮ๊า วันนี้ท้องฟ้าดูสดใสกว่าเมื่อวานจังเลยนะ สวัสดีครับท้องฟ้าและแสงแดด” ^O^
ฮีโระกางเขนของเขาออกและเงยหน้าสูดอากาศของเช้าอันบริสุทธิ์เข้าไปอย่างเต็มปอด เหมือนวันแรกที่ฉันรู้จักเขา เขากลับมาเป็นคนเดิมแล้วจริงๆ
ที่หน้าโรงเรียนรุ่นพี่ยืนอยู่หน้าโรงเรียน เป็นปกติที่เขามักจะมองไม่เห็นฉัน แต่ฉันก็สังเกตได้ว่าที่กระเป๋าสะพายของรุ่นพี่มีพวงกุญแจรูปร่มแขวนอยู่ด้วย แค่นั้นฉันยิ้มออกมาได้แล้ว ฉันก้มหัวให้กับรุ่นพี่เป็นการทักทาย ก่อนที่ฉันจะทันได้เดินเข้าห้องเรียน แชวอนที่อยู่ห้องข้างก็เดินเข้ามาหาฉันอีก
“ฉันว่าฉันเตือนเธอแล้วนะฮารุ อย่าทำตัวเหมือนว่าเธอสนิทกับรุ่นพี่นัก ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉันไม่รับประกันความปลอดภัยนะจะบอกให้”
“ใช่ ยัยหน้าจืด ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ”
ฉันได้แต่ยืนฟังพวกแชวอนบ่นๆ พวกเธอก็คงจะชอบรุ่นพี่เหมือนที่ฉันชอบ
แต่ทุกครั้งพวกเธอก็ไม่เคยที่จะทำร้ายฉันสักนิด
“นี่ ยัยพวกขี้หวง เลิกมาป้วนเปี้ยนใกล้เพื่อนฉันได้แล้ว อย่างน้อยฉันก็คนหนึ่งละที่ไม่กลัวพวกเธอ”
มุนอาพุ่งออกมาจากห้องเมื่อเห็นว่าพวกของแชวอนกำลังล้อมหน้าล้อมหลังฉันอยู่ ในขณะที่ฮีโระซึ่งมากับฉันไม่พูดอะไรสักคำตั้งแต่แชวอนเดินเข้ามาหาฉัน เขาเดินเข้าห้องไปก่อนที่พวกแชวอนจะมาพูดกับฉันด้วยซ้ำ
“เธอก็อีกคน อย่ามายุ่งเรื่องของพวกฉัน นี่เป็นเรื่องของฉันกับยัยหน้าจืด ไม่เกี่ยวเธอ หลีกไป”
แชวอนผลักไหล่ของมุนอา แล้วพวกเธอก็เดินจากไปและทิ้งคำพูดไว้เพียงว่า
“ถ้าไม่อยากมีปัญหาก็แค่อย่ามาใกล้รุ่นพี่ของพวกเรา พวกน่ารำคาญ”
“นี่ ยัยบ้า พวกเธอนั่นแหละที่น่าเกียจและน่าขยะแขยงที่สุด”
“มุนอา ไม่เอาน่า พอเถอะน่า”
ฉันรีบคว้าแขนมุนอาก่อนที่เธอจะวิ่งตามไปเอาเรื่องกับพวกแชวอน เธอดูเดือดร้อนเป็นฟืนเป็นไฟยิ่งกว่าฉันซะอีก
“เธอก็อย่าไปยอมพวกนั้นสิ มีอะไรก็ต้องบอกฉันนะ ฉันจะจัดการพวกนั้นให้สาสมเลยทีเดียว”
“ขอบใจนะ”
ฉันเข้าไปกอดมุนอา เธอตบไหล่ฉันเบาๆ ฉันกลับมานั่งโต๊ะของฉัน แต่มุนอากลับเดินไปโต๊ะของฮีโระ
