รุ่งเช้าของวันเสาร์ เนื่องจากนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฮีโระไม่ได้ตั้งปลุกในวันเสาร์อาทิตย์ ปกติในวันหยุดแบบนี้ฉันจะได้นอนตื่นสายยาวๆโดยไม่มีใครรบกวน แต่ก็มีเรื่องที่น่าแปลกอยู่ 2 เรื่องนั้น อย่างที่หนึ่งคืออยู่ดีๆฉันก็อยากจะตื่นให้เช้ากว่าปกติ และเรื่องที่น่าแปลกเรื่องที่สอง ในขณะที่ฉันกำลังนั่งทานข้าวเช้าอยู่
“ปิ๊งป่อง ปิ๊งป่อง”
แม่ลุกออกจากเก้าอี้แล้วเดินออกไปเปิดประตู
“นี่ เป็นเธออีกแล้วเหรอ ฉันว่าฉันได้พูดจนชัดเจนดีแล้วนะ”
“ผมขอเวลาแค่วันนี้วันเดียวครับ แล้วผมจะพาเธอมาส่งก่อนจะเย็น”
“นี่เธอ... หวังว่าเธอคงจะไม่ลืมคำพูดของตัวเองนะ แค่ครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น”
เสียงแม่กำลังสนทนากับใครบางคนที่หน้าบ้าน พ่อกระซิบบอกกับฉันว่า
“พ่อเข้าใจความรู้สึกของแม่ดี และเราก็หวังว่าลูกคงจะเข้าใจเราในสักวันหนึ่ง ลูกก็รู้ว่าพ่อกับแม่รักลูกขนาดไหน เราไม่อยากจะเห็นลูกต้องเสียใจหรอก”
“หมายถึงอะไรคะพ่อ หรือพ่อกับแม่คิดว่ารุ่นพี่ไม่ดีเหรอคะ”
“สายตาของพ่อดูแค่แปบเดียวก็รู้ว่าเขาเป็นคนดี แต่มันมีเหตุผลที่มากกว่านั้น ซึ่งลูกควรจะค้นพบมันด้วยตัวเอง”
พ่อหยุดพูดและรีบตักข้าวต้มต่อเมื่อเห็นว่าแม่เดินกลับเข้ามาแล้ว
“มีคนรอลูกอยู่ที่หน้าบ้าน แม่ไม่ได้เห็นดีด้วยหรอกนะ แต่ลูกต้องกลับมาก่อนจะเย็น”
แม่พูดเชิงเป็นการออกคำสั่ง ฉันชักสงสัยว่าคนๆนั้นเป็นใคร หลังจากที่ฉันเก็บจานเสร็จจึงรีบเดินออกไปดู
“รุ่นพี่... มาได้ไงคะเนี่ย”
ฉันแปลกใจมากเมื่อเห็นรุ่นพี่ยืนอยู่ที่หน้าบ้านพร้อมกับดอกไม้ช่อที่ไม่ใหญ่นัก แต่มันน่ารักมากในสายตาฉัน รุ่นพี่ยิ้มน้อยๆและส่งดอกไม้มาให้ฉัน
“ไปเที่ยวกันนะ”
ฉันรับดอกไม้จากรุ่นพี่ แม่เปิดประตูออกมาอีกครั้ง และตะโกนบอกฉัน
“ฮีโระออกจากบ้านแต่เช้าทั้งๆที่เป็นวันอาทิตย์ ถ้าลูกไม่ใช่คนใจดำ ลูกน่าจะตามไปดูว่าเขามีปัญหาอะไรหรือปล่าว”
แม่กลับเข้าบ้านและประตูก็ปิดลง ฮีโระไปที่ไหนตั้งแต่เช้ายังงั้นเหรอ ฉันหันมองไปทางรุ่นพี่ซึ่งกำลังมองมาที่ฉันเหมือนกัน น่าแปลกนะที่อยู่ดีๆรุ่นพี่ก็มาชวนฉันออกไปเที่ยว ฉันยังคงมองรุ่นพี่อยู่แบบนั้น เพราะยังไม่เชื่อสายตาตัวเองอยู่ดีว่าสิ่งที่ฉันเหมือนจะคิดและฝันเอาเอง ว่าในสักวันหนึ่งเราจะได้ไปเที่ยวด้วยกัน มันจะเกิดขึ้นเป็นเรื่องจริงได้ในวันนี้
“เล่นจ้องกันซะขนาดนี้ ผมก็เขินเป็นนะ ไปกันเถอะ”
รุ่นพี่ยื่นมือมาจับมือของฉัน ฉันยิ้มและพยักหน้าให้กับรุ่นพี่เล็กน้อย ไม่รู้ว่าสำหรับคนอื่นจะรู้สึกอย่างไร สำหรับฉันคนที่ฉันได้แต่นอนแล้วก็อธิษฐานว่าคืนนี้ขอให้ฝันถึงเขา ตอนนี้เขากลับมาอยู่ต่อหน้าฉัน จับมือฉัน แล้วเราก็ได้เดินไปด้วยกัน มันเป็นอะไรที่ฉันไม่อยากจะเชื่อ และฉันคิดว่าฉันเองก็คงจะยิ้มอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าคนที่ผ่านไปมาอาจจะคิดว่าฉันบ้า แต่ว่าฉันรู้สึกว่าฉันโชคดีจริงๆ โชคดีมากๆขอบคุณมากนะคะรุ่นพี่
“ขอโทษนะ ถ้ารู้ว่าเวลาที่ฮารุยิ้มแล้วจะสวยขนาดนี้ ผมน่าจะจับมือของฮารุไว้ให้เร็วกว่านี้”
รุ่นพี่พูดออกมาพร้อมกับมองหน้าฉันด้วยความรู้สึกผิด ใบหน้าของเขาดูเศร้าลงเล็กน้อย ฉันได้แต่ส่ายหัวเบาๆ ที่จริงแล้ว ฉันแทบอยากจะร้องไห้เลยด้วยซ้ำ ไม่ใช่เพราะฉันเสียใจหรอกนะ แต่เป็นเพราะฉันดีใจมาก ดีใจมากจริงๆ เพราะฉันไม่เคยคิดว่า รุ่นพี่จะหันมามองฉัน แค่สักครั้ง ฉันเองก็ยังไม่กล้าที่จะคิด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นตอนนี้หรือนานกว่านี้ ฉันก็รอได้ค่ะรุ่นพี่
ฉันและรุ่นพี่เดินมุ่งหน้าไปยังที่หนึ่ง ซึ่งแม้ว่าเราจะไม่พูดอะไรกันมาก แต่เพราะเมื่อวานนี้พวกเราเพิ่งทำประตูห้องพัง ฮีโระก็คงจะไปไหนไม่ได้ นอกซะจากว่าเขาจะไปที่โรงเรียน เมื่อมาถึงที่โรงเรียนพวกเราก็เห็นเงาของฮีโระที่งกๆเงิ่นๆกับบานประตูที่หลุดอยู่ โชคดีที่แค่เปลี่ยนบานพับไม่ได้เปลี่ยนทั้งประตู ฉันกับรุ่นพี่เดินไปที่ด้านหลังฮีโระที่ยังไม่รู้ตัว
“ทำอะไรเหรออยู่เหรอ”
ฉันแกล้งโผ่ลหน้าไปที่ด้านข้างฮีโระซึ่งกำลังตั้งหน้าตั้งตาตอกประตูอยู่จนเขาตกใจ
“เฮ้ย ฮารุเองเหรอ ตกใจหมดเลย มาได้ไงเนี่ย”
เขาถามขึ้นขณะที่มองตามมือที่ฉันชี้ไปทางรุ่นพี่
“พวกเรามาช่วยน่ะ เพราะยังไงซะมันก็เป็นฝีมือพวกเราไม่ใช่เหรอ”
รุ่นพี่พูดขึ้นพร้อมๆกับมองหาอุปกรณ์ที่จะมาช่วยฮีโระซ่อมประตู ฉันนั่งดูอยูห่างๆเพื่อที่จะได้ไม่เกะกะพวกเขามากนัก
“อยากจะรู้จริงๆว่าเป็นฝีมือของใคร ตอนแรกก็กะว่าคงจะเป็นลุงภารโรงที่มาปิดห้องโดยที่ไม่ได้ดูคนซะอีก”
“แล้วไม่ใช่ลุงภารโรงหรอกเหรอที่ล๊อคประตูน่ะ”
“ผมไปถามแกเมื่อเช้า แกบอกว่าแกไม่ได้เป็นคนล๊อก แถมแกยังลืมล๊อคทุกห้องด้วย” = =