“ทำไมฮีโระถึงไม่ช่วยฮารุตอนพวกแชวอนมาหาละ”
“ศัตรูที่แท้จริงนะ ไม่ได้อยู่ในที่สว่างหรอก คนที่อยู่ในที่มืดต่างหากละที่น่ากลัว”
ฮีโระพูดเสร็จก็มองหน้ามุนอา มุนอาเลี่ยงไปนั่งที่โต๊ะของเธอ ดูเหมือนว่าเธอจะเสียใจที่ฮีโระพูดแบบนั้น แต่ว่ามันก็น่าแปลกอยู่หรอก ปกติแล้วเขามักเป็นคนแรกที่จะเข้ามาคอยดูแลฉัน แต่วันนี้เขาดูเฉยๆไป ทำไมฉันถึงต้องรู้สึกเหมือนเสียใจด้วยนะ
วันนี้หลังจากเรียนคาบเช้าเสร็จพวกเราสามคนเดินไปกินมื้อเที่ยงที่โรงอาหารด้วยกันเหมือนเดิม ก่อนที่พวกเราจะกินอิ่ม รุ่นพี่ก็เดินเข้ามาเรียกฮีโระให้ไปกับเขา สักพักพวกเขาก็กลับมาพร้อมกับไอศกรีมหลากหลายรส มีทั้งรสตรอเบอรี่ ช๊อคโกแลต บานาน่า และรสนม
“รสไหนดีล่ะ”
รุ่นพี่กำลังคุยกับฉันอยู่อย่างนั้นเหรอ ฉันได้แต่นิ่งและยังไม่เชื่อสายตาตัวเองว่า คนที่ยืนอยู่ต่อหน้าฉันตอนนี้คือรุ่นพี่จริงๆหรือเปล่า หรือว่าฉันเห็นภาพที่ฉันสร้างขึ้นมาเองกันแน่ รุ่นพี่ยื่นไอศครีมมาที่ฉันอีกครั้ง พร้อมกับมองไปที่พวงกุญแจร่มที่ห้อยไว้ที่กระเป๋าสะพาย เหมือนจะบอกกับฉันว่าเป็นการขอบคุณสำหรับพวงกุญแจ ฉันเรียกสติของตัวเองคืนมาอีกครั้ง และแอบเอามือหยิกแขนตัวเองแรงๆหนึ่งที ไม่ได้ฝันไปจริงๆด้วย
“มุนอาเอารสไหนดี”
ฮีโระหันไปถามมุนอา ทำให้ฉันสะดุ้งอีกครั้งและให้หันมองพวกเขา มันคือความจริง แล้วหน้าของฉันก็เริ่มแดงขึ้น
“ฉันอยากให้ฮีโระเลือกให้มากกว่า”
“งั้นผมเลือกให้เป็นบานาน่าดีกว่านะ คิดว่าเธอคงชอบ ส่วนผมเอารสช๊อคโกแลตละกัน”
“เอ่อ อื้มก็ดีนะ บานาน่าก็ได้ ฮะ ฮะ”
คู่นี้ดูเหมือนจะไปด้วยกันได้ดีนะ ก็ดีแล้วล่ะนะที่มุนอาจะได้มีความสุข ถึงแม้ที่ผ่านมาฉันจะเห็นเธอคลั่งรุ่นพี่หลายๆคน แต่ฉันยังไม่เห็นเธอจะจริงจังเท่าครั้งนี้และฮีโระก็เป็นคนดีด้วย
“ตกลงเอาไง สตรอเบอรี่ไหม”
“เอ่อ คะ ค่ะ...”
รุ่นพี่ยื่นไอศกรีมรสตรอเบอรี่มาให้ฉัน ฉันที่ก้ำๆกึ่งๆไม่กล้าสบตารุ่นพี่ เพราะแค่ตอนนี้ฉันก็รู้เหมือนหายใจไม่ออกและหน้าของฉันก็ร้อนมากด้วย จึงได้ยื่นมือรับไอศกรีมจากรุ่นพี่มา แม้ว่าฉันจะไม่ชอบไอศครีมรสนี้ก็ตาม แต่แล้ว...