แล้วใครเป็นคนทำกันนะ ฉันเริ่มสงสัยมากขึ้นทุกที แต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาตัวคนทำได้ยังไง เฮ้อ ยิ่งคิดก็ยิ่งสับสน แต่สิ่งที่ทำให้ฉันไม่อยากจะรู้ว่าใครเป็นทำ ก็เพราะไม่อยากรู้สึกว่ามีคนเกลียดฉันมากถึงขนาดที่อยากจะแกล้งฉันขนาดนี้ แต่ฉันยังคงจดจำเงาของใครบางคนที่อยู่ข้างนอกตอนที่ฉันถูกขังได้ แม้ว่าฉันจะไม่รู้ว่าเป็นใคร แต่ความรู้สึกที่เป็นคนคุ้นเคยก็ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัด เหมือนจะรู้ว่าเป็นใคร แต่ก็พูดไม่ออก และได้แต่ภาวนาว่าอย่าได้มีใครที่รู้สึกแบบนั้นกับฉันอีกเลย เพราะมันเป็นความรู้สึกที่ดูน่ากลัวมากๆ
“ในระหว่างนี้ ฮารุไปหาซื้ออะไรเย็นๆก่อนดีไหม ฮีโระคงหิวน้ำแล้ว เดี๋ยวผมจะช่วยเขาที่นี่”
“รุ่นพี่ก็ไปกับฮารุด้วยสิครับ ผมซ่อมตรงนี้เอง อีกสักแปบก็เสร็จแล้ว”
“ไม่เป็นไร ฉันไปเองได้”
ฉันรีบลุกออกจากที่นั่งและเดินไปที่ตู้กดน้ำ อย่างน้อยๆฉันก็ได้ช่วยซื้อน้ำให้เขาพวกเขาแทนที่จะนั่งดูเฉยๆ
“เอาน้ำอะไรให้ฮีโระกับรุ่นพี่ดีนะ”
ส้ม สตรอเบอรี่ แอปเปิ้ล กีวี่ มะนาว หรือน้ำมะพร้าวดี ถ้าเดาจากนิสัยสองคนก็เหมือนจะนิสัยคล้ายๆกัน ถ้ายังงั้น เอาเป็นฮีโระกีวี่ รุ่นพี่มะนาว แล้วของฉันก็เป็นแอปเปิ้ลดีกว่า ฉันหยอดเหรียญและกดเลือก แล้วฉันก็ได้น้ำผลไม้มาแล้วสามกระป๋อง ฉันเดินกลับเข้าไปที่โรงเรียน รุ่นพี่กับฮีโระอยู่ไม่ไกลจากที่ฉันยืนอยู่มากนัก พวกเขากำลังช่วยกันอย่างขมักขะเม้น แต่พอฉันมองจากไกลๆแบบนี้ รัศมีของพวกเขาเปล่งประกายและดูดีราวกับเป็นดารานายแบบเลยทีเดียว ถ้ามีใครบอกว่ารุ่นพี่กับฮีโระเป็นพี่น้องกัน ฉันจะต้องเชื่อแน่ๆ
“”น้ำเย็นๆมาแล้วค่ะ นี่มะนาวของรุ่นพี่ กีวี่ของฮีโระ ส่วนแอปเปิ้ลของฉันค่ะ”
ฉันจัดแจงหยิบน้ำผลไม้ออกมาแจกให้กับทั้งคู่ ตอนนี้ประตูซ่อมใกล้เสร็จแล้วสินะ ฮีโระซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลพูดขึ้นในขณะที่พัก
“รุ่นพี่กับฮารุไปกันเถอะ ที่เหลือเดียวผมจัดการเอง เหลือแค่ตอกตะปูตรงนี้อีกที่เดียว”
เขาชี้ตรงจุดที่ค้างอยู่
“เอางั้นเหรอ งั้นก็ฝากด้วยนะ ไปกันเถอะฮารุ”
รุ่นพี่ลุกขึ้นแล้วยื่นมือมาให้ฉันจับและดึงฉันลุกขึ้น ฮีโระยิ้มให้ฉันพร้อมกับโบกมือในขณะที่ยังดูดน้ำผลไม้ที่ฉันซื้อให้ ที่จริงฉันก็รู้สึกตื่นเต้นนะที่จะได้ไปเที่ยวกับรุ่นพี่ แต่ว่าฉันก็ไม่อยากจะทิ้งให้ฮีโระต้องอยู่เพียงลำพัง มันเป็นความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ฉันหันหลังกลับไปมองฮีโระอีกครั้ง หน้าเศร้าของเขาดูไม่เหมาะกับเขาเลยแต่พอเขาเห็นว่าฉันมองอยู่ เขาก็เผยรอยยิ้มและโบกมือให้ฉันอีกครั้ง พวกเราเดินออกมาจากโรงเรียนโดยที่ฉันไม่รู้ว่าเราจะไปที่ไหนกันต่อ รุ่นพี่โบกรถเมลล์และพวกเรานั่งรถมาแถวๆตัวเมือง ซึ่งเป็นย่านที่มีผู้คนมากมาย