“เธอไม่ชอบรสสตรอเบอรี่ เอารสนมให้เธอไปดีกว่าครับ”
ฮีโระหยิบไอศกรีมรสนมจากมืออีกด้านของรุ่นพี่ให้ฉันแทนรสสตรอเบอรี่ที่เขายื่นให้
“เพราะว่าเวลาเธอเขิน เพื่อนๆชอบล้อเธอว่า ยัยแก้มสตอเบอรี่น่ะ”
จู่ๆ ฮีโระก็พูดประโยคที่ทำให้ฉันแปลกใจออกมาได้อย่างหน้าตาเฉย เขารู้เหตุผลที่ฉันไม่ชอบสตอเบอรี่ได้ยังไงกันนะ
“ทำไมเธอถึงรู้ล่ะ?”
ฉันถามเขาทั้งที่ความแปลกใจยังไม่หาย ก่อนที่ฉันจะทันได้รู้คำตอบ รุ่นพี่ที่ได้แต่เงียบสักพักก็พูดขึ้น
“พวกเธอดูสนิทกันจังเลยนะ”
“ไม่มีใครจะสนิทกับเธอมากกว่าพวกผมอีกแล้วล่ะครับ”
“แล้วก็ฉันด้วยค่ะ”
มุนอาพูดเสริม ฮีโระยิ้มกรุ้มกริ่มให้รุ่นพี่ ถ้าฉันมองแค่ผิวเผิน คงคิดว่าพวกเขาทะเลาะกัน
“ตอนเย็นไปโรงยิมสิ”
รุ่นพี่พูดขึ้นลอยๆ เราทั้งคู่ต่างก็ไม่กล้าจะสบตากันตั้งแต่เกิดเหตุการณ์เมื่อวาน จากเมื่อวานนี้ที่ฉันคิดว่าเราคงจะไม่ได้พูดคุย อยู่ใกล้ หรือแม้แต่จะเห็นรุ่นพี่จากไกลๆอีกแล้ว จากที่ฉันเคยคิดว่ารุ่นพี่คงจะเกลียดฉันเข้าจริงๆหลังจากที่เขาไล่ฉันไปเมื่อวาน ไม่น่าเชื่อว่าเหตุการณ์จะดีขึ้น เพราะพวงกุญแจร่มสีเหลืองนั่นหรือเปล่านะ แต่ไม่ว่าจะเพราะอะไร ฉันก็อยากจะขอบคุณมากๆที่ทำให้ฉันมีโอกาสได้อยู่ใกล้รุ่นพี่มากขึ้นกว่าเดิม
“ก็ดีเหมือนกันนะคะ ตอนเย็นฉันจะได้ไปด้วย ได้ไหมคะรุ่นพี่ฮารุ”
จู่ๆ ซอลฟาก็โผล่มาจากด้านหลัง ทำให้พวกเราทั้งหมดต้องหันกลับไปมองเธอด้วยความแปลกใจ รุ่นพี่เองก็ดูจะแปลกใจอยู่ไม่ใช่น้อย สถานการณ์ดูจะเปลี่ยนไป แม้ว่าจะไม่เข้าใจว่าซอลฟามาได้อย่างไร แต่พวกเราก็ยังเออ ออ กันว่าจะไปดูรุ่นพี่เล่นบาส
“งั้นก็ไปกันทั้งหมดนี่เลยสิ”
รุ่นพี่บอก พลันสายตาของฉันก็แอบมองเห็นว่าซอลฟายืนยิ้มให้กับรุ่นพี่ ทำไมเธอจะต้องอยากไปดูรุ่นพี่ซ้อมบาสเหมือนกับฉันด้วยนะ ฉันเริ่มตั้งคำถามมากมาย หรือว่าความหึงหวงเริ่มเข้าครอบงำฉันมากเกินไป จนไม่อยากจะให้ใครๆมาใกล้รุ่นพี่ซะแล้ว
“ไหนๆก็ไหนๆแล้ว ขอนั่งด้วยคนเลยละกันนะคะ วันนั้นเจอรุ่นพี่ฮารุไปแล้ว ขอแนะนำตัวอีกครั้ง ฉันชื่อซอลฟาค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักรุ่นพี่ทุกคนนะ”