“ฮารุเคยเล่นเกมส์ตู้มั้ย”
รุ่นพี่ถามขึ้นในขณะที่พวกเรายืนอยู่หน้าร้านเกมส์ตู้ ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ฉันได้มาที่นี่ ฉันส่ายหน้าเล็กน้อย ปกติที่ฉันเคยไปกับมุนอาก็แค่ร้านคาราโอเกะใกล้บ้านเท่านั้นเอง
“ป่ะ งั้นเราไปลองเล่นกันดูดีกว่า เห็นแบบนี้ผมเล่นเกมส์เก่งนะ”
รุ่นพี่รีบคว้ามือของฉันและมุ่งตรงเข้าไปในร้าน ตอนนี้ในร้านมีทั้งเด็กประถมและมัธยมปะปนกันไปหมด แต่ที่น่าแปลกใจคือมีเด็กนักเรียนผู้หญิงด้วย ซึ่งฉันเคยคิดว่าร้านเกมส์แบบนี้คงจะมีแต่เด็กผู้ชายมากันแน่ๆ
“น่าสนุกใช่ไหมล่ะ”
รุ่นพี่ในตอนนี้ดูสดใสมากๆ เขาจูงมือฉันไปที่ตู้ UFO ที่ฉันเคยเห็นบ่อยๆแต่เท่าที่เคยแอบมองคนอื่นเล่นมันไม่เคยมีครั้งไหนที่จะได้ตุ๊กตาเลยสักครั้ง
“นี่ๆเธอดูผู้ชายคนนั้นสิเธอ หล่อมากเลยอ่ะ”
“ไหนๆ เธอก็หลีกฉันหน่อยสิ ว้าย หล่อจริงๆด้วยอ่ะ เสียดายมีแฟนแล้ว”
“แต่แฟนก็ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่หรอกนะ ก็งั้นๆแหละ ฮะฮะ”
กลุ่มสาวๆที่ตอนนี้อยู่ในตู้ถ่ายรูปอัตโนมัติพูดกันอย่างสนุกสนาน สำหรับฉัน ฉันก็ไม่เคยจะแคร์กับคำพูดของพวกเขาสักเท่าไหร่หรอก เพราะแค่ฉันได้มากับรุ่นพี่ก็ถือว่าฉันโชคดีมากๆแล้วล่ะ แต่รุ่นพี่จู่ก็หยุดเดินและพาฉันไปที่ตู้ถ่ายรูปที่พวกเธออยู่แทน
“ขอบคุณครับที่เห็นพวกเราในสายตา แต่จะดีมากๆถ้าพวกคุณจะไม่พาดพิงถึงเธอ เพราะเธอเป็นคนที่พิเศษมากๆสำหรับผม”
รุ่นพี่พูดพร้อมกับส่งรอยยิ้มหวานๆให้ แม้จะเป็นคำพูดที่เหมือนจะดูดุนิดๆแต่ฉันคิดว่าพวกเธอคลั่งไคล้มากกว่าที่จะกลัวรุ่นพี่นะ
“อ่อ ขอโทษค่ะ คือพวกเราก็แค่พูดเล่นๆไม่ได้คิดอะไรจริงจัง อย่าซีเรียสเลยนะคะ เดี๋ยวหน้าหล่อๆจะดูไม่ดี”
ผู้หญิงหนึ่งในกลุ่มพูดขึ้นพร้อมส่งสายตาหวานให้กับรุ่นพี่ รุ่นพี่จูงมือฉันกลับมาที่ตู้ UFO ตามเดิม แต่หูเจ้ากรรมฉันก็ยังคงได้ยินเสียงพวกเธอพูดกันลอยตามมาอยู่
“หล่อ แถมหยิ่งแบบนี้ สเป็คเลยล่ะ”
“ต๊าย สำหรับฉันขอแค่ได้หน้าตาแบบนี้ นิสัยยังไงฉันก็รับได้แหละเธอ เห็นแล้วอยากจะกรี๊ดสลบจริงๆ”
จริงๆแล้วฉันก็ไม่ได้ต่างจากพวกเธอนักหรอก เพราะตอนที่ฉันได้เจอรุ่นพี่ตั้งแต่ครั้งแรก ฉันก็คิดว่านี่คงเป็นเทพบุตรมาเกิดซะมากกว่าจะเป็นมนุษย์ แต่ที่ฉันปลื้มต่อจากนั้นก็เห็นจะเป็นนิสัยของรุ่นพี่ที่ดีมากๆ (เหมือนกับหน้าตาของเขาเปี๊ยบเลย) ^^
“อืม ฮารุชอบตัวไหนเป็นพิเศษไหม”
“ฉัน...เลือกได้เหรอคะ”
“อื้ม เลือกได้ตามใจชอบเลย ผมอยากให้ฮารุเป็นของขวัญ”
“รุ่นพี่ใจดีกับฉันมากเกินไปหรือเปล่าคะเนี่ย บางทีฉันก็รู้สึกแปลกๆ”
ฉันพูดพลางเอามือเกาหัวเบาๆ เพราะจากคนที่เย็นชากับฉันมาก ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า เขาใจดีกับฉันสุดๆ ฉันควรจะเผื่อใจบ้างสักนิดดีไหมนะ
“ผมก็แค่อยากทำดีกับฮารุให้มากๆ เพราะถ้าหากมีอะไรบางอย่างเปลี่ยนไป ผมอาจจะไม่ได้ทำให้ฮารุอีกแล้วก็ได้”
รุ่นพี่พูดและพยายามฝืนยิ้ม มันมีความหมายอะไรแอบแฝงอยู่ในคำพูดนั้นหรือเปล่านะ รุ่นพี่ยังคงคะยั้นคะยอให้ฉันเลือกตุ๊กตาต่อไป ในตู้มีตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบ ทั้งตุ๊กตาหมี ตุ๊กตาเด็กผู้หญิง ตุ๊กตาหน้าผลไม้ ฉันเลือกไม่ถูกจริงๆ อืม ตัวไหนดีนะ
“ฉันอยากได้ตัวที่รุ่นพี่เลือกให้ค่ะ เป็นตัวอะไรก็ได้ ถ้าได้จากรุ่นพี่ฉันก็ดีใจมากๆแล้ว”
“เอางั้นเหรอ อืม งั้นเอาเป็นตัวนี้ละกันนะ”
รุ่นพี่ชี้ไปที่ตุ๊กตาเด็กผู้ชายใส่หมวกและใส่ชุดเอี๊ยมน่ารักๆตัวหนึ่ง รุ่นพี่เริ่มหยอดเหรียญลงไป และเลื่อนให้ตรงตำแหน่ง ฉันยืนดูอย่างใจจดใจจ่อ
“ขอให้ได้ทีเถอะนะ”
รุ่นพี่พึมพำออกมา ฉันเพิ่งสังเกตเห็นว่ารุ่นพี่ก็มุมที่น่ารักๆแบบนี้กับเขาด้วย ตอนนี้ดูเหมือนรุ่นพี่จะพยายามอย่างมากเพื่อที่จะจับเจ้าตุ๊กตาเด็กชายมาให้ได้ เครื่องเริ่มทำงานและหยุดตรงตำแหน่งที่เลือก มันค่อยๆเลื่อนลงมาที่ตุ๊กตาและจับตุ๊กตานั้นขึ้น
“มัน ขึ้นมาแล้วค่ะรุ่นพี่”
ตอนนี้พวกเราสองคนกำลังส่งกระแสจิตอย่างรุนแรงไปที่ตุ๊กตาที่ตอนนี้รอแค่ให้มันปล่อยลงที่ช่องเท่านั้น แต่ว่า...แป่ว มันดันหลุดมือซะก่อนที่จะถึงช่องซะได้
“ว้า”
“ว้า”
พวกเราหันมามองหน้ากันแล้วหัวเราะใหญ่ ความรู้สึกผิดหวังนี้เราสามารถรับรู้มันได้เหมือนๆกัน
“ครั้งนี้ขอให้ได้ทีเถอะ”
รุ่นพี่ดูเหมือนคนที่กำลังจะปลุกเสกคาถาลงในเหรียญเพื่อให้ได้ตุ๊กตายังไงยังงั้น เขาหยอดเหรียญและเลื่อนมือไปที่ตำแหน่งตุ๊กตาเด็กชายอีกครั้ง
“ตรงนี้แหละ”
รุ่นพี่กดปุ่มอีกครั้งเพื่อให้เครื่องหยุดตรงตำแหน่งและจับที่ตุ๊กตา และตอนนี้มันจับขึ้นมาได้แล้ว และระยะที่จะถึงช่องก็ใกล้มากขึ้น ฉันยกมือขึ้นมากุมโดยไม่รู้ตัว รุ่นพี่เองก็จ้องมันอย่างไม่กระพริบ และสุดท้า
ปึก!!!!!!!!!!