ซอลฟายิ้มหวานให้กับทุกคนราวกับว่าไม่ใช่เรื่องที่น่าแปลกอะไร อาจจะเพราะเธอเป็นนักดนตรีที่เข้ากับคนง่ายและไม่ถือตัว จึงสามารถพูดคุยกับใครๆได้อย่างง่ายดาย มุนอาทำท่าอึดอัดมากขึ้นเพราะดูเหมือนเธอจะไม่ชอบซอลฟาตั้งแต่ครั้งก่อนแล้ว ในขณะที่พวกเราพูดคุยกันอยู่นั้นสายตาพิฆาตรของพวกแชวอนก็แผ่รังสีมาถึงพวกเราจนฉันและมุนอาสัมผัสได้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ฉันรู้สึกกลัวแม้แต่น้อย แต่กลับทำให้ฉันรู้สึกว่าอย่างน้อยๆฉันก็ได้เข้าใกล้รุ่นพี่ได้มากขึ้นแล้ว
“แชวอน เธอกับเพื่อนจะไปดูด้วยกันก็ได้นี่”
รุ่นพี่หันกลับไปยิ้มและบอกพวกแชวอนเหมือนจะรู้ว่าพวกเธอก็อยากให้รุ่นพี่มองเห็นเธอเหมือนกัน ดีจังเลยนะ ตรงนี้แหละที่ทำให้ฉันชื่นชอบรุ่นพี่ตลอดมา พวกแชวอนตอบรับแบบเขินกับรุ่นพี่ดูพวกเธอจะดีใจมาก แทนที่ฉันจะรู้สึกอึดอัดแต่ฉันกลับรู้สึกว่ามันดีจังเลย
“งั้นตอนเย็นเจอกันนะ”
รุ่นพี่บอกก่อนที่จะลุกออกไป
“รุ่นพี่เนี่ยไม่น่าจะใจดีกับพวกนั้นให้มากเลย น่าจะใจดีกับฮารุแค่คนเดียวก็พอละ”
มุนอาทำหน้าเบื่อหน่ายกับความใจดีของรุ่นพี่จนทำให้ฉันตลกออกมา ส่วนพวกแชวอนหลังจากรุ่นพี่ไปแล้วพวกเธอยังคงทำหน้าที่แสนจะบ่งบอกว่ารำคาญฉันเหมือนเช่นเคย
“รุ่นพี่น่ะ ก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วล่ะค่ะ ใจดีกับทุกคน และรายรอบตัวเขาก็มีแต่คนชอบ โอ๊ะ... แต่อย่าซีเรียสไปเลยค่ะ ให้ฉันร้องเพลงให้ฟังสักเพลงก่อนจะเข้าเรียนภาคบ่ายกันดีมั้ยคะ”
ซอลฟาพูดพร้อมกับดึงเอากีต้าร์ออกมาจากกระเป๋า ฮีโระทำท่าทางสนใจและชมซอลฟาไม่ขาดปากว่าเธอดูเท่ห์มากเวลาที่เล่นกีต้าร์และร้องเพลงแบบนี้ ส่วนมุนอานั้นแทบจะไม่มองหน้าซอลฟาตั้งแต่เธอมานั่งโต๊ะด้วยซ้ำ ฉันเองก็เริ่มรู้สึกแปลกๆกับเธอเหมือนกัน แต่ก็บอกไม่ถูกว่ามันเป็นความรู้สึกแบบไหนกันนะ ฉันไม่อยากจะรู้สึกอคติกับเธอตั้งแต่เพิ่งรู้จักกันแบบนั้น และมันก็คงจะไม่ดี ถ้าหากว่าฉันคิดไม่ดีกับเธอ ฉันพยายามปัดเอาความรู้สึกเหล่านั้นออกไป และพยายามเปิดใจให้กว้างมากขึ้น เพราะที่สิ่งที่คิดก็อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิดก็ได้
ตกเย็นหลังเลิกเรียน ตามสัญญาที่บอกไว้กับรุ่นพี่ว่าจะไปดูรุ่นพี่เล่นบาส ฉันเก็บของและเตรียมพร้อมที่จะไปที่โรงยิม