เสียงตุ๊กตาหล่นลงมาที่ช่อง
”เย้ พวกเราทำสำเร็จแล้วฮารุ”
ฉันและรุ่นพี่กระโจนเข้าจับมือกันด้วยความดีใจ จนเมื่อรู้สึกตัวอีกทีหน้าของพวกเราก็ใกล้กันมากๆ >///<
” ไหนขอดูหน่อยสิว่าตุ๊กตาเด็กน้อยของผมน่ารักไหม”
รุ่นพี่หยิบตุ๊กตาขึ้นมาจากช่องรับตุ๊กตาและเอามาเทียบหน้ากับตัวเอง
“ดูสิว่าหน้าเหมือนผมไหม ไว้เวลาที่ฮารุมีเรื่องไม่สบายใจ ให้ตุ๊กตาเด็กชายคนนี้เป็นคนรับฟังนะ”
รุ่นพี่ยื่นตุ๊กตามาให้ฉัน ฉันรับมันไว้แม้หน้าตาจะไม่ได้หล่อเหมือนรุ่นพี่แต่หน้าตาของมันก็น่ารักน่าชังทีเดียว ตอนนี้ฉันรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้ รุ่นพี่เอื้อมมือมาจับที่หัวฉันเบาๆ
“กอดตุ๊กตาแบบนี้ ฮารุดูเหมือนเด็กเลยล่ะ น่ารักจัง”
รุ่นพี่พูดในขณะที่ทำท่าเขินไปด้วย รุ่นพี่จะรู้ตัวไหมนะว่ารุ่นพี่ก็น่ารักมากๆเหมือนกัน เราย้ายจากตู้ UFO ไปที่แท่นทุบตัวตัวตุ่นที่สลับกันโผล่ออกมาซึ่งพี่กับรุ่นพี่ช่วยกันทุบจนค้อนแทบจะหลุด พวกเราหัวเราะคิกคักกันก่อนที่จะแอบเอาค้อนอันที่เสียซ่อนไว้และย้ายไปเล่นขว้างลูกบอลให้โดนเป็ด แล้วก็ไปเล่นเกมส์เต้นที่ฉันเงอะงะที่สุดเท่าที่เคยเป็นมา
“เราไปถ่ายรูปสติ๊กเกอร์กันก่อนกลับดีไหม”
“ดีเหมือนกันค่ะ”
ฉันตื่นเต้นมาก ในที่สุดฉันก็จะได้มีรูปของรุ่นพี่เก็บไว้ดู ไม่ต้องคอยจินตนาการอยู่ในความฝันอีกต่อไปแล้ว พวกเราเข้าไปในตู้ถ่ายรูปสติ๊กเกอร์แล้วโพสต์ท่าอยู่สามสี่ท่าซึ่งฉันคิดว่าทั้งฉันและรุ่นพี่ดูตลกๆทั้งคู่ แล้วพวกเราก็แบ่งรูปกันไว้คนละแผ่น
“ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า เวลาที่เรามีความรัก มันดีอย่างนี้เอง ถ้าเวลาหยุดอยู่แค่นี้ได้ ก็คงดี”
รุ่นพี่พูดขึ้นในขณะที่เรานั่งทานข้าวกลางวันที่ร้านอาหาร
“สำหรับฉัน ฉันคิดว่ามันเหมือนความฝันและน่าดีใจมากกว่ารุ่นพี่เป็นสิบเท่าเลยล่ะค่ะ”
“พูดแบบนี้เหมือนว่าให้ผมดีใจน้อยกว่าฮารุเลยแฮะ รู้ไหมว่าผม ก็...แอบมองฮารุมานานแล้วเหมือนกันนะ”
“จริงเหรอคะ O.O ฉันคิดว่ารุ่นพี่เกลียดฉันซะอีก”
“ขอโทษนะ ผมอาจจะเป็นพวกที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย วันพรุ่งนี้ผมอาจจะกลายเป็นอีกคนที่ฮารุไม่เคยรู้จักก็ได้”
รุ่นพี่พูดราวกับว่าวันพรุ่งนี้เราจะไม่เหมือนเดิม ฉันหวังว่ามันจะเป็นแค่เรื่องตลกที่จะไม่กลายเป็นความจริง