“แหมๆ วันนี้ดูอารมณ์ดีเลยนะ ไหนๆดีซิยิ้มซะจนปากกว้างไปถึงใบหูแล้วนะเนี่ย”
ฮีโระเอามือมาดึงแก้มทั้งสองข้างของฉัน ถ้าเป็นตอนที่รู้จักกันใหม่ๆฉันคงจะรู้สึกแปลกไม่น้อย แต่ตอนนี้นิสัยแบบนี้ของเขากลายเป็นธรรมดาสำหรับฉันไปแล้ว จะว่าไปฉันเองก็คงดูมีความสุขจนเวอร์ไปจริงๆนะแหละ เพราะถึงแม้จะโดนฮีโระแซวอย่างนั้นฉันก็ยังอยากยิ้มแบบนี้ต่อไป
“จะสนิทกันมากเกินไปแล้วนะ ฮีโระ มุนอาก็อยู่นี่ทั้งคนนะ”
มุนอาทำท่าค้อนเล็กน้อย ก่อนที่เธอจะงอน ฮีโระก็ยกมือขึ้นจับหัวเธอเบาๆ
“ที่จริงผมก็สนิทกับมุนอาเหมือนกันน่า อย่าน้อยใจเลย”
เย็นนี้มุนอาบอกว่ามีธุระที่บ้านก็เลยไม่ได้ไปโรงยิมด้วย เธอก็ขอแยกกลับบ้านก่อน ทิ้งให้ฉันกับฮีโระไปกันเพียงสองคน
ส่วนซอลฟาบอกว่าเธอจะไปรออยู่ที่โรงยิม แต่ก่อนที่จะเข้าโรงยิมฉันก็เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าลืมหนังสือที่ต้องทำการบ้านส่งวันพรุ่งนี้ไว้ที่ใต้โต๊ะฉันจึงบอกให้ฮีโระไปที่โรงยิมก่อน และวิ่งกลับไปที่ห้อง เมื่อมาถึงห้องเรียน สิ่งที่ทำให้ฉันแปลกใจมากที่สุดคือ บนกระดานมีคนเขียนเมจเสจบางอย่างทิ้งไว้
“ถ้าเธอไม่ได้คิดจริงจัง เลิกยุ่งกับเขาซะ” นี่คงไม่ได้ต้องการจะบอกฉันใช่ไหม หรือว่าข้อความนี้จะเป็นข้อความเตือนฉัน หมายถึงฉันกับรุ่นพี่ยังงั้นเหรอ ฉันมองข้อความอย่างละเอียดอีกครั้ง ถ้าหากต้องการจะบอกฉันจริงๆ ฉันก็อยากจะบอกเธอว่าฉันจริงจังจริงๆนะ และฉันก็ไม่สามารถเลิกยุ่งกับเขาได้ เพราะว่าฉันแอบเฝ้ามองเขามานานเป็นปีแล้วยังไงล่ะ”
ฉันหยิบแปลงลบกระดานมาลบข้อความก่อนทีจะมีคนมาเห็น และนั่นยิ่งทำให้ฉันเข้มแข็งและอยากทำอะไรให้กับรุ่นพี่เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจริงจังกับรุ่นพี่จริงๆ
“ว่าจะไม่อะไรด้วยแล้วเชียว หาเรื่องจนได้สินะ” เสียงใครบางคนเอ่ยขึ้นมาเบาๆท่ามกลางความว่างเปล่าที่หน้าประตู
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
..............................................................................................................................................................................................................