พวกเรานั่งพูดคุยกันอย่างเนิ่นนานราวกับคนที่ไม่ได้คุยกันมาเป็นปี หลากหลายเรื่องราวที่ต่างคนต่างก็อย่างจะเล่าสู่กันฟัง สิ่งที่อยากให้อีกฝ่ายได้รับรู้ และตอนนี้ฉันได้เห็นรุ่นพี่ในอีกแบบที่ฉันไม่เคยเห็น และได้รู้จักรุ่นพี่ในอีกมุมมองหนึ่งที่ฉันคิดว่ามันเป็นเรื่องของโชคชะตาจริงๆ รุ่นพี่บอกว่า ทุกๆที่ที่เขามอง มักจะเห็นฉันในนั้นเสมอ มันเหมือนโชคชะตาที่ทำให้เราใจตรงกันและฉันก็คิดว่ามันเป็นแบบนั้นจริงๆ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ
- บทนำ
- ตอนที่ 1 เสื้อกันฝนสีแดง
- ตอนที่ 2 ความบังเอิญ
- ตอนที่ 3 เพื่อนสนิท?
- ตอนที่ 4 คนที่รู้ความลับ
- ตอนที่ 5 คำอธิฐาน
- ตอนที่ 6 รูปแห่งความทรงจำ
- ตอนที่ 7 ร่มสีเหลือง
- ตอนที่ 8 น้อยใจ
- ตอนที่ 9 เผลอ
- ตอนที่ 10 คำอธิฐานใต้แสงดาว
- ตอนที่ 11 สารภาพรัก
- ตอนที่ 12 เงาของคน 2 คน
- ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ 👈
- ตอนที่ 14 คนรู้จัก ที่... ไม่เคยรู้จัก
- ตอนที่ 15 ความเชื่อใจ
- ตอนที่ 16 ความเจ็บปวดที่... เนิ่นนาน
- ตอนที่ 17 ยิ่งฝืน.. ก็ยิ่งเหนื่อย
- ตอนที่ 18 เธอคนนั้น
- ตอนที่ 19 เพื่อ...
- ตอนที่ 20 ความจริงแล้ว...
- ตอนที่ 21 เวลาที่เหลือน้อย
- ตอนที่ 22 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 1
- ตอนที่ 23 ตั๋วหนัง ยางลบ และความทรงจำ 2
- ตอนที่ 24 วันแห่งความสุข
- ตอนที่ 25 เรื่องที่ยังไม่เคยรู้
- ตอนที่ 26 ความลับที่ถูกเปิดเผย
- ตอนที่ 27 Special Hero 1
- ตอนที่ 28 Special Hero 2
- ตอนที่ 29 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 1
- ตอนที่ 30 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 2
- ตอนที่ 31 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ Part 3
- ตอนที่ 32 Hero Diary Secret : ไดอารี่ของฮีโระ END
>>> The secret of memory : วันวานกับความทรงจำ <<<
................................................................................................................................................................................The secret of memory : ตอนที่ 13 สิ่งที่อยู่ในใจ
รุ่งเช้าของวันเสาร์ เนื่องจากนาฬิกาปลุกจากโทรศัพท์ของฮีโระไม่ได้ตั้งปลุกในวันเสาร์อาทิตย์ ปกติในวันหยุดแบบนี้ฉันจะได้นอนตื่นสายยาวๆโดยไม่...